เพชรบุรี ระยอง พร้อมปฏิบัติการ...ลุย

        ตอนนี้ เหลือเวลาอีกเพียง 22วันเท่านั้น ที่ยอดสตรีผู้มีบุญทั้งแผ่นดิน จะได้กลับมารวมพลังทำความดีครั้งยิ่งใหญ่ให้สั่นสะเทือนโลกและจักรวาลกันอีกครั้ง ในโครงการบวชอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อน ห้าแสนคน ซึ่งกระแสการทำหน้าที่ของทั้งบรรดาลูกพระธัมฯพันธุ์หัวใจไม่เกี่ยง และเหล่าอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนรุ่นพี่ ก็กำลังคึกคักเบิกบานกันสุดๆ โดยทุกคนก็ได้เริ่มตะลุยลงพื้นที่ชักชวนยอดหญิงผู้มีบุญให้มาบวชกันแล้ว และที่ไหนที่ออกทำหน้าที่อย่างเร็วแรง ก็คงต้องหลบให้อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนชาวเพชรบุรี เพราะที่นี่เขาไม่มีคำว่าเดี๋ยว มีแต่ทำเลย ทำเร็ว และลงมือทำ

 

        ทันทีที่คุณครูไม่ใหญ่ประกาศ ทีมงานพระอาจารย์และพี่เลี้ยง ก็จัดสัมมนารวมพลคนรักพระพุทธศาสนาขึ้น เมื่อวันที่ 14_มีนาคม พ.ศ.2553_ที่ผ่านมา ณ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏเพชรบุรี มีอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนมาร่วมงานกว่า 400คน โดยได้รับเกียรติจากวิทยากรคนดังที่เดินทางไกลมาจากจังหวัดยะลา กัลยาณมิตรภิญญาพัชร์ จิรเลิศรัตนไกร ขึ้นมาแบ่งปันประสบการณ์จริงของสถานการณ์พระพุทธศาสนาในพื้นที่สี่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เธอเล่าได้กินใจและเข้าถึงใจคนฟังจนไม่มีใครลุกออกจากห้องประชุมเลย

 

        มีตอนหนึ่งเธอพูดว่า “ถึงเวลาแล้วที่พวกเราทุกคนจะต้องลุกขึ้นมาปกป้องพระพุทธศาสนา อย่าให้เหตุการณ์อย่างนี้เกิดขึ้นตามจังหวัดอื่นๆบนผืนแผ่นดินไทยเลยนะคะ โครงการบวชอุบาสิกาแก้ว ห้าแสนคนและโครงการบวชพระรุ่นเข้าพรรษา หนึ่งแสนรูป...นั้น เป็นสิ่งจำเป็นและเร่งด่วนมากๆ พวกเราต้องช่วยกันตามชาวพุทธให้มาบวชกันทั้งแผ่นดิน นอกจากคนบวชจะได้พบกับชีวิตใหม่แล้วยังจะได้มีส่วนช่วยกันสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาอีกด้วย”

 

เมื่อเธอถามขึ้นว่า “เราจะยอมให้พระพุทธศาสนาของเราถูกทำลายหรือคะ”

ทันใดนั้น ยอดทหารหญิงจักรพรรดิ ก็ตอบกลับมาด้วยเสียงดังกระหึ่มว่า “ไม่ยอม”

 

        การสัมมนาในครั้งนี้ได้ผลเกินล้าน เพราะทำให้อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกคน เข้าใจและรู้ถึงภัยในพระพุทธศาสนา บางคนฟังสัมมนาไปก็เช็ดน้ำตาเช็ดน้ำมูกไปด้วย ขอบอกว่าไม่ได้เป็นหวัด แต่กำลังเกิดความหวงแหนในพระพุทธศาสนาขึ้นมาอย่างจับใจ ทุกคนมีกำลังใจที่จะออกไปทำหน้าที่อย่างห้าวหาญ พากันเขียนใบปวารณาอย่างคึกคัก และหลังจากการสัมมนาแล้ว ก็พากันตะลุยไปตามตลาดและชุมชน ทำหน้าที่ชวนคนบวชในทันที สร้างความสว่างไสวไปทั้งจังหวัดเพชรบุรีกันเลย

 

 

 

        ตัวอย่าง เช่น กัลยาณมิตรนันทวรรณ อรมัย หรือ น้องอุ๊ อายุ 29ปี ก็เปิดเผยความในใจว่า “อดีต...หนูเป็นสาวแสบที่ห้าวสุดๆ ทั้งดื่มเหล้าเล่นการพนัน ชอบเที่ยวเตร็ดเตร่ ถ้าไม่สว่างก็จะไม่กลับบ้าน วันหนึ่งกำลังตั้งวงเล่นไพ่อยู่กับเพื่อนๆ ก็มีพระอาจารย์และทีมงานเข้ามาชวนสาวๆที่กำลังตั้งใจคำนวณตัวเลขในวงไพ่ ให้มาบวชเป็นอุบาสิกาแก้ว ตอนนั้นไม่มีใครสมัครสักคน พอกลับไปบ้าน แม่เห็นโบร์ชัวร์ก็บอกให้หนูไปบวช จะได้เป็นผู้เป็นคนขึ้นมาบ้าง เพราะตอนนั้นหนูไม่เชื่อฟังแม่เลย ถ้าแม่ว่ามาหนึ่งคำ หนูจะเถียงกลับไปสามคำ ทำให้ท่านเสียใจอยู่เสมอ

 

        แต่คราวนี้ พอแม่บอกให้บวช หนูกลับรับปากไปง่ายๆ ก็ไม่รู้เป็นอย่างไร เพราะในใจลึกๆก็อยากบวชมาก พอคนในหมู่บ้านรู้ก็พูดกันว่า อย่างไอ้อุ๊...มันจะบวชได้หรือ ก็เกือบจริงนะคะ เพราะเข้าโครงการมาสามวันแรกอยู่ไม่ติดเลย ยิ่งตอนเปิดดีเอ็มซี ดูหลวงพ่อ หนูจะแอบหลบไปนอนในเต็นท์อยู่เรื่อย แต่นอนไปก็ยังได้ยินเสียงหลวงพ่อพูด ฟังไปฟังมา หนูก็เริ่มรู้สึกดี และออกมานั่งฟังอย่างตั้งใจ

 

        วันหนึ่งหลวงพ่อพูดถึงคุณคำน้อย วันนั้นเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตของหนูเลยค่ะ หนูมีกำลังใจและอยากทำแต่ความดี เพราะขนาดเธอไม่มีขาเธอยังทำได้เลย แล้วหนูมีครบทุกส่วนทำไมหนูจะทำไม่ได้ หลังจากนั้นหนูก็เข้าร่วมกิจกรรมทุกอย่าง นั่งสมาธิทุกรอบจนธรรมะค่อยๆเข้าไปอยู่ในใจ พอออกจากโครงการมาแล้ว หนูก็ยังสวดมนต์ นั่งสมาธิทุกวัน อะไรๆในชีวิตก็ดีขึ้น ของที่ร้านก็ขายดิบขายดีเป็นเทน้ำเทท่า หนูขายของได้กำไรมากกว่าเดิมตั้งหลายเท่าค่ะ เดี๋ยวนี้หนูใจเย็นมีสติ แม่ว่าอะไรก็ไม่เถียง เพื่อนมาชวนไปเล่นไพ่ก็ไม่ไป ทำเอาแม่ตะลึงไปเลยค่ะ

 

        แล้วตอนนี้ ไม่ว่าหนูจะทำอะไรหรือไปไหนถ้าเจอคน ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายเป็นต้องชวนบวชค่ะ หนูจะบรรยายสรรพคุณและสิ่งดีๆที่หนูได้รับจากโครงการของหลวงพ่อ โดยเอาตัวเองเป็นตัวอย่าง ตอนนี้หนูชวนสาวๆให้มาบวชเป็นอุบาสิกาแก้วได้เกือบ 50คนแล้วนะคะ ส่วนโครงการเข้าพรรษาก็ให้สัญญาไว้แล้วหลายคน หนูบอกกับพี่ๆคุณลุงคุณน้าว่า ถ้าใบสมัครบวชหนึ่งแสนรูปมาเมื่อไหร่ จะเอามาให้กรอกทันทีถึงบ้านเลยค่ะ”

 

        ส่วนบรรยากาศการทำหน้าที่ของยอดหญิงจังหวัดระยอง ก็มาแรงไม่แพ้ใคร ถ้าเป็นโครงการของคุณครูไม่ใหญ่ “คนระยองเอาได้”

 

        เพราะเมื่อคุณครูไม่ใหญ่ประกาศนโยบาย ก็ขานรับและออกปฏิบัติการลุยทำหน้าที่ทันทีเช่นกัน โดยได้จัดสัมมนารวมใจอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนหน้าใส ไปเมื่อวันที่ 13_มีนาคม พ.ศ.2553_ณ ห้องประชุมเทศบาลมาบตาพุด จังหวัดระยอง บรรยากาศก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น เพราะมีอุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนหน้าใส เข้าร่วมฟังการสัมมนาจากทั้งห้าศูนย์การอบรม รวมแล้ว 500กว่าคน

 

        เมื่อฟังสัมมนาจบ อุบาสิกาแก้วหน่ออ่อนทุกคนก็ไม่รอช้า ตั้งใจเขียนใบปวารณากันอย่างคึกคัก และยังช่วยกันนำโบร์ชัวร์ใบสมัครรุ่นเก่า มาแก้วันที่ และเปลี่ยนตัวเลขจากหนึ่งแสนเป็นห้าแสน แบ่งสายกันออกทำหน้าที่ชวนคนบวชในทันที การทำหน้าที่ในครั้งนี้เป็นแบบทูอินวัน เพราะไม่ว่าจะเจอผู้หญิงหรือผู้ชายก็สามารถชวนให้มาบวชได้ทุกคน ชาวระยอง เขาฝากถึงทุกคนว่า “ตอนนี้ได้เวลาปฏิบัติการลุย ถ้าทุกคนช่วยกัน ห้าแสน สำเร็จแน่นอนค่ะ”