เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(2)


[ 16 มิ.ย. 2553 ] - [ 18270 ] LINE it!

เ น มิ ร า ช ช า ด ก
บํ า เ พ็ ญ อ ธิ ษ ฐ า น บ า ร มี ( ๒ )

    

 
     เมื่อใดพระเจ้าเนมิราชผู้เป็นบัณฑิต เป็นพระราชา ผู้ปราบอริราชศัตรู มีพระประสงค์ด้วยกุศล ทรงบริจาคทาน แก่ชาววิเทหะทั้งปวง เมื่อนั้นบุคคลผู้ฉลาดก็ย่อมเกิดขึ้นในโลก ความเกิดขึ้นของท่านเหล่านั้น น่าอัศจรรย์หนอ

     การประพฤติปฏิบัติธรรมด้วยการทำใจหยุดใจนิ่ง เป็นหัวใจของการสร้างบารมี เพราะการสร้างบารมีของมนุษยชาติทั้งหลาย จุดมุ่งหมายสูงสุด คือ การได้เข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้ากระทั่งเข้าสู่อายตนนิพพาน ซึ่งจะเข้าถึงได้ด้วยการทำใจหยุดใจนิ่งเท่านั้น หยุดในหยุดในกลางพระธรรมกาย จนกระทั่งเข้าไปถึงที่สุดของกลางนั้น คือที่สุดแห่งทุกข์ ที่สุดแห่งธรรม นี่คือจุดหมายปลายทางของนักสร้างบารมีทั้งหลาย กว่าเราจะเข้าถึงตรงนี้ได้ ต้องอาศัยบุญบารมีมากมายมหาศาล อาศัยความเพียรอันกลั่นกล้า ต้องหมั่นประพฤติปฏิบัติธรรมโดยไม่ขาดแม้แต่วันเดียว ดังนั้นเพื่อเป็นการเพิ่มเติมบุญบารมีให้เต็มที่ ให้ตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมให้ดีกันทุกคน

    มีวาระพระบาลีที่ปรากฏใน เนมิราชชาดก ว่า

    " อจฺเฉรํ วต โลกสฺมึ    อุปฺปชฺชนฺติ วิจกฺขณา
    ยทา อหุ นิมิราชา       ปณฺฑิโต กุสลตฺถิโก
    ราชา สพฺพวิเทหานํ      อทา ทานํ อรินฺทโม

    เมื่อใดพระเจ้าเนมิราชผู้เป็นบัณฑิต เป็นพระราชา ผู้ปราบอริราชศัตรู มีพระประสงค์ด้วยกุศล ทรงบริจาคทาน แก่ชาววิเทหะทั้งปวง เมื่อนั้นบุคคลผู้ฉลาดก็ย่อมเกิดขึ้นในโลก ความเกิดขึ้นของท่านเหล่านั้น น่าอัศจรรย์หนอ "

    มนุษย์ส่วนใหญ่ถูกความมืด คือ อวิชชาครอบงำดวงจิตไว้ ทำให้ไม่รู้ความเป็นจริงของโลกและชีวิต ไม่รู้ว่าต้องดำเนินชีวิตเช่นไรจึงจะถูกต้องและปลอดภัย ไม่รู้ว่าตัวเองยังตกเป็นบ่าวเป็นทาสของพญามาร ของกิเลสตัณหาที่นำพาให้คิด พูดและทำในสิ่งที่เป็นอกุศล ความไม่รู้เป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อการเดินทางในวัฏสงสาร เพราะอาจพลัดไปตกในอบายภูมิได้ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีกัลยาณมิตรที่คอยชี้แนะให้ดำเนินไปบนเส้นทางที่ถูกต้อง

    ในระหว่างการเวียนว่ายตายเกิด แม้จะยังไม่มีพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาโปรดเพื่อชี้ทางไปสู่อายตนนิพพาน แต่ยังมีพระโพธิสัตว์ผู้ซึ่งกำลังบ่มบารมีให้แก่รอบ คอยทำหน้าที่ยอดกัลยาณมิตรให้กับมนุษย์ทั้งหลาย ให้ได้รู้จักการทำทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา ทำให้ชีวิตปลอดภัย มีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า การอุบัติขึ้นของพระโพธิสัตว์แต่ละครั้ง เป็นสิ่งที่หาได้ยาก นับเป็นบุญลาภอันประเสริฐของผู้ที่ได้เกิดร่วมยุค ร่วมสมัย ได้มีโอกาสฟังธรรม และรับคำแนะนำพรํ่าสอนจากท่านซึ่งเป็นผู้รู้ เราย่อมพลอยเป็นผู้รู้ ผู้ฉลาดตามไปด้วย

    ดังเรื่องของพระเจ้าเนมิราชบรมโพธิสัตว์ที่จุติจากพรหมโลก ด้วยความตั้งใจที่จะมาสร้างบารมีอย่างเดียว และตั้งใจจะมาเกิดเป็นองค์สุดท้ายของวงศ์ตระกูลที่สืบทอดกันมายาวนานถึง ๘๓,๙๙๘ องค์ เมื่อพระเนมิกุมารประสูติแล้ว เป็นผู้ที่ทรงยินดีในการรักษาศีลและอุโบสถกรรม ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ท่านสอนตัวเองโดยไม่ต้องรอให้ใครมาสอน นี่เป็นลักษณะพิเศษของบุรุษอาชาไนย ท่านไม่ทรงยินดีและไม่ลุ่มหลงในเบญจกามคุณที่บำรุงบำเรออยู่รอบตัว ที่เป็นเช่นนี้ เนื่องจากบุญในตัวที่ได้สั่งสมไว้มากนั่นเอง และความเคยชินที่มีปกติอยู่ในฌานสมาบัติในพรหมโลก ซึ่งไม่ยุ่งเกี่ยวกับเบญจกามคุณ ท่านได้รูปกายที่สมบูรณ์ ได้ลักษณะที่ใกล้เคียงกับลักษณะของพระธรรมกายมาก

    * ต่อมา พระราชาผู้เป็นพระชนกของเนมิราชกุมาร เมื่อครองราชสมบัติมาได้ ๘๔,๐๐๐ ปี ได้ทอดพระเนตรเห็นผมหงอก ก็เจริญอนิจจสัญญา คือ ความไม่เที่ยงของสังขารที่นับวันมีแต่ความชรา และความตายใกล้เข้ามาทุกขณะ ทรงรำพึงขึ้นมาว่า "สังขารไม่เที่ยงหนอ วัยของเราแก่หง่อมแล้ว ถึงเวลาที่เราจะประพฤติธรรม แสวงหาที่พึ่งในโลกหน้า ด้วยการออกผนวชเป็นฤๅษีตามวงศ์ที่ได้ประพฤติสืบต่อๆ กันมา" ได้พระราชทานบ้านส่วยแก่เจ้าพนักงานภูษามาลา มอบราชสมบัติแก่พระราชโอรส แล้วทรงผนวชในพระราชอุทยานอัมพวัน บำเพ็ญตบะเจริญภาวนาอยู่ตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี เมื่อละโลก ได้เป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า 

    พระเจ้าเนมิราชทรงยินดีในการให้ทานเป็นชีวิตจิตใจ พระองค์โปรดให้สร้างโรงทาน ๕ แห่ง ที่ประตูเมือง ๔ แห่ง คือ ประตูทางด้านทิศตะวันออก ทิศตะวันตก ทิศเหนือ ทิศใต้ และในเมืองอีก ๑ แห่ง ทรงพระราชทานทรัพย์ที่โรงทานแห่งละ ๑๐๐,๐๐๐ กหาปณะ ทุกๆ วันไม่เคยขาด ทรงบำเพ็ญเบญจศีลเป็นนิตย์ สมาทานอุโบสถทุกวันปักษ์ข้างขึ้นและข้างแรม อีกทั้งทรงชักชวนมหาชนในการบำเพ็ญบุญ มีการให้ทาน เป็นต้น ทรงแสดงธรรมชี้หนทางสวรรค์ ให้รักบุญกลัวบาป กลัวการไปบังเกิดในอบายภูมิ มหาชนต่างตั้งอยู่ในโอวาทของพระองค์ พากันบำเพ็ญบุญกุศลอย่างเต็มที่ เมื่อจุติจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในเทวโลก สมัยนั้น เทวโลกชั้นต่างๆ ล้วนเนืองแน่นไปด้วยเทพบุตรและเทพธิดา ส่วนนรกเป็นประดุจห้องโถงที่ว่างเปล่า

    ด้วยเหตุนี้ ทำให้ชื่อเสียงเกียรติคุณของพระเจ้าเนมิราชแผ่ขจรขจายไปทั่วทั้งชมพูทวีป ใครได้ยินชื่อของพระองค์ จะเกิดปีติขนลุกชูชัน ต่างก็มีความปลื้มปีติว่า ชื่อนี้เป็นสิริมงคลจริงหนอ เป็นชื่อของบุคคลที่ชักชวนเพื่อนมนุษย์ให้ทำแต่คุณงามความดี บ้านเมืองร่มเย็นเป็นสุข ปราศจากคนภัยคนพาล พระองค์ทรงเป็นยิ่งกว่าพระราชาองค์ใดๆ ในวงศ์ตระกูล ทำให้สมัยนั้นไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น เนื่องจากทุกคนประพฤติอยู่ในศีล ๕ กันหมด ละโลกไปแล้วจึงมีสุคติโลกสวรรค์เป็นที่ไปเป็นอย่างต่ำ อนุโมทนากถาเป็นเครื่องกล่าวสรรเสริญพระคุณของพระเจ้าเนมิราชได้แผ่ไปทั่ว อีกทั้งลือเลื่องไปถึงสวรรค์ทุกชั้นฟ้า

    เมื่อกล่าวถึงสวรรค์ ในสมัยนั้น เทวดาในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์มาประชุมกันที่เทวสภาชื่อ สุธรรมา เทพบุตรเทพธิดาที่เคยเกิดร่วมสมัยครั้งที่เป็นมนุษย์ ซึ่งได้สั่งสมบุญไว้ด้วยกัน ครั้นได้มาพบหน้ากัน ต่างทักทายกันว่า "ท่านมาแล้วหรือ วิมานของท่านสว่างไสวจริงหนอ พระเจ้าเนมิราชทรงสอนให้ท่านทำบุญอะไรไว้ จึงได้วิมานที่สวยงามสว่างไสวถึงเพียงนี้" จากนั้นได้กล่าวถึงบุพกรรมของตนเอง และต่างพากันกล่าวสรรเสริญคุณของพระเจ้าเนมิราชว่า "น่าชื่นชมจริงหนอ พระเจ้าเนมิราชเป็นอาจารย์ของพวกเรา พวกเราทั้งหลายอาศัยพระองค์ จึงได้เสวยทิพยสมบัติมากมายถึงเพียงนี้"

    ลำพังการบังเกิดขึ้นเพื่อสร้างบารมีของพระบรมโพธิสัตว์ยังเป็นเหตุให้มนุษย์มากมายได้รับความสุขทั้งในภพนี้และในสัมปรายภพ เปรียบเสมือนแสงเงินแสงทองของดวงอาทิตย์ ที่ปรากฏขึ้นเป็นนิมิตหมายว่า ความสว่างไสวกำลังจะบังเกิดขึ้นมาบนโลก ให้มนุษย์ได้มองเห็นภาพอันงดงาม ส่วนแสงสว่างที่ได้จากการฟังคำสอนของพระโพธิสัตว์ซึ่งเป็นนักปราชญ์บัณฑิตนั้น ทำให้ปัญญาจักษุของมวลมนุษย์สมบูรณ์มากขึ้น สามารถพิจารณาเห็นชีวิตที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์ อีกทั้งไม่ประมาทในชีวิต ชีวิตจึงไม่ตกอยู่ในความมืดมนอนธการ ทำให้ได้พบกับความสว่างในภพชาติต่อไปอีกด้วย

    พระเจ้าเนมิราชทรงสมาทานอุโบสถศีล ในวันอุโบสถ ๑๕ ค่ำ ทรงเปลื้องเครื่องราชอาภรณ์ทุกชนิด สวมชุดขาวบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ บรรทมบนพระยี่ภู่อันมีสิริ ทรงหยั่งลงสู่นิทราตลอด ๒ ยาม ครั้นในปัจฉิมยาม ทรงตื่นขึ้นมานั่งขัดสมาธิคู้บัลลังก์ ทรงดำริว่า เราให้ทานไม่มีประมาณแก่ประชุมชนและรักษาศีลมาโดยตลอด ระหว่างผลแห่งการให้ทานกับผลแห่งการประพฤติพรหมจรรย์ อย่างไหนหนอจะมีอานิสงส์มากกว่ากัน ทรงดำริเช่นนี้ ก็ไม่ทรงสามารถตัดความสงสัยของพระองค์ได้ ส่วนมนุษย์หรือเทพองค์ใดจะเป็นผู้คลายความสงสัยของพระองค์ให้หมดสิ้นไป ขอให้ติดตามในตอนต่อไป 
 
พระธรรมเทศนาโดย: พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)
 
* มก. เนมิราชชาดก เล่ม ๖๓ หน้า ๒๔๑


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(3)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(3)

เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(4)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(4)

เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(5)เนมิราชชาดกบําเพ็ญอธิษฐานบารมี(5)



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ธรรมะเพื่อประชาชน