กรมธรรม์ประกันชีวิต (ในสังสารวัฏ)


[ 29 มี.ค. 2551 ] - [ 18273 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรธณัฏฐ์ภรณ์ รัตโนทัย (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    อาชีพประกันชีวิต สำหรับตัวลูกแล้ว คือ ความภาคภูมิใจที่ฝังลึกลงในสายเลือด จรดเยื่อในกระดูกทีเดียว เพราะลูกทำงานด้วยหัวใจ ในตำแหน่งผู้จัดการหน่วยของบริษัทประกันชีวิตแห่งหนึ่ง มานานเกือบ 8ปีแล้ว ยิ่งมารู้จัก โครงการประกันชีวิตในสังสารวัฏของครูไม่ใหญ่ ผ่าน DMC ก็ยิ่งรู้สึกว่า เป็นโครงการประกันที่มั่นคงและมีผลประโยชน์มาก จึงขอยื่นใบสมัครกลางอากาศ เข้าร่วมโครงการดีๆเช่นนี้ด้วยคนเจ้าค่ะ
 
 
    ลูกชื่อ กัลยาณมิตรธณัฏฐ์ภรณ์ รัตโนทัย อายุ 36ปี เป็นคนพิษณุโลก ลูกเริ่มเข้าสู่วงการขายประกันชีวิต จากอาชีพทางเลือกในเบื้องต้น เมื่อเห็นว่าน่าจะไปได้สวย จึงยึดเป็นอาชีพทางรอดในเบื้องปลาย ลูกทำอาชีพนี้ด้วยใจรักและผูกพันยิ่ง เพราะมองว่า งานนี้เป็นบุญ เป็นการช่วยเหลือแต่ละครอบครัว ในยามเกิดเหตุการณ์ร้ายที่ไม่คาดฝัน ลูกคอยให้บริการชนิดที่ไม่มีวันลา
 
    ยิ่งภายหลัง ได้เป็นหัวหน้าในการขยายทีมงาน ลูกก็ยิ่งได้รู้จักหลากชีวิตในมุมมืด มุมสลัว และมุมสว่าง ตลอดเวลา ทั้งลูกค้าและลูกน้อง เมื่อรู้จักคนเยอะเรื่องก็เลยแยะ ลูกก็ต้องเป็นที่ปรึกษารับฟังปัญหาต่างๆของผู้คน ทั้งต้องชี้แนะวิธีแก้ปัญหาให้พวกเขา ตามสติปัญญาที่มี
 
    สารพันปัญหาได้เข้ามา เปลี่ยนแปลงนิสัยดีนิสัยเดิมของลูก จากที่เคยยิ้มแย้ม เข้มแข็ง อดทน ให้กลายเป็นยิ้มยาก เครียดมาก ท้อถอย เมื่อปัญหาคนอื่นมารุมเร้า โดยที่ลูกก็ไม่รู้วิธีปลดปล่อย อีกทั้งยังรำคาญความลำเค็ญในเรื่องการเงิน เพราะต้องผ่อนบ้านผ่อนรถ หมุนเงินไม่ทัน ทำให้ลูกหงุดหงิดโมโหง่าย อารมณ์แปรปรวนเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย
 
    จังหวะชีวิตนั้นเอง มีกัลยาณมิตรได้มาชักชวนให้ไปปฏิบัติธรรมที่ธุดงคสถานพิษณุโลก ลูกตัดสินใจไปทันที พร้อมๆกับภาพวันชื่นคืนสุขในอดีต สมัยปี พ.ศ.2529 ที่ลูกยังเป็นวัยแรกรุ่นอายุ 14ปี ผุดขึ้นมาเป็นระยะ เช่น ภาพ อาจารย์ชูศรี ยัญทิพย์ ชักชวนให้ลูกเข้าชมรมพุทธศาสตร์ฯของโรงเรียนพิษณุโลก ภาพ คุณปรีชา ธีระวิทย์ คอยจัดกิจกรรมปฏิบัติธรรม ภาพตัวลูกเข้าอบรมธรรมทายาทหญิงรุ่นที่5 และกำลังนั่งปฏิบัติธรรม ตอนนั้นลูกตรึกดวงแก้วใสที่ศูนย์กลางกาย ได้ทั้งลืมตาและหลับตา แต่ถ้าหลับตาจะเห็นจุดสว่างมาก ที่กึ่งกลางดวงแก้วขนาดเท่าปลายเข็ม
 
    ลูกได้ลืมเลือนพื้นปูนที่เคยนั่ง หลังคาจากที่เคยนอนไปหลายปี รู้สึกเสียดายเวลาที่ผ่านมายิ่งนัก ในครั้งนี้ลูกจึงไม่รอช้า ตัดสินใจกลับวัด มาปฏิบัติธรรมอีกครั้ง ในปี พ.ศ.2548 และได้ร่วมงานบุญทุกบุญกับคุณครูไม่ใหญ่มาโดยตลอด ลูกแวะเวียนไปปฏิบัติธรรมที่พนาวัฒน์, ธุดงค์แก้ว, ห้องปัญญา แต่ที่ชอบมากที่สุด คือ วิหารพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ซึ่งลูกมีความสุขที่ได้นั่งสมาธิได้นาน 3-4ชั่วโมง ลูกพยายามหาเวลาหยุดนิ่งให้ตัวเองให้มากที่สุด ทั้งที่บ้าน บนรถ หรือทุกๆแห่งเท่าที่โอกาสจะอำนวย
 
    สูตรหลักที่ลูกทำ คือ ทำตามที่คุณครูไม่ใหญ่สอน วางใจสบายๆ ทำใจเหมือนเด็ก จึงคลายความผูกพันสิ่งต่างๆ ได้เร็ว ถ้าวันใดใจสบายก็จะตรึกองค์พระที่กลางท้องได้ง่ายๆ ลูกก็ปล่อยไปตามอารมณ์ คอยดูตามอย่างเดียว แต่ถ้าวันใด อารมณ์ทางโลกติดค้างอยู่มาก ลูกก็ใช้นโยบาย “ธรรมานิยม” ที่ประชาชนอย่างลูกชอบมาก คือ นิยมฟังแต่ธรรมะ โดยใช้อุปกรณ์ช่วยโดยเปิด CD ของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ คุณยายอาจารย์
 
    เมื่อปรับใจได้ก็นั่งสมาธิได้ ลูกนั่งมององค์พระไปเรื่อย ท่านหมุนบ้าง ลอยบ้าง สว่างบ้าง มืดบ้าง บางทีก็เป็นดวงแก้วสลับกับองค์พระ ลูกก็ไม่ได้ทำอะไร นั่งดูไปเรื่อยๆ เมื่อลูกนั่งได้ดีก็จะมีความสุขทุกครั้ง แต่ลูกก็มักถามตัวเองบ่อยๆว่า “คิดไปเองหรือเป็นของจริง” ที่ผ่านมาอยากถามคุณครูไม่ใหญ่จังเลยค่ะ คิดอย่างนี้มาเกือบ 2ปี
 
    จนกระทั่ง ลูกได้ขึ้นปฏิบัติธรรมที่สวนป่าหิมวันต์ จังหวัดเลย เป็นรุ่นแรกของปี พ.ศ.2551 บรรยากาศที่นี่ดีมาก ลูกรู้สึกอบอุ่นท่ามกลางกัลยาณมิตรที่ดี ตลอดจนเจ้าหน้าที่ และพระอาจารย์ที่เหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน ยิ่งเมื่อลูกได้รู้ว่า แผ่นดินแห่งนี้ คุณครูไม่ใหญ่ตั้งใจแสวงหา และกลั่นพื้นที่นี้เพื่อรองรับลูกๆที่จะมานั่งสมาธิ เพื่อเข้าถึงธรรมกัน ทำให้ลูกซาบซึ้งมาก จึงอธิษฐานกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ ขอให้ลูกเข้าถึงธรรมะที่สว่างไสว
 
    ซึ่งลูกก็ไม่ผิดหวัง เพราะหลังจากลูกตรึกถึงองค์พระ โดยเฝ้าสังเกตการณ์ในกลางท้องที่ศูนย์กลางกายฐานที่เจ็ดไม่นาน องค์พระที่กลางกายก็เปลี่ยนเป็นเพชรที่ใสและสว่างมาก ภายในท้องของลูกก็กลายเป็นโพรงที่กว้างขวาง และสว่างมากยิ่งกว่าพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน ยิ่งมองก็ยิ่งกว้าง จนเป็นแสงสว่างที่ไม่มีขอบเขต ตัวลูกก็หายไป องค์พระก็ยิ่งขยายใหญ่ขึ้นสว่างขึ้น จนลูกกลายเป็นองค์พระ และเริ่มมีองค์พระองค์ใหม่ผุดขึ้นที่กลางกาย ขึ้นมาคลุมองค์เดิม เป็นอย่างนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า อย่างช้าๆสบายๆ
 
 
    ลูกก็ไม่ได้ภาวนา “สัมมา อะระหัง” อีก เพราะใจหยุดเฉยๆ ไม่ได้คิดอะไร เชื่อคำคุณครูไม่ใหญ่ที่บอกว่า มีอะไรให้ดูก็ดูกันไป ลูกยิ่งมององค์พระก็ยิ่งงาม ยิ่งมีความสุข เหมือนที่ลูกเคยได้ยินใครเคยบอกไว้ว่า “สุขจริงหนอ สุขจริงหนอ” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง ช่างเป็นความสุขที่ไม่อาจบรรยายได้ เป็นความสุขที่มาเติมเต็มให้กับชีวิต ไม่เหมือนความสุขแบบพร่องๆ อย่างที่เคยพบในทางโลก องค์พระภายในก่อให้เกิดความสุขแบบไม่รู้จบ ลูกอยากจะเก็บพระธรรมกายไว้ในใจ ให้หัวใจกรุ่นไปด้วยความสุขอยู่ตลอดเวลา
 
    เมื่อลูกออกจากการนั่งสมาธิ เหมือนได้รับกรมธรรม์ประกันความสุขตลอดชีพ ลูกก็มีคำตอบให้กับตัวเองแล้วว่า ลูกควรทำอะไรและไม่ควรทำอะไร ลูกมองโลกเปลี่ยนไป ไม่ต้องการสิ่งใดอีกต่อไป นอกจากการปฏิบัติธรรม รู้วิธีให้กำลังใจตนเองในการสร้างบารมี และไม่เหงาอีกต่อไป เหมือนมีใครคนหนึ่งอยู่ในใจ เป็นที่พึ่งที่ระลึก คอยเตือนลูกไม่ให้เดินทางผิด ถ้าทุกคนบนโลกเป็นแบบนี้ได้ก็จะดี ลูกจะขัดเกลาจิตใจให้สะอาดขึ้นไปอีก และจะนั่งสมาธิทุกวันเพื่อให้ธรรมะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ
 
    ลูกรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากค่ะ ยิ่งนั่งธรรมะ ก็ยิ่งเข้าใจพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากขึ้น อยากให้งานหยาบของพระเดชพระคุณหลวงพ่อเสร็จเร็วๆ เพื่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อจะได้ทำงานที่แท้จริง นั่นคือทำให้ชาวโลกเข้าถึงพระธรรมกายในตัวกันทุกคน ลูกขอเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และขอสร้างบารมีตามติดพระเดชพระคุณหลวงพ่อตลอดไปค่ะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
หมดทุกข์สุขสุดแล้ สุขล้ำกว่าสวรรค์หมดทุกข์สุขสุดแล้ สุขล้ำกว่าสวรรค์

สุราพาให้ทุกข์สุราพาให้ทุกข์

ทางรอด ทางเดียวทางรอด ทางเดียว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ