พบกันวันลอยกระทง


[ 6 พ.ย. 2555 ] - [ 18275 ] LINE it!
View this page in: 中文

CASE   STUDY
พบกันวันลอยกระทง
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ผม เป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาพันธุ์แท้ครับ เพราะเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ชั่วโมงแรกที่คุณครูไม่ใหญ่เปิดโรงเรียน มาจนถึงทุกวันนี้ยังไม่เคยขาดเลยครับ  ตั้งแต่ได้มาเป็นนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทำให้ผมได้เข้าใจความเป็นจริงของชีวิตที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน ผมจึงทุ่มเทสร้างบารมีอย่างเต็มที่เต็มกำลังในทุกๆบุญ เพราะเชื่อมั่นว่าตลอดชีวิตนี้คงไม่อาจได้ฟังสิ่งที่ดีๆ อย่างนี้จากที่ไหนอีกแล้ว  ยกเว้น DMC…ช่องนี้ช่องเดียวครับ ผมกราบขอความเมตตาคุณครูไม่ใหญ่ได้ฝันในฝัน ดังนี้ครับ
   
    คุณแม่ของผม เริ่มมาวัดพระธรรมกายครั้งแรกเมื่อปี 2527 แล้วก็เข้าวัดต่อเนื่องเรื่อยมาแทบทุกอาทิตย์ ยิ่งวันอาทิตย์ต้นเดือน ท่านจะไม่เคยขาดเลยครับ นอกจากจะทำบุญด้วยตนเองแล้ว คุณแม่ยังทำหน้าที่ผู้นำบุญอย่างทุ่มเทสุดชีวิต โดยเฉพาะงานสลายร่างคุณยายอาจารย์ฯ คุณแม่จะปลื้มปีติใจมากครับ ท่านตั้งใจออกทำหน้าที่แจ้งข่าวบุญแทบทุกวันตั้งแต่ 9 โมง ไปจนถึง 6 โมงเย็น ทั้งที่อายุ 60 กว่าปีแล้ว นานเป็นเดือนๆ จนกระทั่งรวบรวมปัจจัยมาถวายพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้เป็นจำนวน 1 S ครับ
   
    ปกติคุณแม่เป็นคนที่ประหยัดมัธยัสถ์มาก เพราะในวัยเด็กท่านผ่านชีวิตที่ลำบากมามากต่อมาก ต้องพึ่งพาตนเองจนกระทั่งสามารถสร้างเนื้อสร้างตัวมาได้  คุณแม่เป็นลูกสาวคนกลางในจำนวนพี่น้อง 5 คน ท่านเป็นคนโชคชะตาอาภัพมาตั้งแต่เกิด พอ คุณยายของผม คลอดลูกชายคนสุดท้องได้ไม่นาน คุณตา ก็มาเสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน คุณแม่ของผมจึงกลายเป็นลูกกำพร้าพ่อ ลำพังตัวคุณยายเพียงคนเดียว จึงไม่อาจจะเลี้ยงดูลูกทุกคนได้ จึงได้พาลูกๆ เดินทางจากสระบุรีไปลพบุรี จำใจแบกหน้าไปขอความช่วยเหลือจาก คุณทวดของผม ซึ่งก็คือคุณตาแท้ๆ ของคุณแม่ โดยคุณแม่จะเรียกติดปากว่า “พ่อใหญ่”
   
    แทนที่พ่อใหญ่จะรับดูแลหลานๆไว้ทั้งหมด ท่านกลับเกรงใจภรรยาคนใหม่ที่ท่าทางไม่พอใจ ทำตาค้อนประหลับประเหลือก ไม่เต็มใจรับเพราะคิดว่าไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานของตัว ในที่สุดพ่อใหญ่จึงแบ่งรับแบ่งสู้ รับเลี้ยงเฉพาะหลานสาวคนกลางคือคุณแม่ของผม ซึ่งขณะนั้นอายุเพียง 4 ขวบ คุณยายจึงจำใจต้องฝากแม่ไว้กับพ่อใหญ่ แต่ก่อนจะจากไป คุณยายสู้อุตส่าห์ปลอบคุณแม่ว่า “...ไม่ต้องห่วงนะลูก แล้วอีกหน่อย แม่จะกลับมารับ” แต่รอแล้วรอเล่า ก็ไม่มีวี่แววว่าคุณยายจะกลับมารับคุณแม่สักที ทุกวันตอนพระอาทิตย์ตกดิน คุณแม่จะนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะคิดถึงแม่และน้องๆ รำพึงอยู่ในใจว่า...เมื่อไหร่หนอ แม่จึงจะมารับลูกกลับไปเสียที 
 
    ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในบ้านของพ่อใหญ่ ชีวิตของคุณแม่ก็ไม่ได้มีความสุขสบายอย่างที่คิด ตรงกันข้าม คุณแม่ถูก คุณยายทวด ซึ่งเป็นภรรยาใหม่ของพ่อใหญ่ ใช้ให้ทำงานหนักอยู่ตลอดเวลา ช่วยทำนา เลี้ยงหมูเลี้ยงควาย ตักน้ำวันละ 7 หาบ ผ่าฟืน ทำงานจิปาถะสารพัดอย่าง ทำงานหนักแล้วก็ยังไม่พอ คุณแม่ไม่เคยได้รับความรักความเอาใจใส่จากคุณยายทวดเลย กลับถูกลูกของคุณยายทวดเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอ วันใดคุณแม่ทำอะไรไม่ได้ดั่งใจ ก็จะถูกคุณยายทวดเฆี่ยนตีอยู่บ่อยๆ แม้แต่เสื้อผ้าก็ไม่เคยซื้อให้ใหม่ ปล่อยให้ใส่ชุดเก่าๆ ขาดๆ จนโตเป็นสาว คุณแม่อายเพื่อนๆ จนแทบไม่กล้าออกจากบ้านเลยครับ
   
    พ่อใหญ่ส่งให้คุณแม่เรียนหนังสือถึงแค่ ป.4 จากนั้นก็ให้ออกจากโรงเรียนมาช่วยทำนา พ่อใหญ่เป็นคนคุ้มดีคุ้มร้าย  ถ้าวันไหนไม่กินเหล้าก็จะพูดดีกับคุณแม่ แต่ถ้าวันไหนไปเมามา ก็จะเกรี้ยวกราดอาละวาดไล่ยิงคุณแม่เหมือนเปลี่ยนเป็นคนละคน ตกเย็นถ้ารู้ว่าพ่อใหญ่กินเหล้ามา คุณแม่จะวิ่งหลบไปอยู่ใต้ถุนบ้าน เพราะหากอยู่ใกล้ๆ ก็จะถูกพ่อใหญ่คว้าแขน รวบผม แล้วลากไปเฆี่ยนตี   ถ้าวันไหนน้ำเมาออกฤทธิ์เต็มที่ คุณแม่ไหวตัวทัน ก็จะรีบวิ่งขึ้นต้นไม้เพื่อหลบลูกกระสุน บุกป่าไผ่หนีหัวซุกหัวซุน บางครั้งก็วิ่งหนีไปหลบที่กองฟอนซึ่งเป็นที่เผาศพ รองเท้าก็ไม่ได้ใส่ กลัวผีก็กลัวแต่ก็กลัวลูกกระสุนของพ่อใหญ่มากกว่า คุณแม่จึงต้องทนรอจนกระทั่งแน่ใจว่าพ่อใหญ่สร่างเมาจึงจะย่องกลับบ้าน
   
    คุณแม่ทนทุกข์อยู่ในสภาพนี้เรื่อยมา ได้แต่คิดในใจว่าจะต้องหนีไปจากที่นี่ให้ได้  แล้ววันหนึ่งขณะที่คุณแม่อายุได้ 15 ปี ท่านก็ตัดสินใจหนีออกจากบ้าน โดยได้รับการช่วยเหลือจากคุณลุงท่านหนึ่งที่คุ้นเคยกันในช่วงที่คุณแม่ออกไปเลี้ยงควายในนา   คุณลุงท่านนั้นเห็นคุณแม่ถูกกดขี่ข่มเหงน้ำใจมานาน  ก็นึกสงสารขึ้นมาจับใจ จึงออกอุบายช่วยแนะวิธีหนีออกมา โดยให้คุณแม่เอาเสื้อผ้าและข้าวของที่จำเป็นหอบใส่ถังไว้ แล้วทำทีว่าจะไปตักน้ำ พอสบโอกาสก็ให้วิ่งหนีไปตามทุ่งนา  แต่ปรากฏว่า วันนั้นแผนแตก เพราะคุณแม่เผลอไปเล่าเรื่องที่จะหนีให้เพื่อนสนิทได้ยิน พ่อใหญ่กับญาติๆรู้เข้า จึงวิ่งติดตามคุณแม่อย่างกระชั้นชิด ไล่กวดมาจนเห็นหลังกันไวๆ คุณแม่วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในที่สุดก็หนีพ้นมาได้อย่างหวุดหวิด  คุณลุงท่านนั้นก็มารอรับคุณแม่ในตัวเมือง แล้วพาคุณแม่ไปสมัครทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านคหบดีท่านหนึ่ง   คุณแม่อดทนทำงานอยู่ที่นั่นไม่กี่ปี ก็สามารถเก็บเงินได้ก้อนหนึ่ง จึงตัดสินใจมาหาลู่ทางทำมาหากินที่กรุงเทพฯ โดยเริ่มต้นด้วยการเรียนตัดเสื้อ
   
    หลังจากเข้ากรุงฯ ได้ไม่กี่วัน  คุณแม่กับเพื่อนสองคนก็พากันออกไปเที่ยวงานวันลอยกระทงที่เขาดิน  คุณแม่หยิบกระทงมาอธิษฐานแล้วค่อยๆหย่อนลงที่ท่าน้ำพร้อมกับกระทงของเพื่อนๆ กระทงของเพื่อนๆ ก็ลอยห่างจากท่าน้ำไปเรื่อยๆ แต่ปรากฏว่า กระทงของคุณแม่ลอยไปข้างหน้าได้หน่อยหนึ่ง แล้วลอยวนกลับมาหยุดอยู่กับที่ จนคุณแม่แปลกใจ เฝ้ารออยู่ว่าเมื่อไหร่หนอ กระทงจะลอยไปสักที  ผ่านไปสักครู่หนึ่ง  ก็มีหญิงวัยกลางคนจูงมือเด็กผู้หญิงมายืนบังด้านหน้าคุณแม่ไว้  คุณแม่นึกในใจว่า ทำไมหน้าตาของเธอช่างเหมือนกับคุณแม่ที่จากไปนาน จึงลองเข้าไปสะกิด ถามว่า “น้าจ้ะ  น้าชื่ออะไร” หญิงวัยกลางคนก็ตอบว่า “ชื่อน้อย”  คุณแม่ถอนหายใจ คิดว่าคงทักผิดคน  หญิงคนนั้นจึงถามกลับมาว่า “เอ้า...แล้วจะถามทำไมล่ะ” คุณแม่จึงบอกว่า “คิดว่าเป็นคนรู้จักที่ชื่อสร้อย”   ผู้หญิงคนนั้นจึงเล่าว่า  เมื่อก่อนเธอก็ชื่อสร้อยเหมือนกัน แต่พอมาได้สามีใหม่ก็เลยเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น “น้อย”  เธอจึงถามกลับว่า “แล้วหนูชื่ออะไรล่ะ” คุณแม่บอกชื่อและเล่าเหตุการณ์ที่ถูกแม่ทิ้งเมื่อสมัยเป็นเด็ก  ยังไม่ทันจะเล่าจบ  หญิงคนนั้นก็คว้าแขนคุณแม่เข้ามาใกล้ๆ อุทานขึ้นมาเสียงดังว่า “งั้นหนูก็ลูกฉันนะสิ”
 
    ในที่สุดคุณแม่ก็เลยได้มาพบกับแม่แท้ๆ โดยบังเอิญในคืนวันลอยกระทงนั่นเอง ทั้งสองท่านมีความสุขมากที่ได้เจอกันอีกครั้งหลังจากพลัดพรากกันมานานกว่า 15 ปี แม้ว่าคุณยายจะทิ้งคุณแม่ไปโดยไม่ได้เลี้ยงดูเลย แต่เมื่อได้มาเจอกัน คุณแม่ของผมก็ตั้งใจดูแลคุณยายอย่างดี หมั่นไปเยี่ยมคุณยายที่บ้านสามีใหม่ทุกๆ เดือนพร้อมกับมอบเงินเล็กๆน้อยๆไว้ให้ท่านใช้สอย และเมื่อคุณยายป่วยก็รับมาดูแลที่บ้านโดยที่ไม่เคยโกรธเคืองเลย พยายามทำหน้าที่ลูกที่ดีเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน
 
    ตัวผมเอง เข้าวัดครั้งแรกตั้งแต่ ปี 2530  ช่วงแรกยอมรับว่าผมยังไม่ค่อยจะเข้าใจเรื่องเป้าหมายชีวิตมากนัก ทุกครั้งที่ทำบุญจึงทำแบบไร้จุดหมาย ทำบุญแล้วก็มักอธิษฐานขอให้ชีวิตเจริญรุ่งเรืองมีความสุขในปัจจุบันเพียงอย่างเดียว   แต่ถึงอย่างนั้นบุญก็ยังส่งผลเป็นอัศจรรย์ เพราะสังเกตว่า ชีวิตของผมดีขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในด้านการศึกษาและหน้าที่การงาน ทั้งที่ก่อนเข้าวัด ชีวิตผมไม่ค่อยจะราบรื่นสักเท่าไหร่
   
    หลายปีที่ผ่านมา ผมสามารถคว้าปริญญาโทมาได้ถึงสองใบ  โดยสำเร็จปริญญาโทเกียรตินิยมด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์จากนิด้า  ต่อมาก็คว้าปริญญาโทด้านเทคโนโลยีสารสนเทศจากประเทศออสเตรเลีย  ขณะที่เรียนต่อเมืองนอก ผมสามารถทำเกรดเทอมแรกได้ระดับยอดเยี่ยม A+ ทุกวิชา ทางมหาวิทยาลัยจึงจ้างให้ผมทำหน้าที่เป็น Marker คอยตรวจข้อสอบและการบ้านของนักศึกษา  ผมจึงได้รับค่าตอบแทนมากพอที่จะส่งตัวเองให้เรียนจบมาได้อย่างสบายๆ  หลังจากกลับมาอยู่เมืองไทยได้ไม่นาน ก็เหมือนบุญจัดสรร ทำให้ผมได้เข้าทำงานในบริษัทประกันภัยที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทย รายได้ดีมาก โดยที่ผมไม่ต้องออกไปเร่ขายประกันให้เหนื่อยเลย 
 
    ผมตระหนักดีว่า ความสำเร็จทั้งหมดนี้ เป็นเพราะอานุภาพบุญที่ทำถูกเนื้อนาบุญ ดังนั้นทุกครั้งที่หลวงพ่อมีบุญใหญ่มาให้ลูกๆ  ผมจึงทุ่มเททำอย่างเต็มที่เต็มกำลัง อย่างน้อยที่สุดก็ 1 S ครับ

ดังนั้นสิ่งที่ที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต จึงไม่ใช่การได้ปริญญาโท 2 ใบหรือความสำเร็จในหน้าที่การงาน แต่สิ่งสำคัญคือ ผมโชคดีได้มาเข้าใจหลักวิชาที่จะอยู่ในวัฏฏะอย่างปลอดภัยและมีความสุข ได้เกิดมาสร้างบารมีกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อและหมู่คณะ และมีเป้าหมายจะตามติดไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมครับ
 
คำถาม
 
1. บุพกรรมใดชีวิตของคุณแม่ในวัยเด็กจึงลำบากมาก ต้องทนอยู่กับครอบครัวของพ่อใหญ่อย่างไม่มีความสุข ถูกกดขี่ข่มเหงและเอารัดเอาเปรียบเรื่อยมาครับ   ภายหลังคุณแม่หนีมาตั้งตัวได้สำเร็จ   ชีวิตก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ    เป็นเพราะผลบุญใดครับ
 
2. เหตุใดคุณแม่จึงถูกคุณยายทิ้งไป คุณยายทิ้งคุณแม่ไปด้วยความจำเป็นจะมีวิบากกรรมไหมครับ 
 
3. บุญใดจึงทำให้คุณแม่ได้มาเจอกับคุณแม่ของท่านอีกครั้งโดยบังเอิญ กระทงของคุณแม่ลอยวนกลับมาแล้วหยุดกับที่นั้นเป็นเพราะเหตุบังเอิญหรือมีอะไรเป็นพิเศษครับ คุณแม่เลี้ยงดูคุณยายโดยไม่เคยโกรธเคืองที่ถูกยายทิ้ง ท่านจะได้รับอานิสงส์อย่างไรครับ
 
4. หลังจากแต่งงานใหม่ๆ คุณแม่ยังไม่พร้อมจะมีลูก จึงพลาดไปทำแท้งมาครั้งหนึ่ง ทำให้ท่านกังวลใจมาก ทำอย่างไรท่านจึงจะสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดดังกล่าวให้หมดสิ้นไปในชาตินี้ครับ  ตอนนี้เด็กที่ถูกทำแท้งไปเกิดที่ใด ได้รับบุญสร้างพระที่คุณแม่ทำให้หรือยัง  เหตุใดเขาจึงมาถูกทำแท้งในชาตินี้ครับ
 
5. บุญใดที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในทุกๆด้าน  การที่ผมทำบุญสุดกำลังโดยที่ไม่คำนึงถึงความสะดวกสบาย เป็นเพราะเคยประกอบเหตุมาในอดีตอย่างไรครับ ทำอย่างไรชีวิตของผมจึงจะเพียบพร้อมกว่านี้และสามารถสร้างทานบารมีได้อย่างมหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาลครับ
 
6. ผมคุ้นเคยกับศาสตราจารย์ชาวออสเตรเลีย 3 ท่าน ที่เคยให้ความช่วยเหลือเรื่องงานและการเรียน ท่านทั้งสามเกี่ยวข้องกับผมมาอย่างไรในอดีต เหตุใดจึงมีความสนใจทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเหมือน ๆ กัน 
 
7. ตอนผมอายุ 5 ขวบ เคยถูกสุนัขบ้ากัดที่แขนด้านซ้ายมือ จนต้องถูกฉีดยาที่สะดือถึง 21 เข็ม เป็นเพราะวิบากกรรมใดครับ ทราบมาว่า คนไข้ที่ถูกสุนัขบ้ากัดแต่รักษาไม่ทัน จะเห่าหอนเหมือนสุนัขบ้าคลั่งและตายอย่างทรมาน เป็นเพราะมีบุพกรรมใดครับ
 
8. ผมเคยเป็นหอบหืด แม้อาการจะหายไปแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังต้องใช้ปากหายใจอยู่ตลอดเวลา เป็นเพราะวิบากกรรมใด จะแก้ไขได้อย่างไร ชีวิตนี้ผมจะมีโอกาสหายใจทางจมูกได้ไหมครับ
 
9. ผมได้รื้อผังจนออกจากตัวได้สำเร็จไหมครับ ทำไมผมจึงทำงานได้รายได้ที่ดี แต่ตำแหน่งงานไม่สูงครับ เคยประกอบเหตุอะไรมาก่อนหรือไม่ครับ
 
10. ผมและคุณแม่เคยสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร ทำอย่างไรจึงจะได้มีโอกาสตามติดพระเดชพระคุณหลวงพ่อไปพักระหว่างทางที่ดุสิตบุรีวงบุญพิเศษกับคุณครูไม่ใหญ่ครับ
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ  ตื่นขึ้นมา หาว 1 ทีแล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1. คุณแม่ในวัยเด็กลำบากมาก    ต้องทนอยู่กับครอบครัว    “พ่อใหญ่” อย่างไม่มีความสุข  ,  ถูกกดขี่ข่มเหงและถูกเอารัดเอาเปรียบ   เพราะ  ...กรรมในอดีตแม่เกิดเป็นเศรษฐีนีมีทรัพย์มาก แต่มีความตระหนี่ในช่วงที่ยังไม่เจอหมู่คณะ
 
 
  • และชอบข่มขี่  ข้าทาสบริวาร  จึงทำให้วิบากกรรมอื่น ๆ เข้ามาแทรกได้  ต้องมาเกิดในครอบครัวที่ลำบากและถูกฝากให้เขาเลี้ยง  และได้มาโดนเขาทำบ้าง
 
  • ภายหลังหนีมาตั้งตัวได้สำเร็จ ชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ  เพราะ...บุญเก่าที่เคยทำเอาไว้โดยเฉพาะกับหมู่คณะได้ตามมาส่งผลจ่ะ !
 
 
2. คุณแม่ถูกคุณยายทิ้งไปด้วยความจำเป็น   เพราะ  ... กรรมอีกชาติหนึ่งเกิดมายากจน  ต้องมีความจำเป็นที่จะต้องเอาลูกไปฝากคนอื่นเลี้ยง   และไม่ได้กลับไปดูแล     
 
 
  • กับกรรมที่หนีออกจากบ้านเพื่อเรียนรู้โลก ใครห้ามก็ไม่เชื่อ  อีกชาติหนึ่ง  ทำให้พ่อแม่เสียใจ  แต่ภายหลังกลับมาพร้อมเอาเงินเอาทองมาเลี้ยงดูพ่อแม่อย่างดี   วิบากกรรมทั้ง  2  ชาตินี้ได้ตามมาส่งผลจ่ะ !
 
3. คุณแม่   ได้มาเจอคุณแม่ที่แท้จริงหรือคุณยายโดยบังเอิญ เพราะ  ...บุญที่ได้กลับมาเลี้ยงดูบิดามารดา   ในชาติที่หนีออกจากบ้านไปเพื่อเรียนรู้โลก   โดยที่พ่อแม่ห้ามไม่ฟังดังกล่าวมาส่งผลจ่ะ!

 
  • “กระทง” ของคุณแม่ลอยวนกลับมาแล้วหยุดกับที่นั้น     ก็เป็นเรื่องบุญที่กลับมาเลี้ยงดูบิดามารดาเป็นอย่างดีในชาติที่หนีออกจากบ้านบันดาลให้เกิดขึ้นจ่ะ!
 
  • คุณแม่เลี้ยงดูคุณยาย   โดยไม่เคยโกรธเคืองที่คุณยายทิ้งไปตั้งแต่เด็ก  ท่านก็จะมีอานิสงส์  ทำให้ต่อไปจะมีคนเลี้ยงดูช่วยเหลืออย่างดี  ,  มีลูก ๆ ก็จะกตัญญูรู้คุณมาคอยดูแลเป็นอย่างดีจ่ะ!
 
 
4. หลังจากแต่งงานใหม่   คุณแม่ได้ “ทำแท้ง”    เพราะไม่พร้อมจะมีลูก, จะแก้ไขวิบากกรรม   ก็ต้องลืมอดีตที่ผิดพลาด ให้หมด แล้วสั่งสมบุญทุกบุญ   แล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้   อีกทั้งต้องอธิษฐานจิตบ่อย ๆ ให้พ้นวิบากกรรมนี้จ่ะ!

 
  • เด็กตายแล้วก็ไปเกิดใหม่   และไปโดนทำแท้งมาหลายรอบแล้วด้วยวิบากกรรมที่เคยทำแท้งมาในอดีตมาส่งผล     จึงไม่อาจรับบุญได้จ่ะ!
 
 
5. ลูกประสบความสำเร็จอย่างง่ายดายในทุกด้าน   เพราะ  … ในอดีตเมื่อทำบุญทุกครั้ง   ก็จะอธิษฐานให้ชีวิตประสบความสำเร็จอย่างง่ายดาย, กับมีอุปนิสัยทำบุญอย่างง่าย ๆ จ่ะ!
 
 
  • การที่ลูกทำบุญอย่างสุดกำลัง   เพราะในอดีตก็มีอัธยาศัยทุ่มเททำบุญอย่างนี้ติดตัวมาจ่ะ !
 
  • ลูกอยากจะมีชีวิตเพียบพร้อมเหมือนมหาเศรษฐีในสมัยพุทธกาล ลูกก็จะต้องทำบุญให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป แล้วอธิษฐานจิตกำกับเอาไว้  ให้ได้เป็นไปตามความปรารถนาจ่ะ !
 
 
6. ลูกมีศาสตราจารย์  3  ท่านที่ออสเตรเลียช่วยเหลือเรื่องงานและการเรียน    เพราะลูกมีบุญที่เคยสงเคราะห์ญาติในอดีต   และเคยช่วยเหลือเกื้อกูลเพื่อนมนุษย์มาส่งผลจ่ะ !   … อีกทั้งในชาติไกล ๆ ที่ผ่านมา  ก็เคยเป็นญาติกันมา

 
  • เหตุที่มีความสนใจเรื่องสารสนเทศเหมือนกัน   เพราะ …เป็นเหตุในปัจจุบันที่เป็นไปตามยุคสมัยที่เจริญรุ่งเรืองด้วยเทคโนโลยี จ่ะ !
 
 
7. ตอนอายุ  5  ขวบ   เคยถูกสุนัขบ้ากัดที่แขนด้านซ้ายมือ จนต้องถูกฉีดยารอบสะดือ  21  เข็ม   เพราะ  …ในอดีตชอบ “ฆ่าหมาเป็นกับแกล้ม” สุรา   แบบ “เปิปพิสดาร” ร่วมกับเพื่อนนาน ๆ ครั้ง  มาส่งผล  ,  เนื่องจากเป็นกรรมไม่หนักจึงรักษาได้จ่ะ!  
 
 
  • ส่วนคนที่ทำแบบนี้เป็นอาจิณ   ก็จะรักษาไม่ทัน แล้วก็จะมีอาการของโรคที่เห่าหอนคล้ายสุนัขและคุ้มคลั่ง   ด้วยกรรม “เปิดพิสดาร” ฆ่าสุนัขเป็นกับแกล้มสุราจ่ะ!
 
 
8. ลูกเคยเป็นหอบหืด   แม้อาการจะหายไปแล้วแต่ยังต้องหายใจทางปาก   เพราะ  …กรรมในอดีตที่ลูกเกิดในสังคมเกษตรกรรม  ได้ใช้แรงงานสัตว์มาก ทั้งวัว , ควาย , ม้า   และบางครั้งก็ดูแลสัตว์ไม่ดี   มาส่งผลจ่ะ!  ... แม้กรรมจะเบาบางไปแล้วแต่ก็ยังไม่หมดกรรม

 
  • จะแก้ไข  ต้องปล่อยสัตว์ใหญ่บ่อย ๆ  และทำบุญทุกบุญแล้วอุทิศส่วนกุศลไปให้สัตว์ทั้งหลายที่เราเคยไปล่วงเกินเบียดเบียนเขาไว้จ่ะ!
 
  • ลูกต้องปรับการใช้ชีวิตหน่อย  คือ  ต้องออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ  ,  ดื่มน้ำให้เพียงพอ  ,  ทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ , พักผ่อนให้เพียงพอก็จะดีขึ้นจ่ะ!
 
 
9. ลูกก็รื้อ “ผังจน” ไปได้ระดับหนึ่งแล้ว  ,  ให้ทำบุญต่อไปจนกว่าจะถึงเป้าที่ลูกตั้งใจจะเป็นมหาเศรษฐีผู้ใจบุญเหมือนสมัยพุทธกาลจ่ะ!

 
  • ลูกมีรายได้ดี   เพราะทำทานมาดี  ,  แต่ตำแหน่งงานไม่สูง   เพราะขาดจิต “มุทิตา”  คือ  พลอยยินดีเมื่อผู้อื่นประสบความสำเร็จจ่ะ!
 
10. ลูกและคุณแม่ก็เป็น “กองเสบียง” ของหมู่คณะมาจ่ะ!  เมื่อทำบุญทุกบุญแล้ว     ก็ให้อธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรีวงบุญพิเศษเขตบรมโพธิสัตว์     อย่าได้พลัดกันเลยจ่ะ!
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม