ประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนาในจีน
"> แผ่นดินจีน ผูกพันกับพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน
จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ทำให้ทราบว่า ในสมัยของ กษัตริย์โจวเจาแห่งราชวงศ์โจว เกิดเหตุในเมืองจีนคือ 1.น้ำขึ้นในแม่น้ำ(ซึ่งปกติเป็นช่วงน้ำลด)
2.แหล่งน้ำธรรมชาติมีน้ำผุดขึ้นมาจนล้นทุกแห่ง 3.แผ่นดินไหว 4.มีแสงสว่าง 5 สี พวยพุ่งไปบนท้องฟ้า
สุดลูกหูลูกตา กษัตริย์โจวเจา จึงสอบถามอำมาตย์ว่าเกิดอะไรขึ้น อำมาตย์กราบทูลว่า “ในทิศตะวันตก(ของจีน)ได้มีอริยบุคคล
บังเกิดขึ้นแล้ว คำสอนของท่านจะเผยแผ่เข้ามาในแผ่นดินจีนในอีก 1 พันปีข้างหน้า” กษัตริย์โจวเจา จึงรับสั่งให้บันทึกเหตุการณ์นี้ไว้โดยแกะสลักลงบนแผ่นศิลา
ภาพอักษร ศิลาจารึกระบุว่า มีแผ่นดินไหวและแสงสว่าง 5 สี บนท้องฟ้า
80 ปีต่อมา ถึงยุค กษัตริย์โจวมู่ก็มีการบันทึกเหตุการณ์ประหลาดอีก คือได้เกิดแผ่นดินไหว
มีลมพัดแรงในเมืองจีนและแสงสว่างคล้ายสีรุ้ง 12 เส้น ส่องมาจากทิศตะวันตก
ทาบอยู่บนท้องฟ้าของเมืองจีนตลอดคืน อำมาตย์ทำนายว่า “กายหยาบของอริยบุคคลกำลังแตกดับจากโลกนี้ไป”
">
ซึ่งวันที่ถูกจารึกในสมัย
กษัตริย์โจวเจา ตรงกับ วันประสูติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนวันที่ถูกจารึกในสมัย
กษัตริย์โจวมู่ ตรงกับ วันปรินิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ส่วนในวันตรัสรู้นั้น
ได้มีหลักฐานบันทึกไว้ในบทขยายความว่า เกิดเหตุมีแสงสว่างมาถึงเมืองจีนด้วยเช่นกัน
">
1
พันปีต่อมา ถึงยุคราชวงศ์ฮั่นของ กษัตริย์ฮั่นหมิงตี้ พระองค์ฝันเห็นบุรุษในรูปกายทองคำ
สูงใหญ่ มีรัศมีเรืองรองกระจายไปทั่ว อำมาตย์ผู้ชำนาญในประวัติศาสตร์จีน ทำนายว่า “นั่นเป็นภาพของศาสดาพระองค์หนึ่ง
อยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งเรียกว่า “ฝอ”
หรือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในสมัยที่พระองค์มีพระชนม์ชีพ ทรงอยู่ที่อินเดีย” อำมาตย์คนที่ 2
ผู้จบการศึกษาสูงสุด กล่าวเสริมว่า “ใช่เลยพระเจ้าข้า เพราะในยุคกษัตริย์โจวเจา
มีบันทึกในศิลาจารึกเรื่องอริยบุคคลในทิศตะวันตกนี้ไว้ด้วย ซึ่งตอนนี้ก็ครบ 1
พันปีพอดี ถึงเวลาที่ศาสนาของพระองค์ ควรจะเข้ามาในแผ่นดินจีนแล้ว”
">
">
">
กษัตริย์ฮั่นหมิงตี้ จึงส่งคณะทูต ประกอบด้วยขุนนางผู้มีความรู้
18 คนไปอัญเชิญพระพุทธศาสนามาที่เมืองจีน ใช้เวลาเดินทางไปกลับถึง 3 ปี คณะทูตได้พบกับพระภิกษุชาวเอเชียกลางผสมกับอินเดีย
จำนวน 2 รูป จึงนิมนต์ท่านมาที่จีนพร้อมกับพระสูตร พระบรมสารีริกธาตุ
และพระพุทธรูป เมื่อกลับมาถึงจึงได้มีการแปลพระสูตรเป็นภาษาจีนครั้งแรกที่วัดม้าขาว
วัดม้าขาว
ปัจจุบัน วัดนี้มีอายุถึง 1,900 ปี แต่เดิมเคยเป็นของความเชื่ออื่นมาก่อน จึงถือว่าวัดนี้เป็นต้นกำเนิดพระพุทธศาสนาในประเทศจีน
">
">
">
">">
จากอดีตที่ผ่านมา ยุคใดที่กษัตริย์จีนเลื่อมใสพระพุทธศาสนา
พุทธศาสนาก็จะได้รับการฟื้นฟูและเจริญรุ่งเรือง เช่น สมัยพระเจ้าเม่งตี้
พ.ศ. 1038 มีการสลักภูเขาให้เป็นถ้ำพระพุทธรูป
เช่น ถ้ำลุงแมน
ถ้ำลุงแมน (Longman cave)
ในยุคพระเจ้าบู่ตี่
มีวัดในพระพุทธศาสนา 1,300 แห่งโดยเฉพาะในนครโลยาง มีภิกษุ-ภิกษุณีรวมกัน 2
ล้านรูป และพระต่างชาติอีก 3 พันรูป หรือในยุคพระเจ้าเกาโจ้ว
แห่งราชวงศ์ซ้อง พ.ศ.1503 ทรงโปรดให้สร้างวัด ณ สนามรบเก่า ส่งราชทูตไปอาราธนาพระสูตรจากเกาหลีและอินเดีย
ต่อมาก็โปรดให้แกะไม้แผ่น พิมพ์พระไตรปิฎกรวม 130,000 แผ่น แต่ยุคใดที่กษัตริย์ยกย่องพระพุทธศาสนาเพียงบางคราวเพื่อผลทางการเมืองหรือนับถือลัทธิความเชื่ออื่น
พุทธศาสนาก็จะเสื่อมโทรมหรือถูกทำลาย
">
นอกจากกษัตริย์จีนแล้ว พระภิกษุจีนหลายรูปก็อุทิศตนเพื่อพุทธศาสนาจนเป็นที่นับถือมาถึงปัจจุบัน
หนึ่งนั้นคือ “พระถังซำจั๋ง”
รูปปั้นพระถังซำจั๋ง
ท่านอยู่ในสมัยราชวงศ์ถัง (พ.ศ. 1161-1450)
ท่านเป็นผู้ใฝ่ศึกษาธรรมะจากหลายสำนักและพบว่ามีความแตกต่างกัน
เมื่อตรวจสอบคัมภีร์ก็แตกต่างกันอีก ไม่อาจทราบว่าฝ่ายใดถูกต้อง จึงเดินทางไปศึกษายังถิ่นกำเนิดพระพุทธศาสนาในอินเดียเพียงผู้เดียว
ในวัยเพียง 26 ปี (พ.ศ.1172) ระหว่างทางต้องผ่านทะเลทราย
บางช่วงไม่มีน้ำฉัน จนเป็นลมสลบไปหลายครั้ง บ้างก็มีโจรผู้ร้ายระหว่างทาง
ทำให้เรื่องราวในช่วงนี้ คนในยุคหลังนำมาแต่งเป็นวรรณกรรมเรื่องไซอิ๋วนี่เอง ในที่สุดท่านก็ไปถึงอินเดีย ได้ศึกษาธรรมที่มหาวิทยาลัยนาลันทาจนเข้าใจภาษาสันสกฤตและหัวข้อธรรมอย่างลึกซึ้ง ในปี พ.ศ.
1186 พระถังซำจั๋งก็นำพระธรรมกลับไปเมืองจีน โดยพระเจ้าศีลาทิตย์แห่งอินเดียจัดผู้คนพร้อมช้าง,ม้า,ลา,ล่อ ขนคัมภีร์,พระพุทธรูปและของมีค่าไปส่งให้ด้วย ท่านได้เป็นหัวหน้าในการแปลพระไตรปิฏกจากสันสกฤตเป็นภาษาจีน โดยกว่าจะแล้วเสร็จ ใช้เวลาอีกเกือบ 20 ปี ซึ่งคุณธรรมความดีครั้งนั้น
ยังคงเป็นที่กล่าวขานมาจนถึงปัจจุบัน
">
ต่อมา พระภิกษุยุคหลังพระถังซำจั๋ง
ได้นำคัมภีร์นิกายมันตรยาน ซึ่งมีกำเนิดในอินเดียเข้ามา
ซึ่งนิกายนี้เกิดขึ้นโดยนำความเชื่อเรื่องพิธีกรรมและอาถรรพเวทของพราหมณ์เข้ามารวมกับพุทธศาสนา
ประกอบกับชาวจีนก็มีความเชื่อเรื่องเทวนิยมจากลัทธิเต๋าอยู่เป็นพื้นแล้ว
ทำให้แนวคิดเรื่องเทวนิยม(ความเชื่อเรื่องเทพเจ้า-เจ้าพ่อ-เจ้าแม่) แพร่หลายอย่างกว้างขวางในที่สุด
นอกจากนี้
จุดเด่นอีกอย่างของจีนซึ่งเป็นพุทธมหายานคือการฉันมังสวิรัติ
รูปใดล่วงละเมิดจะอาบัติ เพราะถือว่าเป็นการส่งเสริมการฆ่าสัตว์ทางอ้อม
ส่งเสริมกำหนัดราคะ ทำลายสุขภาพ
ทำให้จิตใจไม่บรรลุสมาธิ และเนื้อที่ทานเข้าไปก็อาจเป็นบิดามารดาในภพชาติก่อนๆ
ก็เป็นได้