จดหมายของนักเรียนทุนตะวันธรรม
จากสหรัฐอเมริกา
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพยิ่งครับ
ผมชื่อ ดร.บรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์ ปัจจุบันอายุ 33ปี เหตุที่อายุอานามของผมได้ล่วงเลยวัยเยาวชนไปแล้วเล็กน้อย ก็เพราะผมได้เข้าร่วมโครงการดวงตะวันสันติภาพ เป็นนักเรียนทุนตะวันธรรมรุ่นบุกเบิก มาตั้งแต่ ปี พ.ศ.2541 จนถึงปัจจุบัน
หลังจากที่สำเร็จปริญญาโท และปริญญาเอก สาขาพุทธศาสตร์ จากประเทศญี่ปุ่นแล้ว ขณะนี้ผมก็ได้เดินทางมาศึกษาต่อที่ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา ในฐานะนักวิชาการเยือน (Visiting Scholar) ตั้งแต่เดือนมิถุนายน ปีที่ผ่านมาครับ
ผมจบการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี จนกระทั่งวันสว่างของผมก็มาถึงโดยไม่ทันตั้งตัว เมื่อผมได้ทราบข่าว การไปเรียนภาษาต่อที่ประเทศญี่ปุ่น จาก พระอาจารย์สมบัติ สัมมาผโล
นอกจากนี้ ท่านยังได้เล่าให้ผมฟัง ถึงการศึกษาต่อในระดับปริญญาโท และปริญญาเอก ในสาขาวิชาพุทธศาสตร์ เพื่อที่จะรวบรวมคำสอนดั้งเดิมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้กลับคืนมาอีกครั้ง คำว่า “รวบรวมคำสอนดั้งเดิม” ทำให้ผมรู้สึกสะดุดใจมาก และอยากที่จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการรับบุญตรงนี้ จึงตัดสินใจในวันนั้นเลย
ในปี พ.ศ.2541 หลังจากเหตุการณ์อัศจรรย์ตะวันแก้ว ผมจึงได้เดินทางมายังกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อเข้าเรียนคอร์สภาษาญี่ปุ่น บรรยากาศการเรียนภาษาญี่ปุ่นของผมเป็นไปอย่างเข้มข้น และนับเป็นช่วงเวลาที่ผมขยันเรียนมากที่สุดในชีวิต ตั้งแต่เกิดมา เรียกว่าถ้าผมขยันเรียนอย่างนี้ตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ระดับปริญญาตรี ก็คงจะได้เกียรตินิยมไปหลายใบแล้วครับ ถึงแม้ภาษาญี่ปุ่นจะเป็นภาษาจะดูดีมีเสน่ห์ ฟังดูแล้วเหมือนเป็นภาษาที่คิขุอาโนเนะ แต่ความจริงแล้ว จัดเป็นภาษาที่ยากระดับต้นๆของโลกเลยทีเดียว
ตลอดระยะเวลาในการเรียนที่ประเทศญี่ปุ่น ผมก็ได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่จัดกิจกรรมส่งเสริมศีลธรรม และวัฒนธรรมชาวพุทธ ณ วัดพระธรรมกายโตเกียว และวัดพระธรรมกายโอซาก้าไปด้วย จำเป็นจะต้องใช้ความวิริยะ อุตสาหะ เป็นอย่างมาก แต่ผมกลับรู้สึกว่าการจัดกิจกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องสนุก ท้าทายทั้งศักยภาพและบุญบารมีในตัว เป็นการฝึกตัวอย่างยิ่งยวด
อีกทั้งพวกเรายังทำงานเป็นทีม ราวกับว่าผมได้กลับมาทำงานร่วมกับพี่น้องชมรมพุทธฯอีกครั้งในระดับนานาชาติ และสิ่งที่สำคัญที่สุดเหนืออื่นใดก็คือ ผมเชื่อมั่นว่า ลูกพระธัมฯในโครงการดวงตะวันสันติภาพทุกคน ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้
หลังจากที่ผมเรียนจบหลักสูตรภาษาญี่ปุ่นแล้ว ผมก็ได้คัดเลือกให้เข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทและปริญญาเอก ผมจึงตัดสินใจสมัครเข้าเรียนต่อในสาขาวิชาพุทธศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยโอตานิ เมืองเกียวโต ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงด้านวิชาพุทธศาสตร์ในประเทศญี่ปุ่น ทั้งนี้ก็เพื่อสานต่อความตั้งใจเดิมของผม ที่อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของการเข้ามาทำงานเพื่อรวบรวมคำสอนดั้งเดิม
ขณะที่ผมศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยโอตานิ ระหว่างปี พ.ศ.2544-2548 ผมก็ได้รับคัดเลือกให้ได้รับทุนการศึกษาจากทางมหาวิทยาลัย เป็นเวลาติดต่อกันนานถึง 5ปี และในปี พ.ศ.2548 ผมก็รับคัดเลือกให้เป็น 1ใน3 นักวิจัยที่ได้รับทุนการศึกษาจากสมาคมบุคเคียวเดนโดเคียวไค ซึ่งเป็นการคัดเลือกจากนักวิจัยสาขาพุทธศาสตร์ที่ส่งใบสมัครมาจากทั่วทุกมุมโลก
ในที่สุด ผมก็สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก สาขาพุทธศาสตร์ เมื่อเดือนมีนาคม ปีที่ผ่านมา แม้ผมจะสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ซึ่งถือว่าเป็นการศึกษาขั้นสูงสุดแล้วก็ตาม แต่ผมกลับรู้สึกว่าเป็นเสมือนเป็นลูกเจี๊ยบที่เพิ่งฟักออกจากไข่ เป็นลูกเจี๊ยบที่ยังต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่เข้ามาตลอดเวลา เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับภารกิจใหญ่ที่รออยู่ข้างหน้า และตั้งแต่เดือนมิถุนายน ในปีที่ผ่านมา ผมก็ยังได้รับโอกาสพิเศษให้เรียนเสริมทักษะภาษาอังกฤษ
ผมจึงตัดสินใจ เลือกที่จะเดินทางมาเข้าคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ และเพิ่มพูนทักษะการทำงานวิจัยต่อ ที่มหาวิทยาลัยวอชิงตัน เมืองซีแอตเทิล สหรัฐอเมริกา เนื่องจากที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้ มีทีมนักวิชาการที่ดีที่สุด ที่เชี่ยวชาญในการวิเคราะห์อ่านคัมภีร์เปลือกไม้ภาษาคานธารี ซึ่งเป็นคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาที่เก่าแก่ที่สุดในโลกที่ขุดพบได้ในขณะนี้ และแน่นอนครับในระหว่างที่เรียนอยู่ในขณะนี้ ผมก็ได้มีโอกาสเข้ามาช่วยจัดกิจกรรมเยาวชนเพื่อสันติภาพโลก ณ วัดพระธรรมกายซีแอตเติลด้วย แต่คราวนี้ผมต้องเปลี่ยนทำหน้าที่ในภาคภาษาญี่ปุ่นที่คุ้นเคย มาเป็นภาคภาษาอังกฤษครับ
ผมตระหนักถึงคำพูดของคุณครูไม่ใหญ่ที่ว่า “ชาวโลกกำลังรอเราอยู่” เพราะชาวท้องถิ่นของที่นี่ มีความสนใจและขวนขวายในการฝึก Meditation มาก จนเป็นกระแสขึ้นมาในขณะนี้ จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นักเรียนทุนตะวันธรรม ที่มีความสามารถทางด้านภาษา จะได้เข้ามาเป็นทำหน้าที่เป็นดวงตะวันเพื่อสันติภาพ
ผมเชื่อมั่นว่า ระยะเวลา 90วันในค่ายฝึกภาษาเตรียมความพร้อม และอีก 365วันสำหรับการไปศึกษาต่อ และทำหน้าที่เป็นเยาวชนต้นแบบในต่างแดน ของน้องๆโครงการดวงตะวันสันติภาพรุ่นที่1 ทุกๆคน จะเป็นช่วงเวลาชีวิตอันทรงคุณค่าที่สดใส และสวยงามมากที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต เฉกเช่นเดียวกับที่ผมได้สัมผัสมาแล้ว
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากครับ
ดร.บรรเจิด ชวลิตเรืองฤทธิ์
Desktop Version
