นั่งสมาธิ ดีอย่างไร


[ 25 ก.ค. 2551 ] - [ 18270 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

ทีมงานคณะไลฟ์ทีวีของพระธรรมาจารย์ไห่เทา
จากประเทศไต้หวัน
  
    การเดินทางมาของหมู่คณะพระธรรมาจารย์ไห่เทา ณ สุขสว่าง จังหวัดเชียงใหม่  ได้มีตัวแทนลูกศิษย์ของท่าน ส่งผลปฏิบัติธรรมมา ดังนี้...
 
    พระธรรมาจารย์หุ้ยอิน หัวหน้าวัดสาขาซินเตี้ยน ท่านกล่าวว่า...เดิมทีอาตมาเป็นคนที่ตื่นเต้นและเครียดง่าย เมื่อก่อนก็ฝึกสมาธิมาหลายแบบ แต่ว่าฝึกไปก็แน่นหน้าอกไป หายใจไม่ทั่วท้อง แต่พอได้มีโอกาสมางานวันคุ้มครองโลกกับ พระธรรมาจารย์ไห่เทา วันนั้นเป็นวันแรกที่ได้รู้จัก และฟังวิธีการนั่งสมาธิเพื่อให้เข้าถึงพระธรรมกาย อาตมาพยายามตั้งใจฟังทุกคำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน และรู้สึกว่าวิธีการทำสมาธิแบบนี้แหละ ใช่เลย....นั่งเพียง 10นาทีแรก ก็ได้ความสุขแล้ว
 
    พอกลับถึงไต้หวัน อาตมาก็พยายามหาศูนย์สาขาของวัดพระธรรมกาย เพื่อจะได้นั่งสมาธิต่อ เมื่อได้เบอร์ติดต่อ พระอาจารย์สุรพรชัย ก็เมตตาสอนธรรมะให้ทุกครั้งที่อาตมาโทรศัพท์ไปถามปัญหาประสบการณ์การนั่งสมาธิ ก่อนมาสุขสว่างครั้งนี้ อาตมาเองก็มีอาการเจ็บขา แต่อาตมาตั้งตารอคอยการมาที่นี่ถึง 3เดือน จึงไม่มีอะไรมาขัดขวางได้
 
    พอมาถึง ทุกครั้งที่นั่งก็ปวดเมื่อยไปหมด จนกระทั่งได้ไปนั่งใต้ต้นไทรใหญ่ที่สวนเพชรแก้ว อาตมาก็ภาวนา “โอม-มา-นิ-เป-เม-ฮง” ไปเรื่อยๆ แค่ลมเย็นของสวนเพชรแก้วพัดโชยมา อาตมาก็เข้าไปอยู่ในสภาวะแห่งความเบาสบายได้แล้ว จากนั้นก็รักษาสภาวธรรมนั้นมาตลอด ไม่ว่าจะเดิน-ยืน-นั่ง-นอน โดยทุกครั้งที่นั่งสมาธิก็จะภาวนาคาถา “โอม-มา-นิ-เป-เม-ฮง” พอใจนิ่งก็หยุดภาวนาไปเอง แล้วก็อยู่กับอารมณ์นั้นไปเรื่อยๆ
 
    การนั่งสมาธิ ทำให้อาตมาเปลี่ยนไป ไม่เครียดง่าย ไม่ตื่นเต้นง่าย ความจำดีขึ้น แล้วใจก็นิ่ง ละมุนละไมมากขึ้นด้วย
 
**********
 
    กัลยาณมิตร หลิน จิ้ง จื๊อ อุปัฏฐากใหญ่ของวัดสาขาซินเตี้ยน กล่าวว่า...จริงๆแล้ว ดิฉันเป็นคนชอบนั่งสมาธิค่ะ แล้วก็พยายามแสวงหาวิธีนั่งสมาธิมาหลายวิธี ซึ่งแต่ละวิธีก็ไม่เคยจะไปเรียนได้เกิน 3ครั้ง เพราะรู้สึกว่าไม่ใช่ จนกระทั่งได้เดินทางมาวัดพระธรรมกาย ในวันคุ้มครองโลกที่ผ่านมา ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่ดิฉันไม่คาดฝันมาก่อน ภาพพลังศรัทธาของสาธุชนที่หลั่งไหลมาทำบุญ นั่งสมาธิ ทำให้ดิฉันมั่นใจว่า นี่ต้องเป็นวิธีการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง และเป็นสิ่งที่กำลังแสวงหาจริงๆ ยิ่งได้ฟังวิธีการนั่งสมาธิของพระเดชพระคุณหลวงพ่อก็รู้สึกว่าง่ายไม่ยากเลย จึงนำมาปฏิบัติเองทุกวันที่บ้าน
 
    ก่อนนั่งสมาธิ ดิฉันจะขอพรจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ และคุณยายอาจารย์ ช่วยคุมบุญให้นั่งสมาธิได้เป็นผลสำเร็จ เพื่อจะได้มีพลังชวนเพื่อนคนอื่นที่ไต้หวัน ให้ได้มานั่งสมาธิแบบนี้บ้าง จากนั้นก็จะทำความรู้สึกว่า ลืมทุกอย่าง ลืมเรื่องงาน และไม่รู้จักว่าตัวเองเป็นใคร ไม่มี หลิน จิ้ง จื๊อ คนนี้อยู่ แล้วดิฉันก็นั่งไปเรื่อยๆค่ะ มีความสบายอยากนั่งอย่างนี้ไปอีกนานๆ แม้จะปวดเมื่อยบ้าง แต่ก็จะนั่งเพราะเชื่อมั่นในพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และการนั่งสมาธิแบบนี้ค่ะ
 
**********
 
    กัลยาณมิตร เฉิน เซิง ไฉ นักธุรกิจนำเข้าข้าวรายใหญ่ของไต้หวัน กล่าวว่า...หลังจากที่ภรรยาของผม คือ กัลยาณมิตร หลิน จิ้ง จื๊อ กลับจากวัดพระธรรมกาย ก็มาสอนให้ผมนั่งสมาธิครับ เธอบอกว่าวิธีนี้นั่งแล้วดี สบาย วันที่เทพธิดาสอนนั้น ผมบอกว่า ยังไม่รู้สึกอะไร แต่วันต่อมาหลังเลิกงาน ก็มาลองนั่งเองอีกครั้ง นั่งไปก็โยกไป แต่โยกไปก็เบาๆสบายๆ เบาอย่างกับลอยได้ ยิ่งโยกก็ยิ่งหมุนเร็ว แล้วก็ยิ่งมีความสุขมากๆ แต่ก็กลัวมากๆเช่นกันครับ ผมก็เลยลืมตาขึ้น ปรากฏว่า ไม่เห็นมีอะไร เลยนั่งต่อ
 
    ทุกวันนี้ ผมนั่งสมาธิกับภรรยาทุกวัน โดยจะตื่นตีห้า มานั่งด้วยกันประมาณ 40นาที ตอนนี้เวลาไปทำงานใจผมก็นิ่งขึ้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนหากลูกน้องคนไหนทำอะไรไม่ถูกใจ ขัดหูขัดตา ก็จะโกรธ โมโห พูดไม่เพราะทันที แล้วเขาก็ไม่อยากจะฟัง แต่เดี๋ยวนี้ผมไม่โกรธ พูดนิ่งๆ แต่ปรากฏว่าเขาเชื่อฟังมากกว่าเดิมเสียอีกครับ
 
**********
 
    กัลยาณมิตร เฉิน เหม่ จวิน อาจารย์มหาวิทยาลัยฉือจี้ กล่าวว่า...ดิฉันเป็นลูกของคุณพ่อ เฉิน เซิง ไฉ และคุณแม่ หลิน จิ้ง จื๊อ เคยนั่งสมาธิมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2542 โดยเอาใจมาวางไว้ที่ระหว่างคิ้ว แล้วก็นั่งแบบนี้มาเรื่อยๆค่ะ
 
    พอมาถึงสุขสว่าง ก็พบเจ้าหน้าที่ที่มีแต่เสียงหัวเราะและรอยยิ้มตลอดเวลา ซึ่งดิฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า คนที่นี่...ทำไมเขายิ้มกันได้ตลอด จึงเก็บความสงสัยนี้ แล้วก็ลองนั่งสมาธิตามที่พระอาจารย์แนะนำ ทำกาย-ใจให้เบาสบาย นั่งไปก็ได้อารมณ์สบาย แล้วก็พบว่า มีองค์พระกลางแสงสว่าง อยู่ตรงหน้า ซึ่งดิฉันก็พยายามอาราธนาท่านมาไว้กลางท้อง แต่ยิ่งพยายาม ทุกอย่างก็กลับมลายหายไป
 
    พระอาจารย์จึงแนะนำให้เอาใจไว้ที่กลางท้อง แล้วดูเฉยๆเดี๋ยวท่านอยากมาในท้อง ก็จะมาเอง ตอนนี้ ดิฉันก็เลยนั่งสมาธิแบบทำใจนิ่งๆไปเรื่อยๆ ตอนนี้ดิฉันทราบแล้วว่า ทำไมลูกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงยิ้มเก่ง เพราะนั่งสมาธิแล้วมีความสุข และคิดว่าต่อไปดิฉันคงจะยิ้มเก่งตามทุกคนได้แน่ๆค่ะ
 
 
**********
 
    กัลยาณมิตร หลิน เหม่ เจิน กล่าวว่า...ดิฉันเคยทำงานเป็นพยาบาลมาก่อนค่ะ แต่ปัจจุบันเป็นอุบาสิกาอยู่ที่วัดสาขาที่ซินเตี้ยน เมื่อได้รับฟังความยิ่งใหญ่และพลังศรัทธาของสาธุชนวัดพระธรรมกาย ในงานบุญวันที่ 22 เมษายน ทำให้ดิฉันเกิดความสนใจในวัดพระธรรมกายค่ะ
 
    เมื่อ พระธรรมาจารย์จ้านจื้อ ได้มอบหนังสือ หนึ่งไม่มีสอง ให้อ่าน แล้วชวนมาสุขสว่าง ดิฉันก็ไม่ปฏิเสธ จึงได้มาที่นี่เป็นครั้งแรก ที่สุขสว่างสวยงามมากๆค่ะ วันแรกตอนบ่ายๆ ดิฉันก็นั่งสมาธิอย่างปีติและสบาย แต่วันหลังดิฉันเริ่มเมื่อยมากๆ พระอาจารย์ก็เมตตาบอกว่า ให้ทำใจสบายๆ เอาความสนใจไปอยู่ที่เสียงนกร้อง เสียงลมพัด เสียงธรรมชาติ แทนไปก่อน พอดิฉันทำตาม โดยฟังเสียงธรรมชาติแบบไม่คิดอะไร ดิฉันก็เข้าสู่สภาวะที่ไม่มีตัวตนค่ะ ไม่รู้สึกปวดอะไร รู้สึกว่ามือก็ไม่มี แขนขาก็ไม่มี
 
    วันที่ได้ไปสวนเพชรแก้ว เพียงแค่แป๊บเดียวก็เข้าสู่สภาวะนั้นอีก ไม่อยากลุกออกจากที่นั่งเลย นั่งไปเรื่อยๆ ดิฉันก็เห็นความสว่างเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยงวัน พอออกจากสมาธิแล้ว ความรู้สึกกายเบาก็ยังอยู่ มีความสุข สบายใจค่ะ
 
**********
 
    กัลยาณมิตร โหว อี้ เจิน กล่าวว่า...ช่วงปีก่อนนั้น ดิฉันป่วยตรงเส้นประสาทของกระดูกบริเวณบั้นท้าย ไปรักษาที่ญี่ปุ่น หมอก็บอกว่า อีก 5ปีจะต้องได้นั่งรถเข็นแน่นอน ซึ่งปกติแล้วไม่ว่าดิฉันจะนั่งหรือเดินก็ปวด จึงไม่อยากไปต่างประเทศสักเท่าไหร่ แต่ดิฉันก็มาปฏิบัติธรรมในครั้งนี้ และตัดสินใจว่า ถ้านั่งไม่ได้ ก็จะเดินเล่นเอา แล้วก็พกยาแก้ปวดกับกอเอี๊ยะมาเพียบเลยค่ะ
 
    แต่พอมาถึง ดิฉันก็นั่งสมาธิได้ ไม่ว่าขาจะเจ็บหรือไม่ ดิฉันก็พยายามทำตามที่หลวงพี่สอนตั้งแต่เริ่มต้น โดยปล่อยกายใจให้เบาสบาย จนกระทั่งรู้สึกได้ว่า กายได้อยู่ในท่าที่สบายทั้งตัวแล้ว...ขณะนั้น ดิฉันก็รู้สึกเหมือนไม่มีร่างกายอยู่เลย จึงจับขาตัวเองว่ายังอยู่หรือเปล่า ปรากฏว่าเราก็ยังนั่งอยู่
 
    วันต่อมา หลังจากรับประทานอาหาร ดิฉันก็นั่งสมาธิตามที่พระอาจารย์สอน ไม่นานก็มองเห็นดวงตะวัน ตะวันจะค่อยๆเคลื่อนผ่านดิฉันไป แล้วก็กลายเป็นรุ้งงาม ในใจขณะนั้นรู้สึกสงบ สบายมาก
 
    ดิฉันตั้งใจว่า กลับไปไต้หวันคราวนี้ จะนั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง แล้วจะบอกให้คนอื่นมานั่งสมาธิบ้าง เพราะดิฉันพบแล้วว่า การนั่งสมาธิไม่เพียงแต่สามารถรักษาโรคทางกายได้เท่านั้น แต่ยังรักษาโรคทางใจของมนุษย์ได้ด้วย
 
    ดิฉันกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างสูง ที่เมตตาสอนพวกเรานั่งสมาธิ และได้สร้างสถานที่ที่เหมาะสมแก่การนั่งสมาธิ เฉกเช่นสุขสว่าง ซึ่งห้อมล้อมไปด้วยแมกไม้ และธรรมชาติเช่นนี้ค่ะ
 
**********


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
นึกได้ก็เห็นได้นึกได้ก็เห็นได้

โลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตรโลกนี้ต้องมีกัลยาณมิตร

จุดเริ่มต้นของความสุขที่แท้จริงของมนุษย์จุดเริ่มต้นของความสุขที่แท้จริงของมนุษย์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ