ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 138


[ 18 พ.ย. 2551 ] - [ 18273 ] LINE it!

 ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 138
 
 
    จากตอนที่แล้ว พระเจ้าจุลนีทรงประกาศพระบรมราชโองการ แต่งตั้งพราหมณ์อนุเกวัฏเป็นผู้บังคับบัญชาพิเศษ มีอำนาจเต็มที่ในการสั่งการ และควบคุมกองทัพเข้าโจมตีตามที่เห็นชอบ และให้บรรดาแม่ทัพนายกองทุกคนจงส่งเสริมสนับสนุนการรบในครั้งนี้อย่างเต็มที่
 
    นับแต่นั้นมา พราหมณ์อนุเกวัฏจึงได้เริ่มออกตรวจพลถ้วนทั่วทุกหมวดกอง ทั้งได้ปลุกใจไพร่พลให้มีกำลังใจในการสู้รบ หลังจากนั้นไม่นาน พราหมณ์อนุเกวัฏก็เริ่มสั่งกองทหารช่างให้ดำเนินการก่อสร้างสะพานข้ามคูเมือง ณ ตำบลแห่งหนึ่ง เพื่อเตรียมพร้อมที่จะเปิดช่องทางใหม่ ให้กองช้างและกองรถเข้าจู่โจมได้เต็มมือ ทั้งนี้ได้มีคำสั่งกำชับให้กำหนดเสร็จสิ้นภายในเวลาอันรวดเร็ว โดยมิให้ฝ่ายศัตรูล่วงรู้เป็นอันขาด
 
    กองทหารช่างก็เร่งลงมือปฏิบัติงาน โดยเร็วไม่รีรอชักช้า ได้เตรียมขนอุปกรณ์ต่างๆที่จะสร้างสะพานมาอย่างครบครัน พร้อมที่จะเริ่มลงมือในคืนวันนั้นเอง เมื่อลงมือไปได้หน่อยหนึ่ง แต่แล้วก็ไม่อาจปฏิบัติงานต่อไปได้ เนื่องจากไพร่พลที่กระโจนลงไปในคูเพื่อปักเสาในน้ำ ต้องเสียชีวิตลง บาดเจ็บล้มตายเป็นอันมาก เพราะถูกจระเข้และปลาร้ายรุมกัด ถึงอวัยวะพิกลพิการก็มี
 
    ที่ร้ายไปกว่านั้นคือ ทหารกองรักษาการฝ่ายมิถิลานครที่ซุ่มอยู่บนหอรบ ทันทีที่ได้ทราบข่าวที่รั่วไหลเข้าไปถึง จึงตั้งค่ายระดมยิงธนู สาดลูกศรอันคมกล้าลงมาอย่างหนาแน่นไม่ขาดสาย ทำให้ทหารฝ่ายปัญจาลนครล้มหายตายจากไปอีกเป็นจำนวนมาก ทหารฝ่ายปัญจาละจากเดิมที่มีกำลังใจฮึกเหิม ต่างก็หมดความกล้าไปตามๆกัน เพราะความกลัวตายมีอานุภาพยิ่งกว่าเข้ามาแทนที่ จึงทำให้ทหารที่เหลือต่างหนีเอาตัวรอด กลับไปตัวเปล่า โดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
 
    พอวันรุ่งขึ้น ก่อนที่พราหมณ์อนุเกวัฏจะได้รับรายงานจากทางกองทหารช่าง เรื่องความเสียหายเมื่อคืนวานนี้ ก็ออกคำสั่งให้กองทหารราบเข้าโจมตีบริเวณอีกตำบลหนึ่ง เพื่อหักทางเข้าไปในเมืองให้จงได้ แล้วสังข์สัญญาณและกลองรบซึ่งสงบเสียงมานาน ก็พลันกังวานขึ้นอีก ทหารปัญจาละต่างรีบทะยานเข้าหาศัตรูที่อยู่ ณ เบื้องหน้า อย่างไม่ครั่นคร้ามไม่สะดุ้งสะเทือนหนุนเนื่องกันเข้าไป บ้างก็ได้รับสัญญาณให้เข้าตีป้อม บ้างก็ได้รับสัญญาณให้จู่โจมเข้าทะลายกำแพงเมือง
 
    แต่แล้ว ลูกธนูจากทหารฝ่ายมิถิลาก็พวยพุ่งมาดังห่าฝน เสียบแทงทหารฝ่ายปัญจาละเสียจนย่อยยับ ส่วนทหารที่เข้ามาใกล้ป้อม ก็โดนหอกและสามง่าม ทิ่มแทงอย่างน่าเสียวสยอง ที่ปีนป่ายขึ้นมาก็ถูกกรวดทรายและก้อนหินตกลงใส่ บ้างก็ล้มบาดเจ็บ บ้างก็ถึงตาย อย่างมากมาย
 
    แต่กองทัพของปัญจาละก็ยังไม่ละพยายาม ต่างบ่ายหน้าเข้าไปหาศัตรูอย่างไม่ลดละ ด้วยอำนาจความแค้น ความบ้าเลือดเดือดดาลไม่ยอมถอย หนุนเนื่องกันเข้าไป ที่ตายแล้วก็ปล่อยให้ตายไป ที่บาดเจ็บก็ล้มลุกคลุกคลานไป ที่สามารถก็ประดาประดังเข้าไป หวังจะพิชิตมิถิลานครให้จงได้
 
    แต่แล้วในที่สุด ความพินาศย่อยยับก็ปรากฏแก่ทหารฝ่ายปัญจาละ ได้ล้มตายเป็นจำนวนมากมาย และบาดเจ็บสาหัสอีกนับไม่ถ้วน กองทัพฝ่ายปัญจาละต่างหมดกำลังที่จะบุกต่อไป ในที่สุดจึงต้องล่าถอยกลับไป แม้ว่าจะถูกบังคับอย่างไร แต่ในเมื่อไม่สมัครใจ ก็สุดที่จะบังคับตนให้เผชิญหน้ากับความตายได้
 
    พราหมณ์อนุเกวัฏ ทราบรายงานผลการปฏิบัติงานว่า ไม่เห็นจะบังเกิดผลอันใดเลย มีแต่จะล้มเหลวจนไม่เป็นท่า ทั้งกองทหารช่างที่สั่งให้ไปสร้างสะพานข้ามคูก็ไม่สามารถทำได้สำเร็จ อีกทั้งกองกำลังทหารราบที่เข้าโจมตีก็เสียหายย่อยยับ จึงแสร้งแสดงกริยาขัดเคืองแค้นใจฝ่ายศัตรู พร้อมกันนั้นก็บ่นเป็นเชิงระแวงแคลงใจให้พวกทหารปัญจาละรู้โดยทั่วกันว่า “ในกองทัพนี้เห็นจะมีไส้ศึกเป็นแน่”
 
    แล้วพราหมณ์อนุเกวัฏ ก็ออกคำสั่งอีก โดยการเปลี่ยนกองเปลี่ยนทิศทางการรบในทำนองเดียวกัน กลางคืนให้ทหารช่างดำเนินการสร้างสะพาน ส่วนกลางวันให้ทหารราบโจมตีอีกด้านหนึ่งของกำแพงเมือง ซึ่งผลก็ไม่ต่างกันกับครั้งแรก ไพร่พลของปัญจาละถึงความพินาศย่อยยับมากมายก่ายกอง ความพินาศนั้นแพร่กระจายไปกว้างมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็เป็นไปตามแผนที่พราหมณ์อนุเกวัฏวางไว้ คือ การตัดรอนกำลังของฝ่ายปัญจาละนั่นเอง
 
    ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็เกิดขึ้นตามกัน กองทหารต่างๆก็กลัวที่จะประสบภัยอันตราย ต่างก็ไม่มีใครยอมกระทำตามคำสั่ง ต่างคนต่างไม่ยอมปฏิบัติงานตามหน้าที่ ผู้บังคับกองแต่ละกองก็หมดสติปัญญา ที่จะบังคับให้พวกทหารทำตามคำสั่งที่ได้รับมาจากเบื้องบน จึงต้องลดหย่อนผ่อนปรนเอาตนรอดไปตามๆกัน กองทัพปัญจาละก็ถึงความเหลวแหลกลงทุกที
 
    ว่าแล้ว พราหมณ์อนุเกวัฏก็เรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา เพื่อขอทราบเหตุผลที่มิได้ปฏิบัติตามคำสั่ง แต่แล้วก็ได้รับฟังเหตุผลเป็นอย่างเดียวกัน คือ ความล้มเหลวในทุกๆด้าน จากนั้น พราหมณ์อนุเกวัฏก็แกล้งพูดหักหาญน้ำใจเสีย ปรารภถึงความเหลวแหลกของกองทัพที่ไร้วินัย ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาว่า “โจรยังต้องมีวินัยประจำหมู่ ยังอยู่ในบังคับบัญชาของโจรผู้ใหญ่ แต่ทหารของพระเจ้าจุลนีผู้เป็นใหญ่ในชมพูทวีป กลับไม่มีวินัย ไม่ฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา อย่างนี้สมแล้วหรือที่จะเป็นทหารของปัญจาละอีกต่อไป”
 
    เมื่อถูกโต้แย้งในที่ประชุม บรรดาแม่ทัพนายกองบางคนสุดจะทนฟังถ้อยคำกระทบกระเทียบได้ ก็กล้าค้านขึ้นบ้างว่า “ท่านอนุเกวัฏ ทุกคนก็ทำตามคำสั่งของท่าน แต่การปฏิบัติงานทุกครั้งพวกเขาต้องเอาชีวิตไปทิ้ง ความพินาศย่อยยับเป็นผลสนอง แล้วใครเล่าจะยอมปฏิบัติตามคำสั่งของท่าน”
 
พราหมณ์อนุเกวัฏได้ฟังดังนั้นก็แสร้งขึงขัง “ตกลงว่าทหารของพวกท่านใช้ไม่ได้ ใช่ไหม”
พวกเหล่าแม่ทัพนายกองได้กล่าวแก้ว่า “ท่านผู้มีอำนาจสูงสุดในกองทัพ ความใช้ไม่ได้ของพวกข้าพเจ้า เนื่องมากจากความใช้ไม่ได้ของใครเล่า ท่านจะตอบได้หรือไม่ล่ะ”
 
    ในที่สุด การประชุมเป็นอันยุติ พราหมณ์อนุเกวัฏทำทีว่าพกความโกรธอย่างเต็มที่ แล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แต่ในใจกลับปลื้มในผลสำเร็จของตนอย่างยิ่ง
 
    ส่วนว่าแผนการขั้นต่อไปของพราหมณ์อนุเกวัฏ ที่มีเป้าหมายจะทำให้กองทัพของพระเจ้าจุลนีจะต้องหนีเตลิดไป เหมือนฝูงกาที่ถูกขว้างด้วยก้อนดินนั้น จะเป็นอย่างไร โปรดติดตามตอนต่อไป
 
 
 
 
 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 139ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 139

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 140ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 140

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 141ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 141



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก