ตระกูลสามัคคี ร่ำรวยแบกงสี เพราะมีบุญอะไร


[ 26 พ.ค. 2552 ] - [ 18276 ] LINE it!

CASE  STUDY
ตระกูลสามัคคี  ร่ำรวยแบบกงสี  เพราะมีบุญอะไร
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
ออกอากาศครั้งแรก วันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ.2548
 
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก เคยมาวัดครั้งแรกปี พ.ศ.2520 และเคยเป็นประธานทอดกฐินในช่วงของการสร้างวัดแรกๆ ตอนมีเนื้อที่ 196ไร่ แต่หลังจากนั้นลูกก็หลุดจากวงบุญไปนาน มาเข้าวัดอีกทีประมาณปี พ.ศ.2540 ตอนมีข่าว ได้เข้ามาในสภาธรรมกายสากล เห็นแล้วตะลึง อัศจรรย์ ใช่เลย...ศูนย์รวมพระพุทธศาสนา ไม่ต้องอายใคร
 
    ลูกได้มาร่วมงานฉลองมหาธรรมกายเจดีย์ 22 เมษายน พ.ศ.2543 กับงานวันสลายร่างคุณยายอาจารย์ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2545 แค่ไปร่วมงานสร้างบารมีสองงานนี้ ตอนนั้นถ้าลูกเสียชีวิต ลูกก็มีบุญจะไปรายงานยมบาลได้แล้ว ภาพสองงานนั้นลูกยังจำติดหูติดตาเลยครับ ตอนนี้ที่ห้องพระบ้านของเรา ก็ทำเป็นบ้านกัลยาณมิตร โดยเชิญพระอาจารย์จากที่วัดพระธรรมกายมาเป็นวิทยากร ซึ่งจัดมาได้ 5ครั้งแล้ว โดยลูกตั้งใจจะให้มีการสวดมนต์นั่งสมาธิฟังธรรมทุกเดือน เดือนละครั้งครับ และลูกขอส่ง Case study เกี่ยวกับบุคคลในตระกูลมากราบเรียบคุณครูไม่ใหญ่ ดังนี้ครับ
 
    ลูกมีพี่น้องเก้าคน ตัวลูกเป็นคนที่6 เตี่ยมาจากเมืองจีน แม่เป็นคนจีนที่เกิดเมืองไทย ในตอนเริ่มต้น อาชีพของเตี่ย คือ การซื้อข้าวเปลือกไปขายให้โรงสี งานจึงค่อนข้างหนักมาก ส่วนแม่ก็ค้าขายของชำเล็กๆน้อยๆอยู่ตลาดชนบท
 
    เตี่ย เป็นคนใจกว้างโอบอ้อมอารี สูบบุหรี่เล่นไพ่นิดหน่อย เมื่อมีโอกาสมาเซ้งตึกที่สำโรง ก็ย้ายจากนครปฐมมาอยู่บ้านเซ้งที่สำโรง เตี่ยก็เลิกเล่นการพนัน แล้วต่อมาก็เลิกสูบบุหรี่ โดยมี ตั่วเฮีย และ พี่ชายรอง เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำการค้าตัดเย็บเสื้อกางเกง เปิดร้านเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ.2512_ซึ่งกิจการก็ดีวันดีคืน จนสามารถขยายเป็นสองสาขา มีช่างเกือบร้อยคน พี่น้องก็อยู่ร่วมกันหมด
 
    ช่วงปี พ.ศ.2516 สินค้าห้าง เสื้อยืด กางเกงยีนส์ กำลังเริ่มได้รับความนิยม ที่บ้านกำลังจะเปิดร้านตัดเสื้อผ้าเป็นแห่งที่สาม แต่แล้วตั่วเฮียมองเห็นการณ์ไกล หักเหจากร้านตัดเย็บ มาเป็นขายของห้าง ขายเสื้อยืด กางเกงยีนส์สำเร็จรูป ซึ่งขายดีมาก เรียกว่าขายแบบเทน้ำเทท่า จนสามารถขยายกิจการเพิ่มเป็นสี่สาขา โดยมีพี่น้องช่วยกันทำ ช่วยกันคุมดูแลกิจการ เปิดร้าน 6โมงเช้า ปิดร้าน4-5ทุ่มทุกวันไม่มีวันหยุด ปิดร้านแล้วก็จะมาประชุมร่วมกันโดยมีเตี่ยและแม่เป็นประธาน พอร้านไหนมีปัญหาอะไรก็จะช่วยกันแก้ไขปัญหานั้นโดยยึดหลักครอบครัวเป็นสำคัญ ทุกคนทำเพื่อครอบครัว รับเงินสดวันหนึ่งเป็นแสนๆ เตี่ยเป็นคนนับเงิน คุมกระทรวงการคลัง เคยเห็นเตี่ยนับเงินจนร้องไห้ด้วยความปีติ เพราะไม่เคยเห็นเงินมากมายอย่างนี้มาก่อน ทุกคนร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันหมด
 
    ปี พ.ศ.2522 ก็ได้ซื้อโรงฉายหนัง ซึ่งช่วงที่ซื้อโรงหนังนั้นไม่คิดที่จะทำโรงหนัง เพียงแต่ต้องการซื้อที่ แต่ตัวโรงหนังเป็นของแถมก็จำใจต้องทำต่อโดยที่ทุกคนไม่มีความรู้เรื่องโรงหนังเลย ต่อมาปรากฏว่าโรงหนังทำเงินได้ดีกว่าที่คิดไว้มาก โดยเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์จะเก็บเงินได้เป็นแสนๆเลย โรงหนังที่บ้านเป็นโรงหนังขนาดใหญ่เมื่อเสริมเต็มที่จะได้ 1,200ที่นั่ง ฉายตั้งแต่ 10โมงจนถึง 5-6ทุ่ม ฉายวนทั้งวัน โดยเตี่ยเป็นคนคุมโรงหนัง บนชั้นสองโรงหนังจะทำเป็นออฟฟิศ เปิดเป็นบริษัทรับซื้อเช็ค ปล่อยเงินกู้ ธุรกิจก็เจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีตั่วเฮียเป็นผู้บริหารเรื่อยมา หมุนเวียนเงินวันหนึ่งๆหลายล้านบาท
 
    แต่ปี พ.ศ.2530 จู่ๆเตี่ยก็เสียชีวิต เสียแบบง่ายๆ คือ ตอนเที่ยงคืนเตี่ยลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ บอกให้ลูกๆไปนอนได้แล้ว เพราะตอนเช้าต้องเปิดร้านแต่เช้า ลูกก็ขึ้นห้องไปนั่งสมาธิได้ประมาณ 10นาที ได้ยินเสียงเตี่ยครางอือๆ ลูกก็ลงมาดูเตี่ยเห็นเตี่ยตาค้าง ลูกตกใจมากเรียกพี่ๆน้องๆมาดู ตั่วเฮียงัดปาก ดูดปาก เป่าลม ปั๊มหัวใจให้เตี่ย เรียกรถพยาบาลที่อยู่ห่าง 500เมตร มาถึงเตี่ยก็สิ้นลมแล้วด้วยวัย 69ปี ทั้งๆที่เตี่ยเป็นคนแข็งแรง ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ไม่เคยเข้าโรงพยาบาล พอเป็นปุ๊บก็ตายเลย ผู้รู้บอกว่าเป็นเสลดพันคอ แม่บอกท่ามกลางศพเตี่ยว่า "ตาเหลานี้ (ตาแก่)_ไปง่ายจริงๆ ขอให้ได้ไปง่ายๆแบบนี้บ้าง"
 
    ปี พ.ศ.2531 ตั่วเฮียได้สร้างห้องพระให้ แม่ ได้ไหว้พระในบ้าน เป็นห้องพระแบบจีนผสมไทย เพราะแม่ชอบไหว้พระทำบุญทำทานถือศีลกินเจด้วย แม่นับถือเจ้าแม่กวนอิมมาก สวดสรรเสริญท่านเป็นประจำ แม่ไม่รู้หนังสือ แต่ก็สวดมนต์ภาษาจีนได้หลายสิบเล่ม หลังจากเปิดห้องพระแล้ว มีคนมาร่วมแสดงความยินดีกับแม่ประมาณ 200คน เต็มห้องพระเลย การค้าก็เจริญรุ่งเรืองมาก ซื้อ-ขายที่ดินรับจำนอง รับซื้อฝากที่ดิน จนเงินไม่พอหมุนก็ไปกู้ธนาคาร ตอนนั้นดอกเบี้ยธนาคารประมาณ 1.25 นำมาปล่อย 2-2.50 กิจการเติบโตอย่างมาก วงเงินหมุนเวียนหลายร้อยล้านบาท
 
    ปี พ.ศ.2533 ตั่วเฮียปรารภว่าที่ดินราคาขึ้นสูงผิดปกติ ต่อไปต้องมีปัญหาที่ดินแน่ๆ จึงตัดสินใจหยุดซื้อขายที่ดินแล้วหันไปบวชแทน การบวชของตั่วเฮียเป็นการบวชแบบตั้งใจ จึงเสาะแสวงหาวัดที่จะบวช หาอยู่หลายวัด ก็มาถูกใจวัดอโศการามซึ่งเป็นวัดที่เคร่งครัดในการปฏิบัติ เมื่อตั่วเฮียบวชแล้วก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยอย่างเคร่งครัด ฉันมื้อเดียว ไม่จับเงิน กินเจอีกด้วย โดยมีพี่สะใภ้เป็นอุปัฏฐากทุกวัน ตั่วเฮียปฏิบัติตนได้ดีมากจนได้เป็นหัวหน้าพระนวกะรุ่นนั้น เป็นผู้นำในการสร้างถนนในวัด สร้างกุฏิ สร้างห้องน้ำ 5ห้อง ยังความปลาบปลื้มปีติให้แม่ถึงกับน้ำตาไหลในการบวชของพระลูกชายในครั้งนั้น ตั่วเฮียบวชอยู่ได้หนึ่งพรรษา สี่เดือนเต็มๆ
 
    เมื่อสึกออกมาได้ประมาณ 5เดือน ได้จัดงานวันเกิดครบรอบ 69ปีให้แม่บนห้องพระ ไม่ได้เชิญแขก มีเฉพาะลูกๆหลานๆประมาณ 50คน หลังจากนั้นมาไม่นาน วันที่ 1 เดือน9 จีน พ.ศ.2534 เป็นวันกินเจ แม่ได้เรียกลูกๆหลานๆมาร่วมกันไหว้พระตอน 2ทุ่ม แม่บอกว่าพรุ่งนี้จะไปโรงเจทำไฉก้วย ขณะไหว้พระอยู่นั้น แม่ได้สิ้นลมไปเฉยๆโดยเอียงตัวไปทางตั่วเฮีย ตั่วเฮียก็รับตัวแม่ไว้ในอ้อมอก ดูดปาก เป่าลม ปั๊มหัวใจ เรียกรถพยาบาลมา หมอบอกว่าหัวใจล้มเหลว รวมอายุแม่ได้ 69ปี งานศพของแม่ ตั่วเฮียจัดได้ยิ่งใหญ่มาก แขกมาแน่นวัดทุกคืน วันสุดท้ายของงานตั่วเฮียได้ทำบุญให้แม่ 1ล้านบาท โดยบริจาคเข้ามูลนิธิต่างๆและสร้างพระประธานถวายวัด หน้าตัก 49นิ้ว 1องค์
 
   หลังจากแม่เสียได้หนึ่งเดือน ที่ร้านเกิดเหตุไฟไหม้ เฉพาะร้านเดียวไม่ลุกลามไปตึกข้างเคียงทั้งที่ผนังติดกัน ไฟพุ่งขึ้นไปบนฟ้าสูงมาก ลูกสาวของหยี่เจ้ (พี่สาวคนที่สอง) เสียชีวิตในกองเพลิงทำให้ ตั่วซ้อ (ภรรยาของตั่วเฮีย) สลดใจจึงตัดสินใจโกนหัวบวชชีหนึ่งเดือน หลังจากสิ้นบุญเตี่ยและแม่แล้ว ตั่วเฮียและตั่วซ้อก็เป็นเสาหลักของครอบครัวแทน โดยมีพี่ๆน้องๆอยู่รวมกันหกครอบครัว มีคนอยู่รวมกัน 45คน โดยไม่มีอบายมุข ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ ไม่เล่นการพนัน น้ำชา กาแฟไม่มีคนกิน โดยมีตั่วเฮียเป็นแบบอย่าง
 
    ตั่วเฮียเป็นคนดี รักครอบครัวมาก เป็นที่รักของทุกๆคนที่ได้รู้จัก เพราะตั่วเฮียเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เสมอต้นเสมอปลาย ยิ้มแย้มแจ่มใส ร่าเริงอารมณ์ดี จนมีคนมาถามว่า "เฮียเคยหน้าบึ้งโกรธคนบ้างไหม เพราะเห็นทีไรก็มีแต่รอยยิ้ม"_ตั่วเฮียของลูกเป็นคนช่างสังเกต จดจำศึกษาวิชาต่างๆมากมายหลายแขนง ทั้งทางโลกและทางธรรม ตั่วเฮียเคยพูดกับตัวลูกว่า ถ้าจะศึกษาอะไรก็ต้องศึกษาให้ถ่องแท้ถึงที่สุด ถ้าเป็นทหารก็ต้องมียศเป็นนายพล ถ้าเป็นพระก็ต้องเป็นถึงเจ้าคุณ ถ้าจะเป็นอะไรก็ต้องศึกษาให้แจ่มแจ้งในสิ่งนั้นๆ
 
    ตั่วเฮียพูดเสมอว่า ที่ครอบครัวเป็นปึกแผ่นได้ ก็เพราะทุกคนมีธรรมะ เคารพอาวุโส ที่บ้านจะเรียก ตั่วเฮีย หยี่เฮีย ตั่วเจ้ หยี่เจ้ ไม่ใช่เรียกพี่เฉยๆ ตั่วเฮียจะพูดเสมอว่า ทางโลกต้องเดินคู่กับทางธรรมถึงจะอยู่ได้นาน ดังนั้นตั่วเฮียจึงทำบุญทำทานทอดกฐินตามวัดต่างๆหลายวัด สร้างโรงเรียนเป็นหลังๆ หมดเงินเป็นล้านๆ จนทางคณะครูเห็นคุณงามความดีเลยทูลเกล้าฯ ขอเครื่องราชให้ตั่วเฮีย
 
    ช่วงปี พ.ศ.2543 ตั่วเฮียได้เคยพาอาจารย์จากต่างประเทศมาดูงานที่วัดพระธรรมกาย เรียกว่าพาอาจารย์มาดูคนที่เขาเข้าวัด คนเป็นหมื่นๆคน ไม่มีการละเล่น ไม่เห็นคนสูบบุหรี่ ใส่ชุดขาวตระการตา หาเศษขยะสักชิ้นก็หายากยิ่ง เพราะที่วัดจัดเป็นระเบียบได้ดี มีที่ใส่เพชรใส่พลอยจำนวนมาก ช่วงที่วัดถูกโจมตีจากสื่อมวลชน ตั่วเฮียจะเป็นคนแก้ข่าวให้เสมอ เช่น บอกว่าสื่อลงข่าวข้างเดียว วัดต้องมีดี คนจึงมาวัดมาก คนเป็นหมื่นๆแสนๆ คงไม่โง่ให้เขาหลอกหรอก ถ้าวัดไม่ดีจริงป่านนี้อยู่ไม่ได้แล้ว แต่น่าเสียดาย ตั่วเฮียก็ไม่ได้ศึกษาวิชชาธรรมกาย เพียงแต่รู้ว่าวัดนี้ต้องมีดีแน่นอน
 
    ต้นปี พ.ศ.2547 เหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ตั่วเฮียถูกฆ่าตายโดยลูกน้องที่ตั่วเฮียรักและไว้ใจมาก อยู่กันมา 25ปี ลูกเมียของเขาก็อยู่ใกล้บ้าน ตั่วเฮียได้ให้ลูกกับเมียของเขามาขายของอยู่หน้าโรงหนัง โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น ลูกน้องคนนี้มีหน้าที่ดูแลโรงหนัง และรับผิดชอบเบิกเงิน-ฝากเงินเข้าธนาคาร ทำงานด้วยความซื่อสัตย์มาโดยตลอด
 
    วันที่เกิดเหตุ ตั่วเฮียให้เขาไปเบิกเงินตามปกติ วันนั้นให้เบิกหนึ่งล้านเจ็ดแสนบาท วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547 เขากลับมารายงานว่าถูกฉกเงินไปเจ็ดแสนเหลือเงินมาแค่ล้านเดียว ตั่วเฮียก็ไปแจ้งความ ตำรวจก็พาลูกน้องไปสอบสวนพบมีพิรุธหลายอย่าง ตำรวจบอกเขาว่าพรุ่งนี้ให้มาเข้าเครื่องจับเท็จ ตอนเช้าลูกน้องก็มาดักรอหน้าบ้านตั่วเฮีย เขาได้ยิงตั่วเฮียแล้วยิงตัวตายตามไปด้วย ลูกชายคนโตของตั่วเฮียได้ยินเสียงปืนก็ออกมา เห็นเตี่ยของเขาถูกยิงก็อุ้มไว้ในอ้อมอกแล้วนำส่งโรงพยาบาล ตั่วเฮียได้เสียชีวิตในอ้อมอกของลูกชายคนโตก่อนถึงโรงพยาบาล 
 
คำถาม
 
1.เตี่ย แม่และตั่วเฮียตายแล้วไปไหน ได้รับบุญที่ลูกหลานทำอุทิศไปให้หรือไม่ครับ
 
2.ตั่วเฮียเป็นคนดี ไม่เคยฆ่าสัตว์ เป็นลูกกตัญญู เคยบวชพระตั้งใจปฏิบัติธรรม ทำไมถึงต้องตายแบบไม่น่าเป็นไปได้ เหตุใดลูกน้องของตั่วเฮียจึงต้องโกงเงิน จนเป็นเหตุให้ยิงตั่วเฮียและยิงตัวเองตาย บุญที่ตั่วซ้อสร้างพระจารึกชื่อตั่วเฮีย ตั่วเฮียจะได้รับหรือไม่ครับ
 
3.เตี่ยและแม่เป็นอะไรตาย ทำบุญอะไรมาถึงได้สิ้นบุญง่ายอย่างนั้น ทั้งสองท่านและตั่วเฮียทำบุญอะไรมาจึงแข็งแรง โดยเฉพาะตั่วเฮียอายุ 62ปี ผมก็ไม่หงอก ฟันไม่หัก หูไม่ตึง สายตาดีมาก อ่านหนังสือไม่ต้องใส่แว่น หน้าตาผ่องใสไร้ริ้วรอยครับ
 
4.ลูกสาวของหยี่เจ้ที่เสียชีวิตในกองเพลิง ตายแล้วไปไหน มีความเป็นอยู่อย่างไร สามีของหยี่เจ้เป็นโรคเบาหวานถูกตัดขาข้างขวาเมื่อต้นปี พ.ศ.2548 ด้วยวิบากกรรมใด ควรแก้ไขอย่างไรครับ
 
5.ทำไมครอบครัวของลูกจึงประสบปัญหาเศรษฐกิจถึง 2ครั้ง (ครั้งแรกมีปัญหาเรื่องเช็คเด้ง และครั้งสองปัญหา IMF) แต่ก็สามารถผ่านพ้นไปได้ ด้วยบุญอะไรครับ ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดขึ้นอีกครับ
 
6.พี่น้องลูกๆหลานๆอยู่ร่วมกัน 45ชีวิต โดยไม่มีปัญหา ทำบุญร่วมกันมาอย่างไรจึงอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขครับ
 
7.ลูกเคยสร้างพระธรรมกายประจำตัว 1องค์ เมื่อประมาณปี พ.ศ.2543 โดยผู้นำบุญบอกว่าลงชื่อได้แค่หนึ่งคน ลูกได้บอกให้ลงเป็นชื่อ ตระกูล ไม่ทราบว่าผิดกฎระเบียบหรือไม่ครับ ควรแก้ไขอย่างไร ปัจจุบันครอบครัวใหญ่ของเรามีการทำบุญที่ต่างๆอยู่เสมอโดยมักใส่ชื่อร้าน ร้านจะได้บุญหรืออานิสงส์อย่างไรครับ
 
8.คนที่ตำหนิวัดพระธรรมกายจะบาปมากหรือไม่ครับ คนที่ตำหนิคุณยายอาจารย์ แบบเสียหายมาก จะมีวิธีสอนเขาอย่างไรให้เขาเข้าใจ เพราะลูกกลัวเขาจะมีบาปติดตัวครับ
 
9.ตั่วเฮีย ครอบครัวตั่วซ้อ ตัวลูกและสมาชิกในตระกูล เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไร มีสิทธิ์จะไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ หรือไม่ครับ
 
10.ผู้ประสานงานและหลานสาวเคยเกี่ยวข้องอย่างไรกับสมาชิกในตระกูลของลูกในอดีตครับ    
          
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
1.เตี่ยตายแล้ว ก็ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของอากาสเทวา
  • แม่ตายแล้วไปเป็นเทพธิดามีวิมานทองของชั้นดาวดึงส์ เฟส2
  • ตั่วเฮียตายแล้ว ไปเป็นเทพบุตรสุดหล่อมีวิมานทองของชั้นดาวดึงส์ เฟส2 มีวิมานใกล้กับแม่ แต่ตอนตายใหม่ๆก็วนเวียนอยู่ 7วัน เพราะตายยังไม่ทันตั้งตัว เมื่อครบ 7วันแล้วก็เห็นทางสว่างแล้วก็เดินไปตามทางนั้น จนไปเกิดที่ดาวดึงส์ เฟส2
 
2.ตั่วเฮียถูกยิงตาย เพราะกรรมในอดีตเป็นพ่อค้าใหญ่ ส่วนลูกน้องในชาตินี้ก็เป็นลูกน้องคนสนิทในชาตินั้น ในชาตินั้นก็เป็นพ่อค้าเต็มตัว แต่บางครั้งก็ใช้ลูกน้องคนสนิทคนนี้ไปฆ่าคนที่กู้เงินไปแล้วไม่ใช้คืน ต่อมาได้เข้าหาธรรมะ ได้ปฏิบัติธรรม ให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา คล้ายชาตินี้
 
  • ด้วยวิบากกรรมดังกล่าว จึงบีบคั้นให้ลูกน้องคนสนิทได้ฆ่าตั่วเฮียและฆ่าตัวเองตายตาม
  • ได้รับบุญที่สร้างองค์พระจารึกชื่อให้แล้ว
 
3.เตี่ยและแม่แข็งแรงแต่สิ้นบุญง่าย เพราะได้ทำทานแจกจ่ายอาหารคนยากจนและยารักษาโรค ในอดีต มาส่งผล เมื่อหมดอายุขัยก็ตายง่าย

  • ตั่วเฮียก็มีบุญ ทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา ทำให้จิตผ่องใส อีกทั้ง  คิด-พูด-ทำแต่เรื่องดีๆมาในอดีต กับปัจจุบันก็เป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนและมีปิยวาจา จึงทำให้ปัจจุบันแม้อายุ 62ปี หน้าตาก็ดูผ่องใส ผมไม่หงอก หูไม่ตึง แต่หน้าเด้งไม่มีริ้วรอย
 
4.ลูกสาวของหยี่เจ้ที่ตายในกองเพลิง ตายใหม่ๆก็วนเวียนอยู่ระยะหนึ่ง ต่อมาเมื่อได้รับบุญที่อุทิศไปให้ รวมทั้งบุญเก่าของตัวเอง จึงได้ไปเกิดเป็นมนุษย์แล้ว

  • สามีของหยี่เจ้เป็นเบาหวานและถูกตัดขาข้างขวา เพราะกรรมในอดีตที่เคยเกิดในสังคมเกษตรกรรม ได้ฆ่าสัตว์ทำอาหารอยู่เป็นประจำตามมาส่งผล
  • ให้สั่งสมบุญทุกบุญทั้ง ทาน ศีล ภาวนา ให้มากๆ แล้วก็ปล่อยสัตว์ปล่อยปลา อุทิศบุญกุศลไปให้กับสัตว์ที่เราไปเบียดเบียนเขาไว้ ให้ทำบ่อยๆ
 
5.ลูกประสบปัญหาเศรษฐกิจถึง 2ครั้ง แต่ก็ผ่านไปได้ เพราะเมื่อทานบารมีในอดีตหย่อนลงเมื่อใด ก็จะมีเหตุให้ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจไม่อาจรักษาทรัพย์ได้ แต่เมื่อทำบุญปัจจุบันบ่อยๆ ทั้งในพระพุทธศาสนาและบุญสงเคราะห์โลก จึงได้อุ้มชูขึ้นมาให้ผ่านไปได้
 
  • จะต้องทำบุญทุกบุญให้มากๆ แล้วอธิษฐานจิตขออย่าให้ชีวิตตกต่ำเลย ให้ทำดังนี้บ่อยๆ
 
6.พี่น้องรวมลูกหลาน 45ชีวิต อยู่ร่วมกันมาโดยไม่มีปัญหาเลย และอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข เพราะทุกคน ในอดีตทำทานด้วยความเคารพ มีปกติเอื้อเฟื้อเกื้อกูลสงเคราะห์ญาติเสมอๆ อีกทั้งมีความอ่อนน้อมถ่อมตน บุญดังกล่าวได้ตามมาส่งผล
 
  • ปัจจุบันนี้ก็ให้ทำดังนี้อีกให้ยิ่งๆขึ้นไป ก็จะเป็นตระกูลต้นบุญต้นแบบที่ดีของโลก ในยามที่โลกขาดแคลนตัวอย่างที่ดีๆให้ดู
 
7.ลูกเคยสร้างพระธรรมกายประจำตัว แต่ได้จารึกชื่อเป็นตระกูล เมื่อบุญส่งผลก็จะมีสมบัติเป็นกงสี และจะมีส่วนในการใช้สมบัตินั้น แต่ถ้าจารึกเป็นชื่อส่วนตัว เมื่อบุญส่งผล ก็จะได้รับสมบัติมาใช้เป็นส่วนตัว

  • ปัจจุบันเมื่อครอบครัวทำบุญ มักใส่ชื่อร้านเป็นประจำ เมื่อบุญส่งผลก็จะทำให้ร้านเจริญรุ่งเรือง และได้สมบัติเป็นกงสี ได้ใช้สมบัติร่วมกัน
 
8.คนที่ตำหนิวัดพระธรรมกายถ้าติเพื่อก่อก็ไม่บาป แต่ถ้าติเตียนด้วยอารมณ์ มีวาจาผรุสวาท ก็จะมีวจีกรรมติดตัวไป

  • ถ้าตำหนิคุณยายอาจารย์อย่างไม่รู้จริง ก็จะมีบาปติดตัวเป็นวจีกรรม เพราะท่านเป็นผู้มีคุณธรรม มีคุณวิเศษ และเป็นมหาปูชนียาจารย์
 
9.ตั่วเฮีย ครอบครัวตั่วซ้อ ตัวลูกและสมาชิกในตระกูลเคยสร้างบารมีกับหมู่คณะ แบบกองเสบียง โดยบางคนก็สม่ำเสมอ บางคนก็ไม่สม่ำเสมอ จึงทำให้บางชาติก็เจอกัน บางชาติก็พลัดกัน
 
 
10.ผู้ประสานงานและหลานสาวก็เคยเป็นกัลยาณมิตรให้กับสมาชิกในตระกูลของลูกมาในอดีต ชาตินี้ก็มาเป็นกัลยาณมิตรให้อีก
 
  • ชาตินี้มาเจอกันแล้ว ก็ให้ตั้งใจสร้างบารมีให้เต็มที่ในทุกบุญ แล้วอธิษฐานจิตตามติดไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ เขตบรมโพธิสัตว์ อย่าได้พลัดกันเลย


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม