ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 2


[ 11 เม.ย. 2550 ] - [ 18271 ] LINE it!
View this page in: 中文

 
ทศชาติชาดก
 
เรื่อง  เนมิราช   ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี  ตอนที่ 2


        จากตอนที่แล้ว ได้เกริ่นนำเข้าสู่เรื่องของพระเจ้าเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี โดยได้เปรียบภาพของ อธิษฐานบารมี ให้เห็นชัดว่า เป็นการตั้งใจมั่น เหมือนภูเขาหินที่ตั้งมั่น ไม่หวั่นไหวด้วยแรงพายุ อธิษฐานบารมีนี้จึงมีลักษณะว่า “ยอมตาย ไม่ยอมเปลี่ยนใจอย่างเด็ดขาด”

        ครั้งหนึ่ง  พระบรมศาสดาได้เสด็จดำเนินอยู่ในพระราชอุทยานอัมพวัน  สวนมะม่วงของพระเจ้ามฆเทวราช โดยมีพระอานนทเถระ และเหล่าภิกษุติดตามเป็นจำนวนมาก  พระองค์ทรงระลึกถึงเรื่องราวในอดีตของสถานที่แห่งนั้นจึงทรงแย้มพระโอษฐ์     ทำให้เกิดแสงสว่างวาบขึ้น

        พระอานนทเถระ ตามเสด็จมาเบื้องหลังได้รู้ว่า พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแย้มพระโอษฐ์    ด้วยแสงสว่างนั้น จึงกราบทูลถามถึงสาเหตุ พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงมีพระพุทธดำรัสว่า  “ดูก่อนอานนท์  เราเคยอาศัยอยู่ในสถานที่นี้  เพื่อเจริญฌานในสมัยที่เราเกิดเป็นพระเจ้ามฆเทวราช” 

        จากนั้นจึงได้ตรัสเล่าเรื่องในอดีตว่า ณ สถานที่เดียวกันนี้ ในกาลนั้นพระองค์ทรงเกิดเป็นพระเจ้ามฆเทวราช   มหากษัตริย์แห่งกรุงมิถิลา  ในยุคนั้นมนุษย์มีอายุขัยเฉลี่ย ๔ แสนปี ได้ทรงเป็นพระราชกุมารอยู่  ๘๔,๐๐๐ปี  ครองราชย์อยู่ ๘๔,๐๐๐ ปี และเป็นพระมหาราชอีก ๘๔,๐๐๐ ปี

        วันหนึ่ง พระเจ้ามฆเทวราชทรงเห็นเส้นพระเกศาของพระองค์หงอกเพียงเส้นเดียว ก็ทรงมีดำริที่จะออกบวช จึงได้ตรัสบอกพระโอรสว่า  “ความเป็นหนุ่มของพ่อสิ้นไปแล้ว  บัดนี้เป็นคราวที่พ่อจะออกบวช” แล้วก็ทรงอภิเษกพระราชโอรสพระองค์โตไว้ในราชสมบัติ  พร้อมทั้งพระราชทานโอวาทว่า  เมื่อผมบนศีรษะของลูกเริ่มหงอกเมื่อไร   ลูกก็จงบวชเหมือนกับพ่อนี้

        จากนั้น  พระองค์ก็ได้อธิษฐานจิตมั่นว่า “ขอให้วงศ์กษัตริย์ของเราสืบต่อเชื้อสายแห่งวงศ์บรรพชิตเช่นนี้ตลอดไป” แล้วจึงเสด็จออกจากพระนครทรงผนวชเป็นฤษี  เจริญพรหมวิหาร ๔ ตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี 

        ทรงได้บรรลุฌาน และอภิญญาสมาบัติ ละจากอัตภาพนั้นแล้ว ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก 

        แม้พระราชโอรสองค์โต ผู้ได้ครองราชย์สมบัติสืบต่อจากพระเจ้ามฆเทวราช ก็ได้ดำเนินตามมรรคาของพระองค์ โดยถือนิมิตผมหงอกเป็นจุดนำทางให้จำต้องสละราชบัลลังก์ ออกบวชเป็นฤษี แล้วก็มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า

        วงศ์กษัตริย์ของพระเจ้ามฆเทวราชได้สืบลำดับต่อเนื่องกันมาโดยทำนองนี้นับได้ประมาณ ๘๔,๐๐๐ พระองค์     
 
        ครั้งหนึ่ง  ท้าวมฆเทวราชผู้บังเกิดและดำรงอยู่ในพรหมโลกก่อนกว่ากษัตริย์ทั้งหมด  ทรงตรวจดูพระวงศ์ของพระองค์ ทุกพระองค์ยังคงรักษาประเพณีอันดีงามกันดีอยู่หรือไม่

        เมื่อตรวจตราไปก็ได้เห็นว่า วงศ์กษัตริย์ของพระองค์ได้สืบต่อการออกบวชเรื่อยมาไม่ขาดสายเลย เป็นจำนวนกษัตริย์ถึง ๘๔,๐๐๐ พระองค์แล้ว ก็ยิ่งมีปีติล้นทับทวี

        จึงทรงพิจารณาต่อไปว่า ต่อจากนี้ไป  วงศ์กษัตริย์ของเราจะสามารถสืบต่อประเพณีนี้ไปได้อีกหรือไม่ ก็ทรงเห็นด้วยฌานสมาบัติว่า กษัตริย์พระองค์ต่อไปจะไม่สามารถรักษาประเพณีอันดีนี้ไว้ได้ 

        จึงมีพระดำริว่า เราเองนี่แหละ  จักสืบต่อพระวงศ์ของเราเอง  จึงอธิษฐานจิตจุติจากพรหมโลกลงมาถือปฏิสนธิในพระครรภ์แห่งพระอัครมเหสีของพระราชาในกรุงมิถิลา

        ครบ ๑๐  เดือน  ก็ได้ประสูติจากพระครรภ์ของพระมารดา   ในวันขนานพระนาม  พระราชาตรัสเรียกพราหมณ์มาทำนายลักษณะ 

        พราหมณ์เมื่อตรวจดูพระลักษณะแล้วก็กราบทูลว่า พระราชกุมารพระองค์นี้เป็นผู้ที่จะมาสืบต่อพระวงศ์ของพระองค์ เพราะพระวงศ์ของพระองค์เป็นวงศ์บรรพชิต 

        หลังจากพระราชกุมารพระองค์นี้ไป  ก็จักไม่มีพระราชาพระองค์ใดได้เสด็จออกผนวชอีกเลย 

        พระราชาสดับดังนั้น  ทรงมีปีติเป็นยิ่งนัก  จึงทรงดำริว่า ลูกเรามาเกิดเพื่อสืบต่อวงศ์ของเราโดยแท้  เปรียบเหมือนล้อรถที่หมุนตามกันมา ฉะนั้น   

        เหตุนี้เองพระองค์จึงทรงขนานพระนามของพระราชโอรสว่า  เนมิราชกุมาร  ซึ่งแปลว่า กุมารผู้เป็นเหมือนล้อรถ  ที่หมุนเวียนมาเพื่อตามรักษาประเพณีอันดีงามของวงศ์ตระกูลให้สืบต่อไป

        เนมิราชกุมารนั้น  รักในการบำเพ็ญบุญกุศล  ให้ทาน  รักษาศีล ๕ และอุโบสถศีล  ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ 

        เมื่อทรงเจริญวัยวัฒนา พระองค์ก็มิได้ทรงยินดีในเบญจกามคุณที่รายล้อมอยู่รอบพระวรกาย 

        ถึงกาลที่พระราชาผู้เป็นพระชนกดำรงอยู่ในราชสมบัติได้ ๘๔,๐๐๐ ปี  พระชนกของพระองค์ได้ทรงทอดพระเนตรเห็นเส้นพระเกศาหงอก ทรงเห็นความไม่เที่ยงของสังขาร ซึ่งเป็นสัญญาณว่าความตายได้คืบคลานเข้ามาใกล้ทุกขณะ  

        ทรงรำพึงว่า สังขารไม่เที่ยงหนอ  วัยของเราแก่หง่อมแล้วหนอ  ถึงเวลาแล้วที่เราจะประพฤติธรรม   ออกผนวชเป็นดาบสตามพระวงศ์ที่ได้ประพฤติรักษาประเพณีอันดีงามสืบต่อกันมา
 
        จากนั้น ก็ได้พระราชทานบ้านส่วยแก่นายภูษามาลา  แล้วทรงมอบราชสมบัติแก่พระเนมิกุมารผู้เป็นราชโอรส 

        แล้วพระองค์เองออกผนวชในพระราชอุทยานอัมพวันนั่นเอง   และทรงเจริญภาวนาตลอด ๘๔,๐๐๐ ปี 

        เมื่อทรงละโลกไปแล้วก็มีพรหมโลกเป็นที่ไป เหมือนกษัตริย์องค์ก่อนๆ 

        การที่กษัตริย์แต่ละพระองค์ได้ทรงออกบวชตามๆ กันทุกพระองค์เช่นนี้ ก็ด้วยการอธิษฐานจิตของพระเจ้ามฆเทวราช ผู้เป็นองค์ต้นแห่งกษัตริย์วงศ์นี้ และวาสนาบารมีที่แต่ละพระองค์ได้สั่งสมมาในทางเดียวกัน วงศ์ของพระเจ้ามฆเทวราชนี้จึงได้ชื่อว่า “วงศ์บรรพชิต” ตามที่กล่าวแล้ว

        แต่ตลอดกาลที่ผ่านไปเนิ่นนานเห็นปานนี้ ก็มิได้มีกษัตริย์พระองค์ใดได้พบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้สดับพระธรรมเทศนา และได้ทรงออกผนวชในพระพุทธศาสนาแม้เพียงพระองค์เดียว ได้แต่เพียงทรงออกผนวชเป็นดาบสเจริญฌานสมาบัติ แล้วไปเกิดในพรหมโลกวนเวียนอยู่เช่นนี้

        จะเห็นว่า ระยะกาลที่พระสัทธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดำรงอยู่นี้ เป็นช่วงเวลาที่สั้นนัก เมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่โลกว่างจากพระสัทธรรม เปรียบเสมือนแสงสว่างแห่งฟ้าแลบขึ้นแปลบเดียวตลอดคืนอันมืดมิด
 
        ดังนั้น ท่านทั้งหลายซึ่งได้มาถึงคำสอนอันสูงส่งเช่นนี้แล้ว หากมีโอกาสบวชก็จงฉวยโอกาสนั้นไว้ แล้วออกบวชเถิด จะได้คุ้มค่าที่ได้มาพบคำสอนของพระบรมศาสดา ส่วนเรื่องของพระเจ้าเนมิราชจะดำเนินไปอย่างไรนั้น โปรดติดตามตอนต่อไป
 
พระธรรมเทศนาโดย : พระราชภาวนาวิสุทธิ์  (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย)


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 3ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 3

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 4ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 4

ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 5ทศชาติชาดก เรื่องเนมิราช ผู้ยิ่งด้วยอธิษฐานบารมี ตอนที่ 5



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ทศชาติชาดก