CASE STUDY
พญานาค ลำพูน
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
กราบนมัสการคุณครูไม่ใหญ่ที่เคารพอย่างสูง
กระผมเป็นพระภิกษุ เดิมจำพรรษาอยู่ที่วัดฟ้ามุ่ย จ.เชียงใหม่ แต่ปัจจุบันกระผมไปรักษาการเป็นเจ้าอาวาสอยู่ที่วัดต้นปัน จ.ลำพูน กระผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ ได้บวชตั้งแต่เป็นสามเณร ตอนนั้นอายุ 12 ปี ตอนแรกตั้งใจบวชเรียน แต่ก็ได้บวชมาเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบันกระผมบวชเป็นพระได้ 7 พรรษาแล้ว กระผมได้เคยมาวัดพระธรรมกาย 2 ครั้ง ครั้งแรกเมื่องานสลายร่างคุณยาย และครั้งที่ 2 คงจะเป็นงานทอดผ้าป่า 3 พันวัด
ปัจจุบันที่วัดของกระผมได้ติดตั้งจานดาวธรรม เมื่อประมาณเดือนสิงหาคม 2548 ที่วัดของกระผมจะมีสาธุชนมานั่งสมาธิกันทุกวัน จะมามากเป็นพิเศษในวันพระ โดยมีกระผมเป็นผู้นำ ญาติโยมที่นี่ต่างก็มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา และมีความสามัคคีกันดีมาก และก็เคยได้ไปวัดพระธรรมกายด้วย
วัดต้นปัน ที่กระผมอยู่ เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นวัดร้าง มีบริเวณพื้นที่กว้างประมาณ 3 ไร่เศษ ชาวบ้านในสมัยก่อนเรียกกันว่า วัดกู่หนานปัน จากคำบอกเล่าของชาวบ้าน วัดกู่หนานปันนี้ เป็นวัดที่ถูกทิ้งให้เป็นวัดร้างมานานหลายร้อยปีแล้ว โดยรอบเป็นทุ่งนา แต่ในบริเวณวัดเป็นป่าทึบหนาและเป็นป่าหญ้าคาขึ้นเต็มบริเวณนั้น ซึ่งในบริเวณวัดได้มีโบราณสถานปรากฏอยู่คือ ซากฐานของพระอุโบสถมีลักษณะเป็นดินเผา สันฐานรูปทรงคล้ายกู่หรือเจดีย์ไม่ทราบชัดเจน และยังพบโบราณวัตถุ ที่ผุพังอีกมากมายหลายอย่างอาทิ เช่น ตะเกียงดินเผา มีดดาบ ถ้วย ชาม เศียรพระพุทธรูป ฯ ลฯ และมีบ่อน้ำขนาดใหญ่พอประมาณ 1 บ่อ และมีบ่อน้ำขนาดเล็กอีก 1 บ่อ แต่ไม่ทราบหลักฐานชัดเจนว่าสร้างขึ้นในสมัยใด มีเพียงแต่ชาวบ้านเล่าสืบต่อกันมาว่าเคยเป็นที่พักของ เจ้าแม่จามเทวี และได้มีการสู้รบกัน ณ บริเวณที่แห่งนี้
เนื่องจากเป็นป่าทึบ ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่มีใครกล้าเข้าไปในบริเวณนั้น มีแต่เพียงพวกหัวขโมยที่ชอบขโมย วัว - ควาย ของชาวบ้านแล้วนำมาแอบซ่อนไว้เท่านั้น
จนกระทั่งเวลาผ่านมาหลายสิบปี พ่อหลวงตัน นันละ จึงได้มีความคิดอยากจะมีวัดไว้ใกล้หมู่บ้าน จึงได้เข้าไปประชุมที่อำเภอ เพื่อขอบูรณะสร้างวัดขึ้นมาใหม่ โดยขอวัดร้างกู่หนานปันแห่งนี้ เพื่อสะดวกในการทำบุญของศรัทธาชาวบ้านในบริเวณใกล้เคียง พอทางอำเภอ , ทางเจ้าคณะตำบล, เจ้าคณะอำเภอ และเจ้าคณะจังหวัด อนุญาตให้บูรณะ แล้วชาวบ้านจึงพากันมาพัฒนาฟื้นฟูวัดขึ้น โดยในครั้งนั้น ได้มี พระครูปัญญาวิลาส เป็นผู้นำศรัทธาชาวบ้านเข้ามาทำการบุกเบิก
เมื่อตรวจตราดูสถานที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว หลังจากนั้นจึงได้มีการทำพิธีกรรมบุกเบิกเพื่อบูรณะวัดร้างกู่หนานปันขึ้น พ.ศ.2529 ซึ่งในตอนที่ทำพิธีบุกเบิกนั้น ได้เกิดสิ่งแปลกประหลาดอยู่หลายครั้งเช่น มีพายุหมุน ลมแรง ฟ้าผ่า ฟ้าร้อง และมีฝนตกเฉพาะในบริเวณวัดกู่หนานปันแห่งนี้ เพียงบริเวณเดียว จนข้าวของกระจัดกระจายเป็นที่น่าประหลาดใจและน่ากลัว แต่เหตุการณ์นั้นก็สงบลงและผ่านพ้นไปได้ด้วยดี และกลายเป็นอารามที่พักสงฆ์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาและได้ตั้งชื่อตามหมู่บ้านว่า อารามต้นปัน
ตั้งแต่นั้นมา ชาวบ้านก็พากันมาทำบุญ และมีชาวบ้านที่มีศรัทธา ที่มีพื้นทุ่งนาติดกับบริเวณวัด ก็ได้ถวายที่ดินของตนเองให้กับอารามต้นปัน จนอารามต้นปันมีเนื้อที่เพิ่มขึ้นรวมได้ประมาณ 6 ไร่เศษ และได้ทำการก่อสร้างกุฏิหลังเล็กขึ้นและศาลาการเปรียญที่พอใช้ในการประกอบพิธีกรรมทางพระพุทธศาสนาได้ และได้ช่วยกันดิ้นรนวิ่งเต้น เพื่อให้อารามต้นปัน ได้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์โดยมี พ่อหลวงจำนง เนตรสมศักดิ์ เป็นผู้ดำเนินการพร้อมกับชาวบ้าน และได้เป็นวัดอย่างสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2543 พร้อมกันนั้นยังได้ทำการก่อสร้างพระวิหารขึ้นอีกหนึ่งหลังตรงบริเวณที่เป็นซากฐานของพระอุโบสถหรืออะไรสักอย่างไม่ทราบแน่ชัด
เมื่อเริ่มทำการขุดก่อสร้างได้พบโบราณวัตถุมากมายหลายอย่าง และมีชาวบ้านบางคนเห็นมีพระพุทธรูปทองคำปรากฏขึ้นแต่พอพากันมาดูกลับไม่เห็นอะไร เป็นที่ประหลาดใจมาก จนปัจจุบันนี้ได้ทำการก่อสร้างมาแล้ว 10 กว่าปี ตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นอารามอยู่แต่ยังไม่แล้วเสร็จเพราะศรัทธาชาวบ้าน มีฐานะยากจน และพร้อมกับชาวบ้านบริเวณนั้น มีจำนวนน้อยแค่ 60 หลังคาเรือน อีกประการหนึ่งในช่วงหลังนี้ไม่มีพระภิกษุรูปใดมาอยู่จำวัดอย่างถาวร แต่ละรูปที่มา อยู่ได้เพียง 2-3 พรรษา ก็จากไป จึงทำให้วัดขาดการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2548 ที่ผ่านมานี้ กระผมจึงได้รับนิมนต์จากชาวบ้าน ให้มารักษาการแทนเจ้าอาวาส ณ วัดแห่งนี้
หลังจากที่กระผมได้เข้ามาจำพรรษาอยู่ที่นี่ ได้ประมาณ 2 สัปดาห์ ก็ได้ทำการหล่อพระประธานขึ้น เมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2548 และได้พาศรัทธาชาวบ้านนั่งปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานขึ้น ในวัดแห่งนี้จะมีสระน้ำอยู่หลังศาลาการเปรียญ เป็นสระที่มีขนาดกว้างประมาณ 5 เมตร และยาวประมาณ 10 เมตร
หลังจากที่กระผมได้นำสาธุชนนั่งสมาธิผ่านมาได้ 1 สัปดาห์ วันหนึ่งขณะที่กระผมนั่งสมาธิอยู่ กระผมก็ได้นิมิตเห็นในสมาธิว่า ตัวกระผมได้นั่งสมาธิอยู่ในอุโบสถ ซึ่งตั้งอยู่ริมสระน้ำนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีอุโบสถอยู่ที่ริมสระนั้นเลย ในนิมิตนั้นกระผมได้เห็นพญานาค 1 ตัวโผล่มาที่หน้าต่าง (สระน้ำที่ผมเห็นในนิมิตมีขนาดใหญ่กว่าสระจริงและพญานาคก็ตัวใหญ่มาก) พญานาคตัวนั้น มาเรียกกระผม กระผมเห็นดังนั้นก็เกิดความกลัว และในสมาธิกระผมได้ลุกหนี แต่ก็เดินกลับมาใหม่ ก็ปรากฏเป็นพญานาคตัวเดิมพุ่งขึ้นจากสระน้ำ มาโผล่ที่หน้าต่างอีกและกลายร่างเป็นมนุษย์ผู้ชาย ลักษณะการแต่งตัวคล้ายพระราชา แต่ไม่ใส่เสื้อ สวมเครื่องประดับครบ พญานาคได้บอกกับกระผมว่า...เขาเป็นพญานาคที่ดูแลรักษาสระน้ำและบริเวณวัดแห่งนี้ เขาได้ขอให้ช่วยดูดน้ำเน่าในสระออก และทำความสะอาดบริเวณรอบสระน้ำให้เขาด้วย เขายังบอกอีกว่า ถ้าเขาอยู่ได้ ชาวบ้านก็จะอยู่อย่างสุขสบาย แต่ถ้าเขาอยู่ไม่ได้ ชาวบ้านก็จะอยู่ไม่ได้ เพราะไม่มีใครรักษาให้ เขาพูดคล้ายๆกับ ...เขาคือผู้ดูแลรักษาที่นี่... พอพูดจบเขาก็กลายร่างเป็นพญานาคพุ่งลงน้ำไป จากนั้นก็มีพญานาคพุ่งขึ้นจากน้ำมาพร้อมกัน 3 ตัว พญานาคที่ผมเห็นนั้น มีสีเขียวเกล็ดทอง 1 ใน3 ตัวนั้น มีตัวหนึ่งมีขนาดเล็กมาก และได้กลายร่างเป็นเด็กผู้ชาย มีอายุประมาณ 9 -12 ขวบ แต่ไม่ได้พูดอะไรกับกระผม เพียงแต่กลายร่างเป็นมนุษย์ให้เห็นเฉยๆ สักพักก็กลายร่างเป็นพญานาคดังเดิม แล้วลงไปอยู่ในสระด้วยกันทั้ง 3 ตัว กระผมได้ตะโกนถามในสมาธิว่า อยู่กันกี่ตัว เสียงตอบออกมาจากในสระว่า อยู่กัน 4 ตัว มีลูกสาวอีก 1 ตัว แต่ที่ปรากฏให้กระผมเห็นในสมาธินั้นมีเพียง 3 ตัวและได้แปลงร่างให้เห็นผมเพียง 2 ตัวคือ ตัวพ่อกับลูกชาย
หลังจากนั้น 3 สัปดาห์ กระผมก็ให้ชาวบ้านก็ช่วยกันขุดทำความสะอาดสระน้ำและใช้แมคโคร ปรับพื้นที่รอบสระให้ตามที่เขาขอ พอเสร็จหลังจากนั้น 2 วัน กระผมก็ได้ฝันเห็นพญานาค 4 ตัว มาขอบคุณและเห็นในสระน้ำมีปลาเงิน ปลาทองอยู่ด้วย ทั้งพญานาค และปลาเงินปลาทองในสระนั้น ต่างก็พากันร้องไห้ด้วยความดีใจพากันขอบคุณพร้อมกับอวยพรให้
ตั้งแต่นั้นมาชาวบ้านก็มีความเชื่อว่า มีพญานาครักษาบริเวณสระน้ำวัดต้นปันแห่งนี้ บวกกับมีคนเฒ่าคนแก่เคยเล่าว่ามีพญานาคอยู่บริเวณนี้จริง ชาวบ้านจึงพากันมานั่งวิปัสสนากรรมฐานมากขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่กำลังนั่งเจริญวิปัสสนาได้มีชาวบ้านอยู่ 2-3 คนที่มักจะเห็นพญานาคขดขนาบทั้ง 2 ข้างของกระผม เห็นกันอยู่บ่อยครั้ง และไม่ว่าจะคิดจะทำบุญครั้งใหญ่ทีไร ก็มักจะมีสิ่งดลใจให้ทำเกี่ยวกับพญานาคเสมอ และเมื่อมีการนั่งกรรมฐานเมื่อใด บางทีก็เห็นมีงูเขียวสวมมงกุฎสีทองอยู่ในบ่อน้ำ และเห็นอะไรแปลกๆหลายอย่าง ในช่วงค่ำๆหรือตอนกลางคืน ขณะนั่งกรรมฐานอยู่ มักจะได้ยินเสียงดังมาจากสระน้ำเหมือนมีอะไรตัวใหญ่ๆกระโดดน้ำอย่างแรง
ที่เห็นกันมากคือดวงแก้ว ลูกโตขนาดเท่าประมาณ ลูกฟุตบอล โผล่ขึ้นจากมณฑป (บริเวณที่สรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุ) บางครั้งก็เห็นโผล่ขึ้นจากหลังมณฑป บางครั้งก็เห็นตกลงมา ตรงมณฑป หรือตามที่ต่างๆของวัด ดวงแก้วนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่จะเห็นด้วยตาเปล่า บางทีก็เห็นมีแสงสีเขียวปรากฏขึ้นต่อสายตาศรัทธาชาวบ้านหลายครั้งอย่างแปลกประหลาด ปรากฏการณ์แปลกๆเหล่านี้ ส่วนใหญ่จะมีปรากฏเกิดขึ้นในวันสำคัญทางศาสนาเป็นสำคัญ และจะเห็นกันในตอนกลางคืน เช่น วันเข้าพรรษา ออกพรรษา หรือวันพระขึ้น 15 ค่ำ หรือบางทีก็ปรากฏตอนที่มีงานบุญครั้งใหญ่ เช่นงานทำบุญทอดกฐิน และเห็นกันมาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบัน
คำถามมีดังนี้ครับ
1. ตอนที่วัดยังเป็นวัดร้าง มีเทวามาอารักขาสถานที่อยู่หรือไม่ครับ และวัดร้างโดยทั่วๆไป ท่านท้าวมหาราชทั้ง 4 จะมีบัญชาให้มีการมาเฝ้าสมบัติของพระพุทธศาสนานี้ทุกที่หรือไม่ครับ
2. พญานาคมีอยู่ที่บริเวณวัดนี้ จริงหรือไม่ครับ ถ้าจริงเป็นพญานาคตระกูลไหนครับ เขามาอยู่ทำไม อยู่กันอย่างไรครับ
3. พญานาคเหล่านี้มีประวัติความเป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงมาอยู่ในบริเวณสระน้ำแห่งนี้ และมีความเกี่ยวพันอะไรกับวัดนี้มาก่อนหรือไม่ครับ
4. พญานาค 4 ตัวนี้ มีความเกี่ยวพันหรือผูกพันกับผมและชาวบ้านบ้านต้นปันหรือไม่อย่างไรครับ
5. ทำไมพญานาคจึงแปลงกายเป็นมนุษย์ให้ผมเห็นเฉพาะแต่ตัวผู้ เหตุใดตัวเมียและลูกสาว จึงไม่มาแปลงกายให้เห็น
6. ปลาเงินปลาทองที่ผมเห็นในฝันนั้นคืออะไรครับ
7. ในบริเวณวัดต้นปันมีทิพยสมบัติอยู่จริงไหมครับ และจะปรากฏให้เห็นหรือเปล่า ถ้าปรากฏจะปรากฏเมื่อไร
8. ดวงแก้วและปรากฎการณ์ที่ชาวบ้านเห็นในวันสำคัญทางพุทธศาสนาและวันงานบุญใหญ่ เป็นเพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดอยู่ที่วัดหรือไม่ครับ ถ้ามีจะรักษาไว้ได้อย่างไร
9. วัดต้นปันจะมีโอกาสกลายเป็นวัดรุ่งและสร้างพระวิหารเสร็จสมบูรณ์หรือไม่ ทำอย่างไรจึงจะเสร็จเร็วๆครับ
10. พระครูปัญญาวิลาส ผู้เป็นผู้นำในการบุกเบิกสร้างวัดร้างให้เป็นวัดรุ่ง ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว และพ่อหลวงตัน นันละ ผู้เป็นต้นคิดในการทำวัดร้างให้รุ่งก็ได้เสียชีวิตแล้ว ท่านพระครูและพ่อหลวงละโลกแล้วไปอยู่ที่ใดครับ ท่านได้รับบุญจากการมาบุกเบิกวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งอย่างไรครับ
11. ปัจจุบันผมมารักษาการเป็นเจ้าอาวาสที่นี่ ในอดีตผมเคยทำหน้าที่อย่างนี้มาบ้างหรือไม่ครับ อดีตชาติกระผมเคยสร้างบารมีมาอย่างไร กระผมได้เคยสร้างมากับ หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยายหรือไม่ครับ และกระผมมีผังบวชมาหนาแน่นแค่ไหนครับ จะมีบุญบวชตลอดชีวิตหรือไม่ครับ กราบขอคำแนะนำจากหลวงพ่อในการสร้างวัดด้วยครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมา หาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
1. ตอนที่ยังเป็น วัดร้าง ก็มีเทวาที่มีศักดิ์น้อยมาอารักขา ทำหน้าที่เหมือน ร.ป.ภ. โดยเฉพาะสมบัติที่อยู่ในวัด เพื่อไม่ให้ใครเอาไป โดยขึ้นอยู่กำลังบุญ - บาปผู้เฝ้าและผู้มาเอาว่าใครจะมีมากกว่ากัน
- โดยจะได้รับบัญชาจากท้าวมหาราชทั้ง 4 ที่มีคำสั่งถ่ายทอดกันมาตามลำดับของการปกครอง จนถึงหัวหน้าเขตในเมืองมนุษย์
- แต่ก็ไม่ได้มีในวัดร้างทุกวัด , บางวัดก็มี , บางวัด ก็ไม่มีจ่ะ !
2. พญานาคในระดับภุมมเทวาที่มีบุญไม่มากนัก ก็มีอยู่ที่วัดนี้จริงจ่ะ ! เป็นตระกูลที่มีผิวกาย สีเขียว หรือ เอราปถะ , ที่มาอยู่ตรงนี้ เพราะอดีตเคยเป็นชาวบ้านที่อยู่ไม่ไกลจากวัดนี้ , เป็นครอบครัวใจบุญ แต่ก็มีเศษกรรม ต้มเหล้า แบบพื้นบ้าน กินบ้าง , ขายบ้าง , แจกเขาบ้าง จึงมีบุญปนบาป
- เมื่อตายไปแล้วก็มาเกิดเป็นภุมมเทวาสายพญานาค แล้วก็ถูกหัวหน้าเขตสั่งให้มาอยู่บริเวณใต้ดินของวัด โดยมีสระน้ำเป็นทางเข้าออกภพละเอียดของเขาทั้งครอบครัวจ่ะ !
3. ข้างล่างก็จะเป็นภพละเอียด ที่เป็นวิมานที่อยู่ของเขา ซึ่งก็ไม่ได้สวยงามมากนักเมื่อเทียบกับพญานาคชั้นสูง ก็ถือว่าธรรมดา แต่ก็เป็นวิมานที่เหมือนทอง , เงิน , นาค ผสมปนเปกันจ่ะ !
แล้วก็มีอาหารทิพย์ไปตามกำลังบุญของตัวจ่ะ !
4. พญานาค 4 ตัวนี้ก็อยู่มานานแล้วเกือบ 100 ปี เพื่อเฝ้าสมบัติที่อยู่ในวัดและเป็นคนในพื้นที่นี้ , แต่ในชาติใกล้ ๆ ก็ไม่ได้มีความผูกพันกับท่านเป็นพิเศษ แต่ก็อยากจะได้บุญที่สถานที่นี้ถูกฟื้นฟูขึ้นมาเป็นวัดใหม่ จึงได้เอาใจช่วยและอนุโมทนาบุญจ่ะ!
5. ที่พญานาคมาปรากฏให้ท่านเห็นเฉพาะผู้ชาย ก็เพราะว่าพญานาคผู้หญิงหรือนางมาณวิกานั้น แต่งตัวชะเวิกชวาบ เกรงว่าเมื่อมาปรากฏให้ท่านเห็นแล้วจะทำให้ท่านใจหวั่นไหวจ่ะ !
6. ปลาเงินปลาทองที่ท่านเห็นในฝันนั้น เป็นบุพนิมิตที่จะแสดงให้เห็นว่าจะมีสมบัติมาถึงท่าน ที่จะทำให้ท่านสร้างวัดได้สำเร็จจ่ะ !
7. ในบริเวณวัด ต้นปัน ก็มีทิพยสมบัติโบราณของวัด , สมบัติบางส่วนของชาวบ้านที่มาฝังไว้ในวัดอีกจำนวนหนึ่ง , กับสมบัติละเอียดของพญานาคจ่ะ !
- จะปรากฏให้เห็นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับชาวบ้าน ที่จะอยู่ในศีล ในธรรมโดยพร้อมเพรียงกันเป็นหนึ่งหรือไม่ , ถ้ามีศีล ธรรมเป็นหนึ่งเดียวกันก็จะปรากฏให้เกิดขึ้นได้จ่ะ !
8. ดวงแก้ว ที่ปรากฏให้เห็นในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา และในวันบุญใหญ่นั้น คือ พระธาตุเสด็จ เป็นพระธาตุที่อยู่ในวัด , ควรจะสร้างสถูปเจดีย์ใหม่ เอาไว้ให้เป็นที่เสด็จประทับของท่าน จะได้เป็นที่เคารพสักการะของมนุษย์ และเทวาทั้งหลายจ่ะ !
9. วัดต้นปันก็มีโอกาสเป็น วัดรุ่ง ได้ ขึ้นอยู่กับตัวท่านต้องบำเพ็ญสมณธรรมให้เต็มกำลัง และชักชวนญาติโยมให้มาประพฤติธรรม , จัดบวชพระเณรจะเป็นช่วงสั้นหรือช่วงยาวก็ได้ , เมื่อบวชแล้วก็ให้บำเพ็ญสมณธรรมอย่างเต็มที่ , ด้วยอำนาจบารมีนี้ก็จะเป็นวัดรุ่งสมปรารถนาได้จ่ะ !
10. พระครูปัญญาวิลาส ผู้เป็นผู้นำบุกเบิกสร้างวัดร้าง ให้เป็นวัดรุ่ง ตอนนี้เป็นเทพบุตรสุดหล่อ มีวิมานทองของชั้น ยามา ด้วยบุญดังกล่าวจ่ะ !
- พ่อหลวงตัน นันละ ตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้น ดาวดึงส์ เฟส 3 ด้วยบุญที่ได้ช่วยเป็นต้นคิดในการทำวัดร้างให้เป็นวัดรุ่งจ่ะ !
11. ในอดีตท่านก็เคยทำหน้าที่เป็น เจ้าอาวาส มา ด้วยบุญที่เคยชักชวนคนทำความดี ท่านก็เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาโดยพุทธันดรที่ผ่านมาก็ได้บวชเป็นสามเณรกับหมู่คณะ มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีได้เข้าถึงดวงธรรมและพระธรรมกาย
- ต่อมาเมื่อบวชเป็นพระก็ประมาทในการดำเนินชีวิต ได้ไปติดในลาภสักการะ เช่น สตรี - สตางค์ เป็นต้น จนลาสิกขาออกไปมีครอบครัว
- แต่ชีวิตของการครองเรือนก็ไม่ได้ราบรื่นดังที่คิด จึงประสบปัญหาชีวิตมากและมาคิดได้ตอนแก่ จึงกลับมาบวชใหม่เป็น หลวงตา แล้วก็อธิษฐานจิตว่า ภพชาติต่อไปขอให้บวชตั้งแต่เยาว์วัยและให้ได้ทำงานพระศาสนาอย่างเต็มที่
- ดังนั้นชาตินี้ผลบุญที่เคยปฏิบัติธรรมได้ดีในสมัยเป็นสามเณร มาส่งผลให้มีผลการปฏิบัติธรรมที่ดีในระดับหนึ่ง ที่สามารถเห็นนิมิต ต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้อง
- ดังนั้นชาตินี้ก็สมปรารถนาดังที่อธิษฐานมา เพียงแต่ต้องประคองตัวให้ดีดังที่ตั้งใจเอาไว้ในอดีต , และต้อง ทำให้ได้ , ต้องบวชตลอดชีวิตให้ได้ , คิดให้ได้อย่างนี้ทุกวัน ก็จะเอาตัวรอดและเป็นกำลังของพระศาสนาได้จ่ะ !
- ส่วนเรื่องการสร้างวัดเป็นเรื่องเล็ก , เมื่อทำดังที่บอกไปแล้วให้สม่ำเสมอ วัดก็เสร็จเองอย่างไม่ลำบากจ่ะ !
- ชาตินี้มาเจอกันอีก ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิต ตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ !