นินทา สรรเสริญ


[ 14 มิ.ย. 2554 ] - [ 18271 ] LINE it!

 
 
นินทาสรรเสริญ
 
  
 
นินทาและสรรเสริญ
 
นินทาและสรรเสริญ
 
 
         นินทา  สรรเสริญ  เป็นธรรมประจำโลก  เป็นเหมือนฝาแฝด  ไปไหนมักไปคู่กัน  ไม่เคยมีใครในโลกนี้แม้สักคนเดียวเช่นกันที่ได้รับแต่คำนินทา  ฉะนั้นคนที่เกิดมาแล้วย่อมถูกนินทาและสรรเสริญควบคู่กันไป  แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยังหนีไม่พ้น  นับประสาอะไรกับผู้ที่ยังเป็นปุถุชนคนธรรมดาอย่างเรา
 
         เรื่องนี้  พระพุทธองค์ท่านสอนให้วางท่าทีให้ถูกต้องเมื่อใดก็ตาม  ที่เราได้ยินได้ฟังเสียงนินทาสรรเสริญของผู้อื่นที่มีต่อเรา  เมื่อนั้นเราก็ต้องรู้จักพิจารณาด้วยใจที่เป็นกลางโดยปราศจากอคติ  และพิสูจน์ทราบด้วยตนเองให้ได้ว่า  ความคิดเห็นนั้นเป็นจริงหรือไม่  ดังที่พระพุทธองค์ตรัสไว้ใน  พรหมชาลสูตร ว่า...
 
         สมัยหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จดำเนินทางไกลระหว่างกรุงราชคฤห์กับเมืองนาลันทา  พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป  ในครั้งนั้นสุปปิยปริพาชกกับ พรหมทัตตมาณพผู้เป็นศิษย์  ก็ได้เดินทางไกลในเส้นทางเดียวกันตามหลังมาห่างๆ  ระหว่างทางนั้น  อาจารย์กับศิษย์ได้โต้เถียงกัน  คือ  อาจารย์กล่าวติพระพุทธเจ้า  พระธรรมและพระสงฆ์  ส่วนศิษย์กล่าวชม  เมื่อถึงเวลากลางคืนภิกษุทั้งหลายได้สนทนากันถึงเรื่องศิษย์อาจารย์กล่าวแย้งกันในเรื่องสรรเสริญ  ติเตียนพระรัตนตรัย
 
          ในเวลานั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าได้เสด็จมาถึง  ทรงประทับนั่งที่อาสนะที่จัดปูไว้  แล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า  “กำลังสนทนาเรื่องอะไรกันอยู่”  ภิกษุทั้งหลายจึงกราบทูลเรื่องราวดังกล่าวให้ทราบ  พระพุทธองค์จึงตรัสว่า
 
 
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องราวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องราวแด่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
 
 
          “ภิกษุทั้งหลาย  ถึงคนอื่นจะมากล่าวติเตียนเรา  ติเตียนพระธรรม  ติเตียนพระสงฆ์  พวกเธอก็ไม่ควรผูกอาฆาตคับแค้นใจเพราะถ้าพวกเธอเคืองหรือไม่พอใจในคำติเตียนนั้น  พวกเธอจะประสบอันตราย  และพลอยไม่รู้ว่าที่เขากล่าวติเตียนนั้นถูกหรือผิด  ถ้าป็นเรื่องไม่จริง  เธอก็ควรพิสูจน์ด้วยตนเองว่า  เรื่องนี้ไม่จริง  ไม่ถูกต้อง  ไม่เคยมีปรากฏในพวกเรา
 
          ส่วนถ้ามีใครกล่าวชื่นชมเรา  ชื่นชมพระธรรม  ยกย่องพระสงฆ์  พวกเธอก็ไม่ควรยินดีจนออกนอกหน้า  เพราะถ้าพวกเธอหลงชื่นชมพอใจในคำยกย่องนั้น  พวกเธอก็จะประสบอันตราย  ถ้าคำชมนั้นเป็นเรื่องจริง  เธอก็ควรพิสูจน์ทราบด้วยตนเองว่า  จริงอย่างไร  เพราะอะไรถึงเป็นเช่นนั้น  และพวกเราเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่”
 
 
 
พิจารณาสำรวจตนเอง
 
 
          เราจะเห็นได้ว่า  เสียงนินทาสรรเสริญมีมาทุกยุคทุกสมัย  เราไม่ควรนำมาเป็นอารมณ์  ควรถือว่า  นั่นเป็นเหมือนสัญญาณเตือน  ให้เราย้อนกลับมาพิจารณาสำรวจตนเองว่าสิ่งที่คนอื่นติเตียนเราอยู่นั้น  เราเป็นอย่างนั้นจริงหรือไม่  ถ้าจริงเราก็ควรปรับปรุงแก้ไข  แต่ถ้าไม่จริงเราก็ควรทำใจเป็นกลางและตั้งใจทำความดีต่อไป  ถ้าทำได้เช่นนี้  เสียงนินทาสรรเสริญก็จะเป็นเพียงสื่อให้เราได้ศึกษา  หรือเป็นมิเตอร์วัดความสั่นสะเทือนของใจเรานั่นเอง
 
 
แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก
โดยพระมหาเถระ รุ่นปี พ.ศ. 2534 หน้า  105 - 107
 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เมื่อต้องสอน  ผู้มองต่างมุมเมื่อต้องสอน ผู้มองต่างมุม

คนรวยที่แท้จริงคนรวยที่แท้จริง

เกิดในโลก  แต่ไม่ติดในโลกเกิดในโลก แต่ไม่ติดในโลก



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฎก