ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 139


[ 27 พ.ย. 2551 ] - [ 18264 ] LINE it!

ทศชาติชาดก
เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี
ตอนที่ 139
 
 
    จากตอนที่แล้ว พอวันรุ่งขึ้น พราหมณ์อนุเกวัฏก็ออกคำสั่งให้กองทหารราบเข้าโจมตีบริเวณอีกตำบลหนึ่ง ทหารปัญจาละต่างรีบทะยานเข้าหาศัตรูที่อยู่ ณ เบื้องหน้า แต่แล้วลูกธนูจากทหารฝ่ายมิถิลาก็พวยพุ่งมาดังห่าฝน เสียบแทงทหารฝ่ายปัญจาละเสียจนย่อยยับ
 
    พราหมณ์อนุเกวัฏ ทราบรายงานผลการปฏิบัติงานว่า แผนการทั้งหมดมีแต่จะล้มเหลวจนไม่เป็นท่า จึงแสร้งแสดงกริยาขัดเคืองแค้นใจฝ่ายศัตรู พร้อมกันนั้นก็บ่นเป็นเชิงระแวงแคลงใจให้พวกทหารปัญจาละรู้โดยทั่วกันว่า “ในกองทัพนี้เห็นจะมีไส้ศึกเป็นแน่”
 
    แล้วพราหมณ์อนุเกวัฏ ก็ออกคำสั่งอีก โดยการเปลี่ยนกองเปลี่ยนทิศทางการรบในทำนองเดียวกัน ซึ่งผลก็ไม่ต่างกันกับครั้งแรก ไพร่พลของปัญจาละถึงความพินาศย่อยยับมากมายก่ายกอง ความหวาดหวั่นพรั่นพรึงก็เกิดขึ้นตามกัน กองทหารต่างๆ ก็กลัวที่จะประสบภัยอันตราย ต่างก็ไม่มีใครยอมกระทำตามคำสั่ง ต่างคนต่างไม่ยอมปฏิบัติงานตามหน้าที่
 
    พราหมณ์อนุเกวัฏ จึงเรียกประชุมบรรดาแม่ทัพนายกองผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา แล้วแกล้งพูดหักหาญน้ำใจเสีย ปรารภถึงความเหลวแหลกของกองทัพที่ไร้วินัย ไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชา บรรดาแม่ทัพนายกองบางคนสุดจะทนฟังถ้อยคำกระทบกระเทียบได้ ก็กล้าค้านขึ้นบ้าง
 
    เมื่อพราหมณ์อนุเกวัฏ ได้ฟังดังนั้นก็แสร้งขึงขัง จนในที่สุดการประชุมเป็นอันยุติ พราหมณ์อนุเกวัฏทำทีว่าพกความโกรธอย่างเต็มที่ แล้วเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียว แต่ในใจกลับปลื้มในผลสำเร็จของตนอย่างยิ่ง พราหมณ์อนุเกวัฏจึงรีบถือเอาเหตุนั้น ขอโอกาสเข้าเฝ้าพระเจ้าจุลนีในที่รโหฐาน เพื่อกราบทูลเรื่องสำคัญแด่ท้าวเธอด้วยสีหน้าที่บอกถึงความวิตกกังวลอย่างยิ่งว่า...
 
“ขอเดชะ พระอาญามิพ้นเกล้าฯ บัดนี้ทั้งแม่ทัพนายกอง ตลอดจนพลทหารทั้งหลาย กำลังเอาใจออกห่างพระองค์เสียแล้ว พระพุทธเจ้าข้า”
พระเจ้าจุลนีทรงตกพระทัย รีบตรัสถามว่า “ท่านว่าอย่างไรนะ”
“ข้าพระพุทธเจ้าได้เคยสั่งการสิ่งใดไป แต่กลับไม่มีผู้ใดเอาใจใส่ดำเนินตามที่ข้าพระพุทธเจ้าได้สั่งการ ข้าพเจ้าจึงทูลพระองค์ว่า กองทัพที่เหลวแหลกเช่นนี้จะเป็นมหาภัยใหญ่หลวงต่อราชบัลลังก์ของพระองค์นะ พระพุทธเจ้าข้า” พราหมณ์อนุเกวัฏกล่าวด้วยสีหน้าหม่นหมอง
 
“เอ๊ะ...อะไรกัน มันร้ายแรงขนาดนั้นเชียวหรือ ท่านอาจารย์” ทรงรับสั่งอย่างตกพระหฤทัย
“พระพุทธเจ้าข้า ข้าพระองค์ยังทราบมาอีกว่า ทหารเหล่านี้ถูกมโหสถยุยงให้แข็งข้อเป็นกบฏ แม้แต่พระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ รวมถึงปุโรหิตเกวัฏต่างก็รับสินบนจากมโหสถ ทุกคนล้วนแต่เป็นพรรคพวกของมโหสถทั้งสิ้น พระพุทธเจ้าข้า”
“จะเป็นไปได้อย่างไรกันท่านอาจารย์ ทุกคนต่างก็จงรักภักดีต่อเราเสมอมา ยังไม่เห็นว่ามีผู้ใดกระด้างกระเดื่องต่อเราเลย” พระเจ้าจุลนีตรัสติงเหมือนไม่ทรงปลงพระทัยเต็มที่นัก
 
“ขอเดชะ ข้าพระองค์ยืนยันเช่นนี้ มิได้เป็นเพียงการกล่าวขึ้นลอยๆ แต่ข้าพระองค์มีหลักฐานชัดเจน หากพระองค์ไม่ทรงเชื่อที่ข้าพระองค์กราบทูล จะทรงหาโอกาสพิสูจน์เรื่องนี้ด้วยพระองค์เองก็ได้ พระพุทธเจ้าข้า”
“ทำอย่างไรจึงจะได้รู้เล่า ท่านอาจารย์” พระเจ้าจุลนีตรัสซัก
 
    “ไม่ยากพระพุทธเจ้าข้า เพียงแค่พระองค์ทรงมีพระบรมราชโองการให้พระราชาทั้งหมดมาประชุมพร้อมกัน โดยในเวลาที่เสด็จมา ก็ให้ทรงเครื่องขัตติยาภรณ์ครบถ้วน เมื่อพระองค์ได้ทอดพระเนตรเครื่องทรงของพระราชาทั้งร้อยเอ็ดพระองค์ ก็จะปรากฏนามของมโหสถบัณฑิต จารึกอยู่ที่เครื่องทรงเหล่านั้น เมื่อนั้นแหละพระองค์จักทรงเห็นประจักษ์ด้วยพระองค์เองว่า ไม่ว่าพระราชาแคว้นไหนๆ ก็ทรงรับสินบนจากมโหสถกันทั้งสิ้น ฉะนั้นหากมีโอกาส พระราชาเหล่านั้นก็จะทรงบำเพ็ญประโยชน์แก่มิถิลานครเป็นการตอบแทน พระพุทธเจ้าข้า”
 
    เพื่อจะพิสูจน์ความจริงให้แน่ชัด พระเจ้าจุลนีจึงทรงเชิญพระราชาทั้งหมดมาประชุมพร้อมกัน ณ ท้องพระโรงตามวิธีการที่พราหมณ์อนุเกวัฏแนะนำ ครั้นแล้วจึงรับสั่งให้มหาดเล็กตรวจค้นเครื่องราชาภรณ์ของพระราชาเหล่านั้น แล้วก็เป็นเช่นนั้นๆจริงๆ พระองค์ได้พบชื่อมโหสถ จารึกอยู่บนเครื่องราชาภรณ์ของพระราชาเหล่านั้นทุกพระองค์ ไม่ชิ้นใดก็ชิ้นหนึ่ง บางพระองค์ก็อยู่ที่พระภูษาทรง บางพระองค์ก็อยู่ที่พระสุวรรณมาลา บางพระองค์ก็อยู่ที่ฉลองพระบาท
 
    เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้พระเจ้าจุลนีถึงกับทรงตกตะลึง อึดอัดพระทัยเป็นอย่างยิ่ง พระพักตร์เผือดลง พระเนตรฉายแววแห่งความสะดุ้งกลัว ท้าวเธอมิได้ตรัสสิ่งใด รีบเสด็จลุกจากพระแท่น แล้วเข้าสู่พระตำหนักรโหฐานทันที ฝ่ายพราหมณ์อนุเกวัฏก็ลุกตามเสด็จพระองค์ไปด้วย ฝ่ายพระราชาที่มาประชุมเหล่านั้นต่างก็แยกย้ายกลับไปโดยที่มิทราบต้นสายปลายเหตุ
 
    พระเจ้าจุลนี เสด็จเข้าพระตำหนักด้วยพระอารมณ์หม่นหมอง ยิ่งทรงพระดำริไป ก็ยิ่งกลัดกลุ้มในพระหฤทัยเป็นกำลัง เว้นแต่พราหมณ์อนุเกวัฏแล้ว พระองค์ก็มิได้ทรงเห็นผู้ใดที่จะทรงวางพระหฤทัยได้
 
    ดังนั้น เมื่อทรงทราบว่าพราหมณ์อนุเกวัฏติดตามพระองค์เข้ามา ก็ค่อยดีพระทัยขึ้น “ขอบใจท่านอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง บัดนี้เรารู้สึกว่าเราโง่เหลือเกิน ที่มัวแต่คิดว่าทุกคนจงรักภักดีต่อเรา มิได้เฉลียวใจเลยว่า ทุกคนจะเห็นศัตรูดีกว่า ถึงกับยอมรับสินจ้างรางวัลได้ลงคอ” ท้าวเธอตรัสด้วยทรงตรอมพระทัย แล้วตรัสถามอีกว่า “ท่านอาจารย์ ท่านเห็นว่าเราควรทำอย่างไรดี ยังจะพอมีหนทางแก้ไขบ้างไหม”
 
    พราหมณ์อนุเกวัฏจึงกราบทูลว่า “ขอเดชะบัดนี้ ความจริงก็ได้ปรากฏแก่พระองค์แล้วว่า ทุกๆคนที่แวดล้อมพระองค์นั้นต่างก็รับสินบนจากมโหสถ ไม่เว้นแม้แต่ปุโรหิตเกวัฏ ความอัปมงคลได้เกิดขึ้นแก่ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทแล้ว ขอเดชะเห็นทีคงยากพระพุทธเจ้าข้า แต่พระองค์ก็อย่าได้ทรงเสียพระทัยไปเลย ข้าพระพุทธเจ้าจะขอตามเสด็จพระองค์ไปทุกหนแห่ง ทางที่ดีพระองค์ควรรีบเสด็จหนีไปเสียโดยเร็วในคืนนี้ทีเดียว อย่ารอให้ทหารของมโหสถมาจับพระองค์ได้ ถ้าขืนพระองค์ทรงชักช้าอยู่ ก็จะไม่ทันการนะพระพุทธเจ้าข้า”
 
    ส่วนว่าพระเจ้าจุลนีจะทรงตัดสินพระทัยอย่างไรต่อไป เมื่อได้สดับคำกราบทูลของพราหมณ์อนุเกวัฏ โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 140ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 140

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 141ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 141

ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 142ทศชาติชาดก เรื่อง มโหสถบัณฑิต ผู้ยิ่งด้วยปัญญาบารมี ตอนที่ 142



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก