มุมมองเศรษฐี
">
">
">
การมีทรัพย์แล้วเราใช้ทรัพย์ได้ถูกต้อง เป็นเรื่องที่ดี
เรื่องความรวยจะไม่ดีก็ต่อเมื่อเราตั้งอยู่บนความโลภเท่านั้น
ถ้าเป็นเรื่องความรวยใครๆ ก็อยากรวย ในมุมมองของพระพุทธศาสนา พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามองว่า
รวยเป็นเรื่องที่ดี เพราะฉะนั้นการสร้างบารมี 10 ทัศของพระองค์จึงเริ่มต้นด้วยทานบารมี
หากจนจะทำให้สร้างบารมีได้ไม่สะดวก เพราะฉะนั้นรวยดีอยู่แล้ว
แต่ต้องรวยด้วยการหาทรัพย์อย่างซื่อสัตย์สุจริต
มีทรัพย์แล้วต้องรู้จักใช้ทรัพย์ให้เป็น ไม่ห่วงทรัพย์ไว้ดูเล่น ไม่ยอมใช้
ทรัพย์นั้น แต่ถ้าเกิดมีทรัพย์แล้วรู้จักใช้ทรัพย์ ทั้งเพื่อตัวเองส่วนหนึ่ง
แต่ไม่ได้ฟุ่มเฟือย ใช้เพื่อการสร้างบุญ
เพื่อสังเคราะห์โลก ช่วยคนที่ด้อยกว่าเรา
">
">
">">">
ถ้ามีทรัพย์รู้จักใช้อย่างนี้ละก็ถือเป็นการรวยที่คุ้มเลยทีเดียว
และทรัพย์นั้นจะเกิดประโยชน์ขึ้นกับโลก ตัวเองก็มีบุญกุศลเพิ่มพูนขึ้น
มีช่วงเวลาหนึ่งที่มีการประกาศว่าบุคคลใดรวยที่สุดในโลก ในระยะหลังๆ
นี้เรามักจะได้ยินชื่อของ คุณบิล เกตส์บ่อยๆ บิล เกตส์ ตอนอายุ 40 ก็เป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก โดยมีสินทรัพย์ประเมินออกมาแล้วประมาณ 80,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หลังจากผ่านมาน 10 ปี ตอนนี้บิล เกตส์อายุ 50 ปี บางทีก็ติดอันดับ 1
บางทีก็อันดับ 2 มีสินทรัพย์ประมาณ 50,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
โดยปรากฏการณ์ลดลงของสินทรัพย์เกิดขึ้นกับเศรษฐีหลายๆ คนบนโลกนี้ คือจะมียอดทะยานขึ้นสูงช่วงหนึ่ง
แต่หลังจากนั้นจะขึ้นๆ ลงๆ แต่ไม่มากไปกว่าเดิม
">
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเมื่อตอนที่ประสบความสำเร็จช่วงแรก อย่างเช่น บิล
เกตส์จะทำตรงตามหลักอิทธิบาท 4 คือ จะมองหาจุดเด่น จุดแข็ง โดยมองว่า software เป็นสิ่งสำคัญของเครื่องคอมพิวเตอร์แบบบุคคล
จึงทำสัญญากับบริษัท IBM ยักษ์ใหญ่ของวงการคอมพิวเตอร์ ว่าตนเองแม้จะขายMicrosoftให้แล้ว แต่จะยังเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นี้ต่อไป
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้บริษัทของบิต เกตส์ทะยานขึ้นสูง แต่หลังจากนั้นทำไมยอดถึงเริ่มคงตัวไม่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
ซึ่งมีเหตุมาจากการไม่เจอจุดแข็งใหม่ที่โดดเด่นออกมาจริงๆ
เพราะจุดแข็งเก่ามันเพิ่มได้แค่ในระดับหนึ่ง
ซึ่งเศรษฐีส่วนมากจะมองเห็นจุดแข็งได้เพียงอย่างเดียว ไม่สามารถหาจุดแข็งใหม่มาเสริมต่อไปเรื่อยๆ
">
">
ถ้ามองในแง่หลักธรรมแล้ว
คือวิมังสาไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่ คือจุดแข็งใหม่ๆ ไม่ค่อยเกิดขึ้น
แล้วฉันทะความต้องการความสำเร็จ วิริยะความทุ่มเท จิตตะความมีใจจดจ่อมันบางลง พอ 4
อย่างนี้หย่อนลง พลังขับเคลื่อนจึงลดลงตามไปด้วย บริษัทไหนต้องการพุ่งขึ้นเรื่อยๆ
จะต้องหาจุดแข็งใหม่ๆ มาเสริมตัวเองเสมอ แล้วต้องสร้างทีมงานให้ทันเพื่อรองรับการขยายตัวของงาน
มีตัวอย่างเช่น Google ไปรวมเอาทีมงานที่เก่งกาจมาจากที่ต่างๆ มาทำงาน ปรากฏว่า Google
มีนวัตกรรมใหม่
เกิดขึ้นมาอย่างมากมาย และต่อเนื่องตลอดเวลา ทำให้บริษัททะยานขึ้นไปเรื่อยๆ
">
">
">
">
สุดท้ายนี้ ผู้สนใจที่จะพัฒนายอดขายหรือบริษัทให้มียอดทะยานขึ้นสูงอย่างต่อเนื่องตลอดเวลาก็คงต้องลองหาจุดแข็งใหม่ๆ
ของบริษัทมาพัฒนากันให้ยอดขายพุ่งกระฉูด แล้วนำปัจจัยที่ได้มาร่วมกันสร้างทานบารมีด้วยการปิดกองกฐิน
101 ปี คุณยายในวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ จะได้เป็นการใช้ทรัพย์ที่หามาได้อย่างสุจริต
เพื่อสืบอายุพระศาสนาต่อไป