มารู้เรื่องมะเร็งลําไส้ใหญ่ทั้งวิธีการรักษาและป้องกัน


[ 31 ส.ค. 2549 ] - [ 18255 ] LINE it!

คิดจะใช้ชีวิตแบบเอนจอย ไลฟ์ หรือ “สุขนิยม” ไม่เครียดไปกับสภาพแวดล้อมรอบตัว ก็ถือเป็นสิ่งดี แต่ถ้าเอนจอยอีตติ้ง เจี๊ยะแต่อาหารตะวันตก หนักไขมันหักโหมไปหน่อย แถมยังสูบบุหรี่, ดื่มแอลกอฮอล์ โดยไม่นึกห่วงสังขาร ก็เตรียมฝากเนื้อฝากตัวกับคุณหมอไว้ได้เลย!! ไม่เหมือนคนสมัยก่อน หรือชาวชนบทที่การบริโภคนิยมของเขาจะเน้นหนักแต่ผักหญ้า และการดำเนินชีวิตก็สบายๆ ไม่มีอะไรกดดันตัวเอง สุขภาพกายและใจพลอยแจ่มใสไปด้วย...ฉะนั้น ถ้าอยากอยู่อย่างปลอดมะเร็ง!! ลองมาฟังคำแนะนำจากคุณหมอ ตาม “โครงการให้ความรู้เรื่องโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก 2549” ดูบ้าง เผื่อจะเป็นแนวทางในการดูแลตัวเองเสียใหม่!!

พ.อ.รศ.น.พ.ปริญญา ทวีชัยการ ประธานชมรมศัลยแพทย์ลำไส้และทวารหนัก บอกว่า “โครงการนี้มีขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงสิ้นปีนี้ เพื่อชัก ชวนให้คนที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ตรวจอุจจาระเพื่อคัดกรองมะเร็งในระยะเริ่มต้น จะได้รักษาผ่าเนื้อร้ายให้หายขาดกันเยอะๆ เพราะตลอด 20 ปีที่ผมทำงานจุดนี้ เจอคนไข้ที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่/ทวารหนักในระยะต้นๆไม่กี่ราย!! แล้วไม่ใช่คนไข้เดินเข้ามาขอตรวจ แต่คนไข้มาตรวจร่างกายประจำปีแล้วไปเจอโดยบังเอิญ จึงอยากประชาสัมพันธ์ให้คนไทยตระหนักกับภัยร้ายที่ไม่รู้ตัว กว่าจะรู้ก็จุดสุดท้ายของชีวิตคือไปวัด!!”

ศ.น.พ.ธนพล ไหมแพง ชมรมศัลยแพทย์มะเร็ง (ประเทศ ไทย) พูดถึงโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ว่า “ข่าวร้ายคือมีสถิติ พบอีก 10 ปีข้างหน้า มะเร็งจะเพิ่มเป็น 2 เท่า ส่วนข่าวดีคือ แพทย์ไทยมีเทคนิคผ่าตัดที่ทันสมัยกว่าก่อน ทั้งผ่าและต่อท่อทวารหนัก รักษาหูรูดไว้ จะได้ไม่ต้องใช้ทวารเทียม (colostomy bag) เจาะตรงช่องท้อง หรือถ้าใช้ทวารเทียม เราก็มีวัสดุอุปกรณ์ดีขึ้น เก็บกักกลิ่นได้ ราคาไม่แพง สามารถไปงานเลี้ยง หรือว่ายน้ำเหมือนคนทั่วไปได้”

น.พ.ยงยุทธ คงธนารัตน์ นายกสมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย เสริมเรื่องค่าตรวจกับค่ารักษาเพียงคร่าวๆว่า “การตรวจอุจจาระเพื่อคัดกรองมะเร็งอยู่ระหว่าง 100-200 บาท ค่าส่องกล้องตกราวๆ 5,000-10,000 บาท ส่วนค่าตรวจด้วยรังสีแป้งแวเรียมประมาณพันกว่าบาท แต่ค่าตรวจกำหนดตายตัวไม่ได้ เพราะ รพ.รัฐกับ รพ.เอกชน ไม่เหมือนกัน แล้วที่ รพ.รัฐตั้งไว้นั้นก็ต่ำกว่าความเป็นจริง”

น.พ.สุรชาติ จักรภีร์ศิริสุข อุปนายกมะเร็งวิทยาสมาคมแห่งประเทศไทย บอกว่า ถ้าเทียบยารักษาสมัยก่อนที่มักนึกถึงแต่เคมีบำบัด คนจึงกลัวผลข้างเคียง แต่ปัจจุบันมีตัวยาใหม่ๆ ดีกว่า 10 ปีที่แล้วอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่ยาฉีด แต่มียากินเพื่อความสะดวก ลดผลข้างเคียง แล้วยังมียาที่รักษาเกือบทั้งตัวที่เลือดหล่อเลี้ยงไปถึง แต่ไม่ว่ายังไงการทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายก็สำคัญ รวมถึงการทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว มีส่วนช่วยป้องกันได้ครับ”.
 
ที่มา-


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เผยโฉมแก๊งนำจับลิขสิทธิ์ปลอมเผยโฉมแก๊งนำจับลิขสิทธิ์ปลอม

แห่จับตา รื้อเจดีย์ วัดพันอ้นแห่จับตา รื้อเจดีย์ วัดพันอ้น

ประหลาดประหลาด



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

DMC NEWS