ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 49


[ 2 มี.ค. 2551 ] - [ 18276 ] LINE it!

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  มโหสถบัณฑิต   ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี  ตอนที่ 49


        จากตอนที่แล้ว   พระเจ้าวิเทหราชได้เสด็จประพาสพระราชอุทยานอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้ทรงเห็นกิ้งก่าตัวนั้นมีอาการแปลกไปกว่าวันก่อนก็ทรงฉงนพระทัยตรัสถามมโหสถว่า “เธอทราบหรือไม่ เพราะเหตุอันใด มันจึงยังคงเกาะนิ่ง เชิดหัวชูคออยู่เช่นนั้น” 

        มโหสถบัณฑิตมองเห็นเหรียญทองกึ่งมาสกผูกติดอยู่ที่คอกิ้งก่า ก็คาดการณ์ทุกอย่างได้ตลอด จึงทูลเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ทรงทราบ แล้วกราบทูลว่า “วันนี้เจ้ากิ้งก่ามันได้เหรียญทองมาคล้องคอ  จึงเกิดถือตัวว่ามันก็มีทรัพย์เหมือนกัน  จึงแสดงอาการดูหมิ่นพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า”

        พระเจ้าวิเทหราชเมื่อทรงสอบถามจากราชบุรุษ ครั้นได้สดับเรื่องราวทั้งหมดตรงตามที่มโหสถกราบทูลทุกประการ จึงทรงโปรดปรานมโหสถยิ่งขึ้นไปอีก ได้พระราชทานส่วยที่ประตูพระนครทั้งสี่เป็นรางวัลตอบแทนความดีความชอบแด่มโหสถ

        กล่าวถึงมาณพหนุ่มชาวเมืองมิถิลานามว่าปิงคุตตระ เขาได้ออกเดินทางเพื่อไปศึกษาศิลปวิทยายังสำนักอาจารย์ทิศาปาโมกข์ เขาเป็นผู้ที่มีปัญญาเป็นเลิศ  ใช้เวลาศึกษาอยู่ในที่นั้นเพียงไม่กี่ปี ก็ได้สำเร็จศิลปศาสตร์ตามที่ตนต้องการ

        เมื่อจบการศึกษาแล้ว ก่อนกลับคืนสู่มิถิลานคร ได้เข้าไปกราบลาและฟังโอวาทจากท่านอาจารย์  อาจารย์ทิศาปาโมกข์เห็นว่าเขาเป็นคนฉลาดมีความสามารถมาก จึงใช้ให้คนไปตามธิดาสาวของตนมา เพื่อที่จะมอบธิดาสาวให้แก่ปิงคุตตระ

        กล่าวถึงธิดาสาวของอาจารย์ทิศาปาโมกข์นั้น นางเป็นหญิงผู้มีสิริ มีความงดงามราวเทพอัปสร ผิวพรรณละเอียดผุดผ่องแม้นธุลีก็ไม่อาจจับต้องกาย นางถึงพร้อมด้วยกิริยามารยาทอันงามสง่า และที่สำคัญ ยังไม่มีชายใดเป็นเจ้าของ เพราะอยู่ภายใต้การดูแลของบิดาเรื่อยมาจนบัดนี้  

        ครั้นนางมาถึงแล้ว อาจารย์จึงกล่าวกับปิงคุตตระว่า “ปิงคุตตระเอย เราน่ะมีธิดาซึ่งรักมากดุจแก้วตาดวงใจ แต่ก็เอาเถอะ บัดนี้นางเจริญวัยแล้ว สมควรที่นางจะมีคู่ครองเสียที ก็เราเป็นผู้สืบสกุลทิศาโมกข์ จึงใคร่จะปฏิบัติให้ถูกต้องตามธรรมเนียมแห่งสกุล จึงปรารถนาที่จะยกนางผู้ถึงพร้อมด้วยสิริ ให้แด่เจ้าผู้เป็นศิษย์อาวุโสของเรา นับแต่นี้ไป ไม่ว่าเจ้าจะเดินทางไปสู่ ณ ที่แห่งหนตำบลใด ขอเจ้าจงนำพานางไปด้วยในทุกหนทุกแห่งเถิด”

        ฝ่ายชายหนุ่มปิงคุตตระ เมื่อได้ฟังว่าอาจารย์เต็มใจที่จะยกบุตรสาวให้ตนเช่นนั้น แทนที่เขาจะดีใจที่จักได้สตรีผู้งดงามปานนางสวรรค์มาครอง แต่ตรงข้าม เขากลับมิได้เต็มใจที่จะรับนางมาเป็นศรีภรรยาเลย

        แม้นว่าก่อนนั้นเขาจะได้เห็นหน้านางอยู่เสมอๆ แต่ก็ไม่เคยมีจิตเสน่หาในตัวนางเลยแม้แต่น้อย  แต่ในฐานะที่เป็นศิษย์รักของอาจารย์ จึงไม่หาญกล้าตัดน้ำใจอารีที่อาจารย์มอบให้ ในที่สุด จึงจำใจตอบรับความเมตตาของอาจารย์ด้วยความเกรงใจ

        อาจารย์ทิศาปาโมกข์มีความปีติยินดียิ่งนัก ได้จัดพิธีตกแต่งให้ทั้งคู่อย่างเหมาะสมตามประเพณี ด้วยเหตุนั้น ปิงคุตตระจึงจำเป็นต้องเลื่อนเวลาเดินทางกลับมิถิลานครไปอีกหนึ่งสัปดาห์ ซึ่งแทนที่จะเป็นช่วงเวลาแห่งความรื่นรมย์เยี่ยงหนุ่มสาวที่ครองคู่กันตามวิสัยโลก  แต่ปิงคุตตระหาได้เป็นเช่นนั้น   เพียงวันแรกที่ได้อยู่ร่วมกับนาง ชายหนุ่มก็รู้สึกอึดอัดเอือมระอานางเสียเต็มที เพราะเหตุที่เขาเป็นผู้ไม่มีบุญ เป็นชายกาลกรรณีผู้ไม่มีสิริ จึงไม่อาจอยู่ร่วมกับนางผู้มีสิริได้ เช่นเดียวกับผู้ไม่มีบุญย่อมไม่คู่ควรกับผู้มีบุญ  ดังนั้น ทุกขณะเวลาจึงผ่านไปด้วยความอึดอัด ทนฝืนใจอยู่ร่วมกับเธออย่างเสียไม่ได้

        พอตกกลางคืน ถึงเวลาเข้านอน ก็ไม่อาจร่วมเรียงเคียงหมอนอยู่บนที่นอนเดียวกันได้ ความอึดอัดรุมร้อนจิตใจของปิงคุตตระ บีบคั้นให้เขาต้องลงมานอนอยู่ที่พื้น

        ฝ่ายนางผู้เป็นกุลสตรีที่ได้รับการอบรมมาดีแล้ว ครั้นเห็นสามีประพฤติเช่นนั้น ก็ไม่อาจจะทนนอนบนเตียงซึ่งเป็นที่สูงกว่าสามีต่อไปได้ จำต้องตามลงมานอนข้างล่างเคียงข้างสามี

        ปิงคุตตระเกิดอาการอึดอัดร้อนรนทนไม่ไหว รีบกลับขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม

        ส่วนนางก็ไม่รอช้า ตามขึ้นไปนอนบนเตียงใกล้ๆ อีก เขาเห็นนางตามขึ้นมา ก็รีบเผ่นกลับลงมานอนข้างล่างอีกครั้ง

        แต่คราวนี้นางได้รู้ชัดแล้วว่า ปิงคุตตระหาได้มีความต้องการในตัวนางไม่ ซ้ำยังมีความรังเกียจนางเสียอีก นางจึงตัดสินใจนอนอยู่บนเตียงนั้นแหละ แล้วก็ไม่ยอมลงมาอีกเลย ปล่อยให้เขานอนอยู่ที่พื้นทุกคืน จนกระทั่งเวลาล่วงไปหนึ่งสัปดาห์ 

        พอครบกำหนด ปิงคุตตระก็มิได้รีรอ รีบเดินทางออกจากตักศิลา แล้วมุ่งหน้าสู่มิถิลานครในทันที

        ธรรมดาว่าคู่หนุ่มสาวเมื่อร่วมเดินทางย่อมสนทนาปราศรัย ชี้ชวนกันชมนกชมไม้เพื่อบรรเทาความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า หนทางที่ว่าไกลก็จะเป็นเหมือนใกล้เพราะมีคนรู้ใจเป็นสหายร่วมทาง

        แต่สำหรับปิงคุตตระแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ เขากลับพยายามเร่งก้าวเดินเพื่อจะให้ถึงมิถิลานครโดยเร็ว จนทิ้งห่างนางไป

        ฝ่ายนางก็รีบเดินตามสามีอย่างกระชั้นชิด เพราะมิฉะนั้นก็จะตามไม่ทัน ขณะที่พักแรมกลางทางก็ต่างคนต่างพัก มิได้ยินแม้เสียงพูดคุยออกจากปากคนทั้งสอง

        ครั้นเข้าสู่เขตกรุงมิถิลานคร ทั้งคู่ก็มองเห็นกำแพงนครสูงตระหง่านอยู่ ณ เบื้องหน้า ต่างฝ่ายต่างอ่อนแรงและหิวโหยพอๆกัน

        ณ ที่ใกล้กำแพงพระนครนั้น ปิงคุตตระเหลือบเห็นต้นมะเดื่อต้นใหญ่แผ่กิ่งใบสล้างอยู่ริมทางเดิน มีผลสีสุกแดงสะพรั่ง จึงรีบปีนขึ้นไปเก็บกินอย่างหิวกระหาย โดยมิได้คำนึงถึงนางผู้เป็นภรรยาเลยว่า นางจะรู้สึกหิวโหยสักปานใด เสมือนหนึ่งว่าในหนทางนั้นไม่มีนางร่วมทางมาด้วย

        นางสุดที่จะทนกับความหิวกระหายได้ จึงเดินเข้าไปใกล้ต้นมะเดื่อ ตัดสินใจกล่าวกับสามีเป็นครั้งแรก ทั้งที่ไม่เคยได้พูดจากันมาก่อนเลย  ว่า “พี่เจ้าขา! เก็บผลมะเดื่อโยนลงมาให้น้องบ้างเถิด”

        แทนที่ปิงคุตระจะสนองต่อคำร้องขออันอ่อนหวานของนางผู้เป็นภรรยา เขากลับพูดตอกกลับเข้าให้ว่า “มือเท้าของเจ้าไม่มีหรือ เจ้าขึ้นมาเก็บกินเองไม่เป็นหรืออย่างไร นี่ ฉันไม่ใช่ขี้ข้าของเจ้านะ ถึงจะได้มาสั่งให้ทำโน่นทำนี่ได้ตามความประสงค์”  ส่วนนางเมื่อถูกปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใยเช่นนั้น จะคิดอ่านทำประการใดโปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 50ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 50

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 51ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 51

ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 52ทศชาติชาดก เรื่องมโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 52



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก