ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 47


[ 24 ก.พ. 2551 ] - [ 18270 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 47


        จากตอนที่แล้ว   พระเจ้าวิเทหราชครั้นได้ทอดพระเนตรแสงแก้วในถาดน้ำ ก็ตรัสว่า “จริงด้วยสิ ถ้าเป็นอย่างนี้ แก้วมณีก็คงไม่มีอยู่ในสระนั้นเช่นกัน ก็แล้วแก้วมณีจะอยู่ในที่ไหนกันเล่า”

        มโหสถกราบทูลอย่างมั่นใจ  “ข้าพระองค์เชื่อว่า จักต้องอยู่บนต้นตาลเป็นแน่แท้ ขอพระองค์ทรงใช้ให้คนขึ้นไปนำมาถวายเถิด” ในที่สุด ท้าวเธอจึงรับสั่งกับราชบุรุษผู้หนึ่งว่า “เจ้าจงขึ้นไปดูทีซิ ว่าบนต้นตาลนั้นมีแก้วมณีอยู่จริงหรือไม่ ถ้ามีจริงก็จงนำมาให้เราเถิด”

        ครั้นราชบุรุษนั้นขึ้นไปถึงยอดตาล เขาก็ได้พบแก้วมณีดวงนั้นส่องแสงสว่างไสวอยู่ในรังกาบนยอดตานั่นเอง จึงหยิบด้วงแก้วนั้นชูขึ้นเหนือศีรษะ กู่ร้องก้องว่า “นี่ไง แก้วมณีจริงๆด้วย”

        เมื่อราชบุรุษนำแก้วมณีลงมาแล้ว มโหสถได้ขอรับแก้วนั้นมาจากราชบุรุษแล้วรีบนำขึ้นทูลเกล้าถวายแด่พระราชาในทันที มหาชนซึ่งมารอดูเหตุการณ์อยู่ ณ ที่นั้น ต่างกล่าวชื่นชมมโหสถ จนเสียงสดุดีดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ  ตรงกันข้ามก็มีเสียงติเตียนอาจารย์เสนกะขึ้นมาพร้อมกัน

        ฝ่ายพระเจ้าวิเทหราชทรงรับแก้วมณีนั้นด้วยพระราชหฤทัยที่เบิกบาน  ท้าวเธอทรงพอพระหฤทัยในมโหสถยิ่งขึ้นไปอีก ได้ทรงปลดสร้อยมุกดาจากพระศอพระราชทานให้กับมโหสถบัณฑิต พร้อมกับพระราชทานกำไลมุกดาเป็นของบำเหน็จแก่กุมารพันหนึ่งซึ่งเป็นบริวาร

        อยู่ต่อมาวันหนึ่ง มโหสถตามเสด็จพระราชาเพื่อประพาสพระราชอุทาน ขณะที่กำลังก้าวผ่านซุ้มประตูเข้าสู่เขตพระราชอุทยาน

        กิ้งก่าตัวหนึ่งกำลังเกาะอยู่ที่ปลายเสาค่ายซึ่งปักเป็นรั้วอยู่รายรอบพระราชอุทยาน  พอมันแลเห็นพระราชาเสด็จมาเท่านั้น ก็รีบวิ่งลงมาจากปลายเสาค่าย แล้วมาหมอบซบอยู่บนพื้นดิน

        กิ้งก่าตัวนั้นแม้เป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานตัวน้อย แต่ทว่าแสนเชื่องและคุ้นกับมนุษย์ การกระทำของมัน มิอาจพ้นสายพระเนตรของท้าวเธอไปได้

        พระเจ้าวิเทหราชทอดพระเนตรมันแล้ว ก็ทรงฉงนพระหฤทัยยิ่งนัก จึงมีพระดำรัสถามมโหสถบัณฑิตว่า “พ่อบัณฑิต กิ้งก่าตัวนี้มันทำอะไร เธอรู้ไหม”

        “ขอเดชะ กิ้งก่าหมอบลงเพื่อถวายความเคารพพระองค์ พระเจ้าข้า” มโหสถบัณฑิตกราบทูลชัดเจน ราวกับรู้อัธยาศัยของมัน

        ท้าวเธอทรงผินพระพักตร์ไปทางเหล่าราชบุรุษ ตรัสพลางแย้มพระสรวลว่า “เออ....พวกเจ้าจงดูนี่สิ แม้แต่สัตว์เดรัจฉานมันก็ยังรู้จักทำความเคารพ ช่างน่าเอ็นดูเสียจริง แล้วพวกเจ้าล่ะ จะสู้มันได้รึ” พวกราชบุรุษได้ฟังเช่นนั้น ก็หันมามองหน้ากันเลิกลั่ก

        ขณะนั้น มโหสถจึงกราบทูลให้ทรงทราบอีกว่า “ขอเดชะ พระองค์ผู้สมมติเทพ กิ้งก่ามันถวายความเคารพเพราะต้องการประจบฝ่าละอองธุลีพระบาทนั่นเอง พระพุทธเจ้าข้า”

        “อืม..เอาเถอะ แม้มันจะประจบเรา ก็อย่าให้การกระทำของมัน เป็นการไร้ผลเสียเลย เธอจงสั่งให้เจ้าพนักงานจ่ายบำเหน็จรางวัลแก่มันเถิด”

        มโหสถได้ฟังพระราชดำรัสเช่นนั้น จึงได้รีบทัดทานว่า “ขอเดชะ พระองค์ผู้สมมติเทพ ธรรมดากิ้งก่าเป็นเพียงสัตว์เดรัจฉานเท่านั้น มันไม่มีกิจที่จะต้องใช้สอยทรัพย์แต่อย่างใด พระพุทธเจ้าข้า”

       
“ถ้าเช่นนั้น เราให้อะไรจึงจะดีล่ะ พ่อบัณฑิต” 
 
        “หากว่าฝ่าพระบาททรงโปรดปรานมัน ก็เพียงแต่ทรงพระราชทานอาหารแก่มัน เท่านั้นก็เพียงพอแล้วพระพุทธเจ้าข้า”

        ท้าวเธอจึงรับสั่งถามด้วยความอยากรู้ว่า “ก็แล้วกิ้งก่านั้น มันกินอะไรเป็นอาหารเล่า”

        มโหสถเป็นปราชญ์ผู้รอบรู้ในทุกสิ่ง จึงทูลตอบทันทีว่า “มันชอบกินเนื้อ พระพุทธเจ้าข้า”

        “เธอว่า มันควรจะได้รับสักเท่าไหร่ จึงจะพอปากพอท้องของมัน” พระองค์ตรัสถาม 
 
        “เพียงแค่กากณึกเดียวเท่านั้นก็พอแล้ว พระพุทธเจ้าข้า” 

        พระเจ้าวิเทหราชทรงดำริในพระทัยว่า “หนึ่งกากณึกเท่านั้นหรือ ของพระราชทานเพียงกากณึกเดียว ดูช่างเล็กน้อยเหลือเกิน อย่าเลย เราจะให้มากกว่านั้น”

        ท้าวเธอทรงดำริแล้ว ก็มีพระกระแสรับสั่งกะราชบุรุษว่า “ตั้งแต่นี้ไป เจ้าจงซื้อเนื้อให้กิ้งก่าตัวนี้ได้กินทุกๆวัน วันละกึ่งมาสกเถิด”

        ราชบุรุษนั้นรับสนองพระบรมราชโองการแล้ว ก็ปฏิบัติตามพระกระแสรับสั่งนั้น โดยได้ไปซื้อเนื้อมาให้มันทุกวันเรื่อยมามิได้ขาด

        จนกระทั่งวันหนึ่งเป็นวันอุโบสถ ซึ่งมีพระราชกำหนดห้ามมิให้ชาวเมืองฆ่าสัตว์เป็นอาหาร ราชบุรุษผู้นั้นเที่ยวหาซื้อเนื้อสัตว์ให้กิ้งก่ากิน ตั้งแต่เช้าตรู่จนกระทั่งยามสายแต่ก็ยังมิอาจหาซื้อได้  แม้จะเอ่ยปากขอซื้อเนื้อสัตว์เก่าที่ค้างคืนมาหลายวันด้วยราคาสูง แต่ก็ถูกปฏิเสธว่าไม่มีขาย
 
        ราชบุรุษผู้สัตย์ซื่อต่อหน้าที่ของตน จึงเกิดความเดือดเนื้อร้อนใจ เกรงว่าหากพระราชาทรงทราบเรื่องนี้เข้า ก็จักทรงกริ้วเอาได้ ส่วนตนก็คงไม่พ้นต้องพระราชอาชญา โทษฐานที่ปฏิบัติหน้าที่บกพร่อง

        ขณะที่กำลังวิตกกังวลอยู่ว่าจะเอาเนื้อสัตว์มาจากที่ไหน ทันใดนั้น จึงเกิดความคิดแวบขึ้นมาว่า “เจ้ากิ้งก่าเอ๋ย ก็ในเมื่อวันนี้ ข้าไม่มีเนื้อมาให้เจ้า เจ้าก็จงเอาเงินค่าเนื้อนี้ไปก็แล้วกัน”

        ครั้นแล้ว ราชบุรุษจึงเอามีดคมบางเจาะตรงกลางเหรียญทองมูลค่ากึ่งมาสก จนทะลุเป็นรูโหว่ แล้วเอาด้ายร้อยทำเป็นวงเล็กๆ จากนั้นจึงนำไปห้อยคอให้เจ้ากิ้งก่าต่างเครื่องประดับ

        กิ้งก่าตัวนั้นพอมันได้เหรียญทองคล้องคอเข้าหน่อย ก็บังเกิดความเย่อหยิ่งจองหองขึ้นมาทันใด มันรีบตะกายขึ้นไปบนยอดเสาค่าย ชูหัวขึ้นอวดเหรียญทองในทำนองว่า ข้านั้นมีทรัพย์มากกว่าใคร

        แล้วในวันต่อมา ขณะที่พระเจ้าวิเทหราชเสด็จประพาสพระราชอุทยานตามพระราชอัธยาศัย กิ้งก่าตัวเดิมซึ่งเกาะอยู่บนเสาค่ายที่เคยเกาะ มองเห็นพระราชาเสด็จมาแต่ไกล แทนที่มันจะรีบวิ่งลงมาซบอยู่ที่พื้นดินเช่นวันก่อนๆ กลับเชิดคางชูหัวสูงขึ้นด้วยแรงเย่อหยิ่งและถือตัว

        มันนึกเปรียบเทียบตนเองเสมอกับพระราชาว่า “พระราชาหรือจะมีทรัพย์มากแต่เพียงผู้เดียว แม้เราก็มีทรัพย์มากเหมือนกัน นี่อย่างไรเล่าเหรียญทองของเรา ท่านจะมีสักเท่าไหร่กันเชียว”
 
        พระเจ้าวิเทหราชผู้สมบูรณ์ด้วยพระราชอำนาจ ครั้นได้ทอดพระเนตรอาการที่เย่อหยิ่งของมันแล้ว จะทรงดำริอย่างไร กิ้งก่าได้ทองตัวนี้จะรอดชีวิตหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 48ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 48

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 49ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 49

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 50ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 50



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก