ชีวิตกลับมาสดใส เพราะพบที่พึ่งภายใน


[ 12 ธ.ค. 2549 ] - [ 18284 ] LINE it!

ผลปฏิบัติธรรม
ของกัลฯ แอน บาร์ตัน ประเทศออสเตรเลีย
 
 
 
    ฉันชื่อ แอน บาร์ตัน อายุ 57 ปี จากนครซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย จดหมายฉบับนี้เขียนขึ้นจากคนที่พ้นความตายได้อย่างหวุดหวิด และศูนย์กลางกายได้ดึงชีวิตฉันให้พ้นจากอ้อมกอดของมฤตยู
 
    เมื่อปี 41 ฉันต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่หลวง จากการสูญเสียลูกสาวคนเล็กไปจากอุบัติเหตุ ด้วยวัยเพียง 7 ขวบเท่านั้น สร้างความทุกข์ระทมแก่ทุกคนในครอบครัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะเธอเป็นเด็กน่ารักและเป็นขวัญใจของครอบครัว ฉันจะต้องสงบจิตใจ ปลอบใจตัวเอง สามี  และลูกสาวที่เหลืออีก 2 คน ไม่ให้เสียใจมากไปกว่านี้ ฉันนอนไม่หลับ ต้องทานยาระงับประสาท แต่ยิ่งทำให้รู้สึกกระวนกระวายมากขึ้น ฉันจึงไปขอคำปรึกษาจากจิตแพทย์ เวลาที่คุยกับหมอก็รู้สึกดีขึ้น แต่พอออกจากห้องของหมอได้พักใหญ่  ความรู้สึกที่สูญเสียลูกสาวและความเศร้า กลับถาโถมเข้ามาในใจครั้งแล้วครั้งเล่า และพอได้ปรึกษากับเพื่อนสนิท ก็เป็นเหมือนเดิมอีก ตอนคุยก็รู้สึกดี แต่หลังจากคุยกันแล้วความโศกเศร้าก็ยังคงติดอยู่ในใจฉัน เวลาผ่านไป ฉันยังคงจมอยู่กับความทุกข์ ขณะเดียวกันก็ยังทำหน้าที่ของแม่ และภรรยาไปด้วย เหมือนนักบินที่ต้องทำหน้าที่ขับเครื่องบินพาผู้โดยสารเดินทางจนกว่าจะหมดเที่ยวบินฉันนั้น
 
    ต่อมา ปี 44 ฉันเริ่มทำงานเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ที่ โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในเมืองเบอร์วูด วันหนึ่ง ฉันสังเกตเห็นว่ามีพระภิกษุ ห่มจีวรสีเหลือง นั่งอยู่ในห้องรับแขก ท่านส่งยิ้มให้ฉันด้วยความเบิกบาน พระท่านนี้ คือพระอาจารย์ สุธัมโม ท่านขอให้ฉันสอนภาษาอังกฤษด้านการออกเสียงให้ และฉันก็ได้บอกกับท่านว่า “ดิฉันไม่ขอรับปัจจัยค่าสอน แต่ฉันจะดีใจมากกว่า หากฉันสอนภาษาอังกฤษให้แก่ท่าน และท่านก็สอนสมาธิให้แก่ฉัน” ท่านตอบตกลงด้วยความเมตตา ซึ่งทำให้ฉันได้รู้จักกับศูนย์กลางกายฐานที่7 และเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของชีวิตที่ฉันจะเล่าในลำดับถัดไป
 
    เมื่อปี 48 ที่ผ่านมา ปัญหาชีวิตก็รังควานฉันอีกครั้ง เพราะสามีที่เคยร่วมชีวิตกันมาขอแยกทาง ฉันเครียดอย่างหนัก เราแต่งงานอยู่กินกันมาถึง 16 ปี ใช้ชีวิตคู่ผจญความยากลำบาก ประคับประคองทำทุกอย่างมาด้วยกัน ลูกสาวสุดที่รักลาโลกไป ทิ้งความเศร้าให้หัวใจยังไม่จาง อยู่ดีๆ สามีก็เดินออกจากชีวิตของฉันไปอีกคน โดยไม่ได้อธิบายอะไรเลย
 
    คืนที่เขาจะจากไป ฉันรู้สึกถึงความสิ้นหวัง ความทุกข์ได้เข่นเฆี่ยนทั้งใจและกายจนรู้สึกไม่สบาย จึงขอร้องให้เขาพาไปส่งโรงพยาบาล ด้วยความรู้สึกที่สับสนไปหมด ในระหว่างทางไปโรงพยาบาลต้องเดินข้ามถนน ขณะนั้นเป็นตอนกลางคืนมีรถวิ่งกันขวักไขว่ แต่หัวใจของฉันรู้สึกสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง จึงคิดจะฆ่าตัวตายด้วยการกระโดดให้รถชนเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ทันใดนั้นใจของฉันก็ถูกดึงดูดจากภายใน ไปหยุดอยู่ที่ศูนย์กลางกายอย่างที่ฉันได้เรียนมาโดยอัตโนมัติ แล้วฉันก็เห็นองค์พระผุดขึ้นมา องค์ใหญ่เหมือนดวงตะวัน ขยายคลุมตัวของฉัน เหมือนอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่  ใบหน้าขององค์พระ ท่านมองมาที่ฉันอย่างมีเมตตา แล้วฉันก็ได้ยินเสียงของพระดังขึ้นมาพร้อมกันว่า “keep your mind.. keep your mind” ตั้งสติไว้ ตั้งสติไว้   
 
    และแล้วสติของฉันก็กลับคืนมาอีกครั้ง ฉันฉุกคิดได้ว่า ฉันไม่ได้สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างหรอก ฉันยังมีศูนย์กลางกาย และยังมีองค์พระ ในขณะที่ฉันจะฆ่าตัวตาย องค์พระได้ปกป้องฉันจากความตาย และเหมือนกับท่านได้พาฉันข้ามไปสู่อีกฟากหนึ่งของถนนที่เต็มไปด้วยสันติสุข ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 ได้ให้ชีวิตใหม่แก่ฉัน รวมทั้งพระอาจารย์ที่ได้เมตตาสอนสมาธิแก่ฉัน ฉันรู้สึกว่าเป็นหนี้บุญคุณท่าน ถ้าไม่มีท่านสอนสมาธิให้แก่ฉัน ฉันก็คงไม่มีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้
 
    หลังจากนั้นฉันก็ได้ปฏิบัติธรรมอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 5 ปีแล้ว การปฏิบัติธรรมเป็นที่พึ่งอันยิ่งใหญ่ให้แก่ฉัน ฉันได้เห็นองค์พระภายในบ่อยๆ เป็นองค์พระภายใน ที่มีแสงสีทอง สว่างไสว ส่องหัวใจของฉันด้วยแสงแห่งสันติสุข
 
    ฉันกระหายที่จะเรียนรู้ธรรมะอย่างต่อเนื่องให้ลุ่มลึกยิ่งๆขึ้นไป และวันหนึ่งถ้าฉันอายุ 70 ฉันอยากจะอุทิศตัวมาช่วยงานที่วัด ฉันอยากให้ทุกคนมีประสบการณ์เห็นองค์พระภายในเหมือนที่ฉันได้เคยเห็นมาแล้ว และมันเหมือนการเดินทางของชีวิตฉัน ได้เริ่มต้นใหม่อีกครั้งหนึ่งค่ะ
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ผู้นำทางภายใน อันเข้มแข็งผู้นำทางภายใน อันเข้มแข็ง

หยุดเป็นตัวสำเร็จหยุดเป็นตัวสำเร็จ

หนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกหนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ