เมื่อดินแดนพุทธภูมิสว่าง โลกก็สว่างด้วย

 

 

        ด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน สื่อมวลชน รวมไปจนถึงประชาชนระดับรากหญ้า ทำให้การฟื้นฟูพระพุทธศาสนาในดินแดนพุทธภูมิกำลังหยั่งรากลึก การมาอินเดียในครั้งนี้ เป็นการมาตอกย้ำผังสำเร็จในการนำวัฒนธรรมชาวพุทธที่หายไปกว่า 2,500 ปี ให้ฟื้นคืนกลับมาสร้างความสว่างไสวในดินแดนแห่งนี้อีกครั้ง

 

         ในระหว่างวันที่ 9-16 พฤษภาคม พ.ศ.2554 ทีมงานได้จัดการบวชอุบาสก-อุบาสิกาแก้ว อินเดีย รุ่นผู้นำ โดยมีผู้สนใจมาร่วมอบรมกว่า 100 คน ทุกคนได้เรียนรู้วัฒนธรรมชาวพุทธ ได้นั่งสมาธิ เมื่อผ่านการอบรมไปไม่กี่วัน ส่วนใหญ่ก็ได้พบกับประสบการณ์ภายในที่สว่างไสว มีความสุขในการนั่งสมาธิกันทุกคน ตัวแทนอุบาสิกาแก้วอินเดียกล่าวว่า “หลังจากที่มาเข้าโครงการในครั้งนี้ ฉันได้รู้ว่าความสะอาดของใจ และการฝึกสมาธินั้นสำคัญมาก ฉันได้เรียนรู้เกี่ยวกับหลักคำสอนเบื้องต้นในพระพุทธศาสนา ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เมื่อฉันเริ่มที่จะทำสมาธิโดยนำใจมาไว้ที่ศูนย์กลางกาย ก็ได้เห็นภาพพระพุทธเจ้าเปลี่ยนเป็นดวงแก้วใส ขณะนั้นใจของฉันค่อยๆสงบลง ค่อยๆหยุดนิ่งได้ และมีความสุขเกิดขึ้น”

 

 

        หลังจากการอบรมแล้ว ทั้งอุบาสก-อุบาสิกาแก้วอินเดีย กว่า 100 ชีวิต ก็ได้ร่วมแรงร่วมใจกับทีมงานลูกพระธัมฯ ช่วยกันเตรียมงานครั้งประวัติศาสตร์ คือ การจุดวิสาขประทีป ในวันวิสาขปุณณมี หรือที่ชาวอินเดียเรียกว่า Buddha Purnimar¹ โดยก่อนวันงานหนึ่งวัน ได้จัดให้มีพิธีอัญเชิญพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อไปประดิษฐาน ณ ศูนย์กลางพิธี โดยจัดขบวนแห่อย่างอลังการ เดินผ่านเขตชุมชนเป็นระยะทางกว่าสี่กิโลเมตร งานนี้ ฯพณฯ บาบันเรา พัชภูติ รัฐมนตรีกระทรวงชนเผ่า รัฐมหาราษฏะ และ คุณวิกรม พัชภูติ (บุตรชาย) ก็ขอมาเอาบุญใหญ่ ด้วยการจัดรถนำขบวนเปิดหัว-ปิดท้าย มีวงดนตรี พร้อมเปิดเพลงวิสาขปุณณมี ดังกระหึ่มกึกก้อง ทำให้ผู้ที่มีศรัทธาหลายต่อหลายคนถึงกับทนไม่ไหว เข้ามาขอร่วมเดินขบวนกันอย่างคับคั่ง โดยได้รับความอนุเคราะห์จากกรมตำรวจและรัฐบาลแห่งมหาราษฏะมาคอยอำนวยความสะดวกตลอดทาง

 

(¹Purnimar แปลว่า คืนพระจันทร์เต็มดวง)

 

 

        พิธีจุดประทีปถวายเป็นพุทธบูชา ถูกจัดขึ้นในชุมชนเมืองอาเมนนากะ รัฐมหาราษฏะ และถึงแม้ว่ารอบพื้นที่การจัดงานจะมีผู้ที่นับถือพระพุทธศาสนาเพียงประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค เพราะมีชาวอินเดียเดินทางมาร่วมงานเป็นจำนวนมาก ซึ่งก่อนการจุดประทีป ทีมงานได้แสดงภาพของคุณครูไม่ใหญ่บนจอขนาดยักษ์ พร้อมทั้งเปิดภาพโครงการ Change the World รวมทั้งมีการกล่าวแสดงตนเป็นพุทธมามกะเป็นภาษาบาลี ทำให้พี่น้องชาวอินเดียที่มาร่วมงานเกิดแรงบันดาลใจ ในการคิดดี ทำดี คิดใหญ่ ทำใหญ่ โดยต่างตั้งใจว่าจะต้องช่วยกันฟื้นฟูพระพุทธศาสนาให้กลับมารุ่งเรืองในดินแดนพุทธภูมิอีกครั้ง

 

 

        งานในครั้งนี้ได้รับความสนใจจากสาธารณชนเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากจบงานแล้วเพียงไม่กี่ชั่วโมง หนังสือพิมพ์เกือบทุกฉบับก็รีบชิงกันเสนอข่าว ด้วยการนำภาพเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของโลก ไปตีพิมพ์พาดเป็นหัวข่าว ทำให้ทุกคนที่ได้เห็นภาพต่างบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “Incredible India” (มหัศจรรย์อินเดีย)

 

 

 

        ฯพณฯ บาบันเรา พัชภูติ กล่าวหลังจบพิธีกรรมว่า “วันนี้พวกเราก็ได้จัดงานวันวิสาขบูชา พวกเรารู้สึกปลื้มปีติมาก เมื่อปีก่อนก็ได้มีการจัดงานเช่นนี้ที่เมืองแคสตี้ แต่ปีนี้จัดที่เมืองอาเมนนากะ ผมคิดว่าการเป็นชาวพุทธหรือฮินดูนั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ สิ่งสำคัญ คือ สันติสุขและความสงบสุขที่ได้จากธรรมะของพระพุทธองค์ ผมจึงต้องการแผ่ขยายคำสอนนี้ออกไปทั่วโลก พวกเราอยากจะขอความกรุณาให้มูลนิธิธรรมกายได้จัดงานเช่นนี้อีกในปีหน้า และพวกเราจะพยายามจัดให้ดียิ่งขึ้นไปกว่าเดิม รวมทั้งให้มีคนมาร่วมงานมากกว่าเดิม ผมขอขอบพระคุณเป็นอย่างมากจากใจจริงครับ”

 

 

 

        กัลฯกัลปาน่า สาโรช มหาอุบาสิกาวิสาขาแห่งอินเดีย กล่าวว่า “งานนี้จะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองอย่างแน่นอน ดิฉันโชคดีมากที่หลวงพ่อเมตตาเรียกว่า ลูกสาว และประเทศไทยโชคดีมากที่มีพระภิกษุอย่างหลวงพ่อ แต่ดิฉันโชคดีมากกว่านั้น เพราะหลวงพ่อมอบหมายงานฟื้นฟูพระพุทธศาสนา ณ ดินแดนพุทธภูมิให้กับดิฉัน และดิฉันขอเอาบุญจากประเทศอินเดียมาฝากหลวงพ่อนะเจ้าคะ ปุญญอนุโมทนา”

 

 

 

        งานในครั้งนี้ต้องขออนุโมทนาบุญกับ ฯพณฯ บาบันเรา และ คุณวิกรม พัชภูติ ซึ่งเป็นเจ้าภาพร่วมสนับสนุนโครงการทุกรายการตั้งแต่ต้นจนจบ และด้วยความศรัทธาในหลวงพ่อ คุณวิกรมจึงอนุญาตให้คุณวิชาล ซากัด ผู้ประสานงานหลักในการจัดงาน เดินทางมาบวชพร้อมกับเพื่อนอีกสองคน ในโครงการบวชพระนานาชาติ หนึ่งพรรษา ณ วัดพระธรรมกาย เพื่อจะได้นำหลักธรรมคำสอนกลับไปเผยแผ่ในบ้านเกิดของตน ขยายผลไปสู่ชาวอินเดียต่อไป

 

 

**********************************