พญานาค ลำพูน, พญานาคอารักขาวัด


[ 17 ต.ค. 2548 ] - [ 18281 ] LINE it!

CASE STUDY
พญานาค ลำพูน
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
 
        กระผมเป็นพระภิกษุ เดิมจำพรรษาอยู่ที่วัดฟ้ามุ่ย จ.เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันกระผมไปรักษาการเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดต้นปัน จ.ลำพูน  กระผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ได้บวชตั้งแต่เป็นสามเณร  ตอนนั้นอายุ 12 ปี ตอนแรกตั้งใจบวชเรียน แต่ก็ได้บวชมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันกระผมบวชเป็นพระได้ 7 พรรษาแล้ว กระผมได้เคยมาวัดพระธรรมกาย 2 ครั้ง  ครั้งแรกเมื่องานสลายร่างคุณยาย และครั้งที่ 2 คงจะเป็นงานทอดผ้าป่า 3 พันวัด
  
        ปัจจุบันที่วัดของกระผมได้ติดตั้งจานดาวธรรม เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2548 ที่วัดของกระผมจะมีสาธุชนมานั่งสมาธิกันทุกวัน จะมามากเป็นพิเศษในวันพระ โดยมีกระผมเป็นผู้นำ   ญาติโยมที่นี่ต่างก็มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีความสามัคคีกันดีมาก และก็เคยได้ไปวัดพระธรรมกายด้วย
  
        วัดต้นปัน  ที่กระผมอยู่  เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง มีบริเวณพื้นที่กว้างประมาณ 3 ไร่เศษ  ชาวบ้านในสมัยก่อนเรียกกันว่า “วัดกู่หนานปัน” จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน วัดกู่หนานปันนี้ เป็นวัดที่ถูกทิ้งให้เป็นวัดร้างมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยรอบเป็นทุ่งนา แต่ในบริเวณวัดเป็นป่าทึบหนาและเป็นป่าหญ้าคาขึ้นเต็มบริเวณนั้น ซึ่งในบริเวณวัดได้มีโบราณสถานปรากฏอยู่คือ ซากฐานของพระอุโบสถมีลักษณะเป็นดินเผา สันฐานรูปทรงคล้ายกู่หรือเจดีย์ไม่ทราบชัดเจน และยังพบโบราณวัตถุ ที่ผุพังอีกมากมายหลายอย่างอาทิ เช่น ตะเกียงดินเผา  มีดดาบ   ถ้วย ชาม  เศียรพระพุทธรูป ฯ ลฯ และมีบ่อน้ำขนาดใหญ่พอประมาณ  1  บ่อ และมีบ่อน้ำขนาดเล็กอีก 1   บ่อ แต่ไม่ทราบหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นในสมัยใด มีเพียงแต่ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าเคยเป็นที่พักของ เจ้าแม่จามเทวี และได้มีการสู้รบกัน ณ  บริเวณที่แห่งนี้
   
        เนื่องจากเป็นป่าทึบ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในบริเวณนั้น มีแต่เพียงพวกหัวขโมยที่ชอบขโมย วัว - ควาย ของชาวบ้านแล้วนำมาแอบซ่อนไว้เท่านั้น  
  
        จนกระทั่งเวลาผ่านมาหลายสิบปี  พ่อหลวงตัน นันละ  จึงได้มีความคิดอยากจะมีวัดไว้ใกล้หมู่บ้าน จึงได้เข้าไปประชุมที่อำเภอ เพื่อขอบูรณะสร้างวัดขึ้นมาใหม่ โดยขอวัดร้างกู่หนานปันแห่งนี้ เพื่อสะดวกในการทำบุญของศรัทธาชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง  พอทางอำเภอ , ทางเจ้าคณะตำบล, เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด อนุญาตให้บูรณะ แล้วชาวบ้านจึงพากันมาพัฒนาฟื้นฟูวัดขึ้น โดยในครั้งนั้น ได้มี พระครูปัญญาวิลาส เป็นผู้นำศรัทธาชาวบ้านเข้ามาทำการบุกเบิก
  
        เมื่อตรวจตราดูสถานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงได้มีการทำพิธีกรรมบุกเบิกเพื่อบูรณะวัดร้างกู่หนานปันขึ้น พ.ศ.2529 ซึ่งในตอนที่ทำพิธีบุกเบิกนั้น ได้เกิดสิ่งแปลกประหลาดอยู่หลายครั้งเช่น มีพายุหมุน ลมแรง ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง และมีฝนตกเฉพาะในบริเวณวัดกู่หนานปันแห่งนี้ เพียงบริเวณเดียว จนข้าวของกระจัดกระจายเป็นที่น่าประหลาดใจและน่ากลัว แต่เหตุการณ์นั้นก็สงบลงและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และกลายเป็นอารามที่พักสงฆ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและได้ตั้งชื่อตามหมู่บ้านว่า “อารามต้นปัน”
  
        ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านก็พากันมาทำบุญ และมีชาวบ้านที่มีศรัทธา ที่มีพื้นทุ่งนาติดกับบริเวณวัด ก็ได้ถวายที่ดินของตนเองให้กับอารามต้นปัน จนอารามต้นปันมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นรวมได้ประมาณ 6 ไร่เศษ และได้ทำการก่อสร้างกุฏิหลังเล็กขึ้นและศาลาการเปรียญที่พอใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาได้ และได้ช่วยกันดิ้นรนวิ่งเต้น เพื่อให้อารามต้นปัน ได้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์โดยมี พ่อหลวงจำนง เนตรสมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินการพร้อมกับชาวบ้าน และได้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2543 พร้อมกันนั้นยังได้ทำการก่อสร้างพระวิหารขึ้นอีกหนึ่งหลังตรงบริเวณที่เป็นซากฐานของพระอุโบสถหรืออะไรสักอย่างไม่ทราบแน่ชัด
   
        เมื่อเริ่มทำการขุดก่อสร้างได้พบโบราณวัตถุมากมายหลายอย่าง และมีชาวบ้านบางคนเห็นมีพระพุทธรูปทองคำปรากฏขึ้นแต่พอพากันมาดูกลับไม่เห็นอะไร เป็นที่ประหลาดใจมาก จนปัจจุบันนี้ได้ทำการก่อสร้างมาแล้ว 10  กว่าปี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นอารามอยู่แต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะศรัทธาชาวบ้าน มีฐานะยากจน และพร้อมกับชาวบ้านบริเวณนั้น มีจำนวนน้อยแค่ 60 หลังคาเรือน อีกประการหนึ่งในช่วงหลังนี้ไม่มีพระภิกษุรูปใดมาอยู่จำวัดอย่างถาวร แต่ละรูปที่มา อยู่ได้เพียง 2-3 พรรษา ก็จากไป จึงทำให้วัดขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2548 ที่ผ่านมานี้ กระผมจึงได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน ให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาส ณ วัดแห่งนี้
   
        หลังจากที่กระผมได้เข้ามาจำพรรษาอยู่ที่นี่ ได้ประมาณ 2  สัปดาห์ ก็ได้ทำการหล่อพระประธานขึ้น เมื่อวันที่  13  กรกฎาคม  2548  และได้พาศรัทธาชาวบ้านนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้น ในวัดแห่งนี้จะมีสระน้ำอยู่หลังศาลาการเปรียญ เป็นสระที่มีขนาดกว้างประมาณ 5 เมตร และยาวประมาณ 10 เมตร 
 
        หลังจากที่กระผมได้นำสาธุชนนั่งสมาธิผ่านมาได้  1  สัปดาห์ วันหนึ่งขณะที่กระผมนั่งสมาธิอยู่ กระผมก็ได้นิมิตเห็นในสมาธิว่า ตัวกระผมได้นั่งสมาธิอยู่ในอุโบสถ ซึ่งตั้งอยู่ริมสระน้ำนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอุโบสถอยู่ที่ริมสระนั้นเลย ในนิมิตนั้นกระผมได้เห็นพญานาค 1 ตัวโผล่มาที่หน้าต่าง (สระน้ำที่ผมเห็นในนิมิตมีขนาดใหญ่กว่าสระจริงและพญานาคก็ตัวใหญ่มาก) พญานาคตัวนั้น มาเรียกกระผม กระผมเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัว และในสมาธิกระผมได้ลุกหนี แต่ก็เดินกลับมาใหม่  ก็ปรากฏเป็นพญานาคตัวเดิมพุ่งขึ้นจากสระน้ำ มาโผล่ที่หน้าต่างอีกและกลายร่างเป็นมนุษย์ผู้ชาย ลักษณะการแต่งตัวคล้ายพระราชา แต่ไม่ใส่เสื้อ สวมเครื่องประดับครบ พญานาคได้บอกกับกระผมว่า...เขาเป็นพญานาคที่ดูแลรักษาสระน้ำและบริเวณวัดแห่งนี้ เขาได้ขอให้ช่วยดูดน้ำเน่าในสระออก และทำความสะอาดบริเวณรอบสระน้ำให้เขาด้วย เขายังบอกอีกว่า ถ้าเขาอยู่ได้ ชาวบ้านก็จะอยู่อย่างสุขสบาย แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครรักษาให้ เขาพูดคล้ายๆกับ ...เขาคือผู้ดูแลรักษาที่นี่... พอพูดจบเขาก็กลายร่างเป็นพญานาคพุ่งลงน้ำไป จากนั้นก็มีพญานาคพุ่งขึ้นจากน้ำมาพร้อมกัน 3 ตัว พญานาคที่ผมเห็นนั้น มีสีเขียวเกล็ดทอง 1 ใน3 ตัวนั้น มีตัวหนึ่งมีขนาดเล็กมาก และได้กลายร่างเป็นเด็กผู้ชาย มีอายุประมาณ 9 -12 ขวบ แต่ไม่ได้พูดอะไรกับกระผม เพียงแต่กลายร่างเป็นมนุษย์ให้เห็นเฉยๆ สักพักก็กลายร่างเป็นพญานาคดังเดิม แล้วลงไปอยู่ในสระด้วยกันทั้ง 3 ตัว กระผมได้ตะโกนถามในสมาธิว่า “อยู่กันกี่ตัว” เสียงตอบออกมาจากในสระว่า “อยู่กัน 4 ตัว” มีลูกสาวอีก 1 ตัว แต่ที่ปรากฏให้กระผมเห็นในสมาธินั้นมีเพียง 3 ตัวและได้แปลงร่างให้เห็นผมเพียง 2 ตัวคือ ตัวพ่อกับลูกชาย  
   
         หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ กระผมก็ให้ชาวบ้านก็ช่วยกันขุดทำความสะอาดสระน้ำและใช้แมคโคร ปรับพื้นที่รอบสระให้ตามที่เขาขอ พอเสร็จหลังจากนั้น 2 วัน กระผมก็ได้ฝันเห็นพญานาค 4 ตัว มาขอบคุณและเห็นในสระน้ำมีปลาเงิน ปลาทองอยู่ด้วย  ทั้งพญานาค   และปลาเงินปลาทองในสระนั้น ต่างก็พากันร้องไห้ด้วยความดีใจพากันขอบคุณพร้อมกับอวยพรให้
   
        ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็มีความเชื่อว่า มีพญานาครักษาบริเวณสระน้ำวัดต้นปันแห่งนี้ บวกกับมีคนเฒ่าคนแก่เคยเล่าว่ามีพญานาคอยู่บริเวณนี้จริง  ชาวบ้านจึงพากันมานั่งวิปัสสนากรรมฐานมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กำลังนั่งเจริญวิปัสสนาได้มีชาวบ้านอยู่ 2-3 คนที่มักจะเห็นพญานาคขดขนาบทั้ง 2 ข้างของกระผม เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง และไม่ว่าจะคิดจะทำบุญครั้งใหญ่ทีไร ก็มักจะมีสิ่งดลใจให้ทำเกี่ยวกับพญานาคเสมอ และเมื่อมีการนั่งกรรมฐานเมื่อใด บางทีก็เห็นมีงูเขียวสวมมงกุฎสีทองอยู่ในบ่อน้ำ และเห็นอะไรแปลกๆหลายอย่าง ในช่วงค่ำๆหรือตอนกลางคืน ขณะนั่งกรรมฐานอยู่ มักจะได้ยินเสียงดังมาจากสระน้ำเหมือนมีอะไรตัวใหญ่ๆกระโดดน้ำอย่างแรง
 
        ที่เห็นกันมากคือดวงแก้ว ลูกโตขนาดเท่าประมาณ ลูกฟุตบอล โผล่ขึ้นจากมณฑป (บริเวณที่สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ) บางครั้งก็เห็นโผล่ขึ้นจากหลังมณฑป  บางครั้งก็เห็นตกลงมา ตรงมณฑป หรือตามที่ต่างๆของวัด ดวงแก้วนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเห็นด้วยตาเปล่า   บางทีก็เห็นมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นต่อสายตาศรัทธาชาวบ้านหลายครั้งอย่างแปลกประหลาด ปรากฏการณ์แปลกๆเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะมีปรากฏเกิดขึ้นในวันสำคัญทางศาสนาเป็นสำคัญ และจะเห็นกันในตอนกลางคืน เช่น วันเข้าพรรษา ออกพรรษา  หรือวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือบางทีก็ปรากฏตอนที่มีงานบุญครั้งใหญ่ เช่นงานทำบุญทอดกฐิน   และเห็นกันมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน 
 
คำถามมีดังนี้ครับ
 
1. ตอนที่วัดยังเป็นวัดร้าง  มีเทวามาอารักขาสถานที่อยู่หรือไม่ครับ     และวัดร้างโดยทั่วๆไป     ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4  จะมีบัญชาให้มีการมาเฝ้าสมบัติของพระพุทธศาสนานี้ทุกที่หรือไม่ครับ  
 
2. พญานาคมีอยู่ที่บริเวณวัดนี้ จริงหรือไม่ครับ ถ้าจริงเป็นพญานาคตระกูลไหนครับ    เขามาอยู่ทำไม  อยู่กันอย่างไรครับ
 
3. พญานาคเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงมาอยู่ในบริเวณสระน้ำแห่งนี้ และมีความเกี่ยวพันอะไรกับวัดนี้มาก่อนหรือไม่ครับ
 
4. พญานาค 4 ตัวนี้ มีความเกี่ยวพันหรือผูกพันกับผมและชาวบ้านบ้านต้นปันหรือไม่อย่างไรครับ   
 
5. ทำไมพญานาคจึงแปลงกายเป็นมนุษย์ให้ผมเห็นเฉพาะแต่ตัวผู้ เหตุใดตัวเมียและลูกสาว จึงไม่มาแปลงกายให้เห็น
 
6. ปลาเงินปลาทองที่ผมเห็นในฝันนั้นคืออะไรครับ
 
7. ในบริเวณวัดต้นปันมีทิพยสมบัติอยู่จริงไหมครับ และจะปรากฏให้เห็นหรือเปล่า  ถ้าปรากฏจะปรากฏเมื่อไร
 
8. ดวงแก้วและปรากฎการณ์ที่ชาวบ้านเห็นในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและวันงานบุญใหญ่  เป็นเพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดอยู่ที่วัดหรือไม่ครับ   ถ้ามีจะรักษาไว้ได้อย่างไร
 
9. วัดต้นปันจะมีโอกาสกลายเป็นวัดรุ่งและสร้างพระวิหารเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะเสร็จเร็วๆครับ
 
10. พระครูปัญญาวิลาส ผู้เป็นผู้นำในการบุกเบิกสร้างวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว และพ่อหลวงตัน นันละ  ผู้เป็นต้นคิดในการทำวัดร้างให้รุ่งก็ได้เสียชีวิตแล้ว   ท่านพระครูและพ่อหลวงละโลกแล้วไปอยู่ที่ใดครับ    ท่านได้รับบุญจากการมาบุกเบิกวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งอย่างไรครับ
 
11. ปัจจุบันผมมารักษาการเป็นเจ้าอาวาสที่นี่   ในอดีตผมเคยทำหน้าที่อย่างนี้มาบ้างหรือไม่ครับ    อดีตชาติกระผมเคยสร้างบารมีมาอย่างไร กระผมได้เคยสร้างมากับ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายหรือไม่ครับ และกระผมมีผังบวชมาหนาแน่นแค่ไหนครับ จะมีบุญบวชตลอดชีวิตหรือไม่ครับ    กราบขอคำแนะนำจากหลวงพ่อในการสร้างวัดด้วยครับ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. ตอนที่ยังเป็น “วัดร้าง” ก็มีเทวาที่มีศักดิ์น้อยมาอารักขา ทำหน้าที่เหมือน ร.ป.ภ.   โดยเฉพาะสมบัติที่อยู่ในวัด     เพื่อไม่ให้ใครเอาไป     โดยขึ้นอยู่กำลังบุญ - บาปผู้เฝ้าและผู้มาเอาว่าใครจะมีมากกว่ากัน
 
 
  • โดยจะได้รับบัญชาจากท้าวมหาราชทั้ง  4  ที่มีคำสั่งถ่ายทอดกันมาตามลำดับของการปกครอง     จนถึงหัวหน้าเขตในเมืองมนุษย์    
  • แต่ก็ไม่ได้มีในวัดร้างทุกวัด , บางวัดก็มี , บางวัด ก็ไม่มีจ่ะ ! 
 
2. พญานาคในระดับภุมมเทวาที่มีบุญไม่มากนัก     ก็มีอยู่ที่วัดนี้จริงจ่ะ ! เป็นตระกูลที่มีผิวกาย “สีเขียว” หรือ “เอราปถะ” , ที่มาอยู่ตรงนี้   เพราะอดีตเคยเป็นชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากวัดนี้ , เป็นครอบครัวใจบุญ   แต่ก็มีเศษกรรม “ต้มเหล้า” แบบพื้นบ้าน   กินบ้าง , ขายบ้าง , แจกเขาบ้าง   จึงมีบุญปนบาป
 
 
  • เมื่อตายไปแล้วก็มาเกิดเป็นภุมมเทวาสายพญานาค     แล้วก็ถูกหัวหน้าเขตสั่งให้มาอยู่บริเวณใต้ดินของวัด     โดยมีสระน้ำเป็นทางเข้าออกภพละเอียดของเขาทั้งครอบครัวจ่ะ ! 
 
3. ข้างล่างก็จะเป็นภพละเอียด   ที่เป็นวิมานที่อยู่ของเขา    ซึ่งก็ไม่ได้สวยงามมากนักเมื่อเทียบกับพญานาคชั้นสูง   ก็ถือว่าธรรมดา     แต่ก็เป็นวิมานที่เหมือนทอง , เงิน , นาค  ผสมปนเปกันจ่ะ !    
แล้วก็มีอาหารทิพย์ไปตามกำลังบุญของตัวจ่ะ !
 
 
4. พญานาค  4  ตัวนี้ก็อยู่มานานแล้วเกือบ  100  ปี    เพื่อเฝ้าสมบัติที่อยู่ในวัดและเป็นคนในพื้นที่นี้  ,  แต่ในชาติใกล้ ๆ ก็ไม่ได้มีความผูกพันกับท่านเป็นพิเศษ     แต่ก็อยากจะได้บุญที่สถานที่นี้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาเป็นวัดใหม่     จึงได้เอาใจช่วยและอนุโมทนาบุญจ่ะ!
 
 
 
5. ที่พญานาคมาปรากฏให้ท่านเห็นเฉพาะผู้ชาย     ก็เพราะว่าพญานาคผู้หญิงหรือนางมาณวิกานั้น แต่งตัวชะเวิกชวาบ   เกรงว่าเมื่อมาปรากฏให้ท่านเห็นแล้วจะทำให้ท่านใจหวั่นไหวจ่ะ ! 
 
 
6. ปลาเงินปลาทองที่ท่านเห็นในฝันนั้น     เป็นบุพนิมิตที่จะแสดงให้เห็นว่าจะมีสมบัติมาถึงท่าน     ที่จะทำให้ท่านสร้างวัดได้สำเร็จจ่ะ !

 
7. ในบริเวณวัด “ต้นปัน” ก็มีทิพยสมบัติโบราณของวัด , สมบัติบางส่วนของชาวบ้านที่มาฝังไว้ในวัดอีกจำนวนหนึ่ง  ,  กับสมบัติละเอียดของพญานาคจ่ะ !  
  • จะปรากฏให้เห็นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับชาวบ้าน   ที่จะอยู่ในศีล – ในธรรมโดยพร้อมเพรียงกันเป็นหนึ่งหรือไม่  ,  ถ้ามีศีล – ธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันก็จะปรากฏให้เกิดขึ้นได้จ่ะ ! 
 
8. “ดวงแก้ว” ที่ปรากฏให้เห็นในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา   และในวันบุญใหญ่นั้น  คือ   “พระธาตุเสด็จ” เป็นพระธาตุที่อยู่ในวัด  ,  ควรจะสร้างสถูปเจดีย์ใหม่   เอาไว้ให้เป็นที่เสด็จประทับของท่าน   จะได้เป็นที่เคารพสักการะของมนุษย์   และเทวาทั้งหลายจ่ะ !
 
 
9. วัดต้นปันก็มีโอกาสเป็น “วัดรุ่ง” ได้     ขึ้นอยู่กับตัวท่านต้องบำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มกำลัง     และชักชวนญาติโยมให้มาประพฤติธรรม  ,  จัดบวชพระเณรจะเป็นช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็ได้ , เมื่อบวชแล้วก็ให้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่  ,  ด้วยอำนาจบารมีนี้ก็จะเป็นวัดรุ่งสมปรารถนาได้จ่ะ !

 
10. “พระครูปัญญาวิลาส”  ผู้เป็นผู้นำบุกเบิกสร้างวัดร้าง     ให้เป็นวัดรุ่ง     ตอนนี้เป็นเทพบุตรสุดหล่อ   มีวิมานทองของชั้น “ยามา” ด้วยบุญดังกล่าวจ่ะ !

 
  • พ่อหลวงตัน  นันละ  ตายแล้ว   ก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้น “ดาวดึงส์” เฟส  3     ด้วยบุญที่ได้ช่วยเป็นต้นคิดในการทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งจ่ะ ! 
 
11. ในอดีตท่านก็เคยทำหน้าที่เป็น “เจ้าอาวาส” มา    ด้วยบุญที่เคยชักชวนคนทำความดี   ท่านก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยพุทธันดรที่ผ่านมาก็ได้บวชเป็นสามเณรกับหมู่คณะ     มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีได้เข้าถึงดวงธรรมและพระธรรมกาย    
 
 
  • ต่อมาเมื่อบวชเป็นพระก็ประมาทในการดำเนินชีวิต   ได้ไปติดในลาภสักการะ  เช่น  สตรี - สตางค์  เป็นต้น    จนลาสิกขาออกไปมีครอบครัว     
 
  • แต่ชีวิตของการครองเรือนก็ไม่ได้ราบรื่นดังที่คิด      จึงประสบปัญหาชีวิตมากและมาคิดได้ตอนแก่     จึงกลับมาบวชใหม่เป็น “หลวงตา”     แล้วก็อธิษฐานจิตว่า   ภพชาติต่อไปขอให้บวชตั้งแต่เยาว์วัยและให้ได้ทำงานพระศาสนาอย่างเต็มที่ 
 
  • ดังนั้นชาตินี้ผลบุญที่เคยปฏิบัติธรรมได้ดีในสมัยเป็นสามเณร   มาส่งผลให้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีในระดับหนึ่ง     ที่สามารถเห็นนิมิต   ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง     
 
  • ดังนั้นชาตินี้ก็สมปรารถนาดังที่อธิษฐานมา     เพียงแต่ต้องประคองตัวให้ดีดังที่ตั้งใจเอาไว้ในอดีต  ,  และต้อง    ทำให้ได้  ,  ต้องบวชตลอดชีวิตให้ได้  ,  คิดให้ได้อย่างนี้ทุกวัน       ก็จะเอาตัวรอดและเป็นกำลังของพระศาสนาได้จ่ะ ! 
 
  • ส่วนเรื่องการสร้างวัดเป็นเรื่องเล็ก  ,  เมื่อทำดังที่บอกไปแล้วให้สม่ำเสมอ    วัดก็เสร็จเองอย่างไม่ลำบากจ่ะ !
 
  • ชาตินี้มาเจอกันอีก     ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต     ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ ! 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม