| |||
โครงการดังกล่าวเป็นการร่วมมือกันระหว่าง 4 ประเทศยักษ์ใหญ่ได้แก่ อังกฤษ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และออสเตรเลีย ผู้ปกครองและเด็กสามารถสมัครเป็นสมาชิกได้ ในกรณีที่เด็กมีอายุต่ำกว่า 18 ปี จำเป็นต้องได้รับการรับรองจากผู้ปกครองหรือผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งรูปแบบการใช้งานจะคล้ายคลึงกับการใช้พาสปอร์ตในการยืนยันตัวบุคคลนั่นเอง
รูปแบบการใช้งานบริการ NetIDMe หรือ Internet Age and Identity Verification System นี้จะสามารถสมัครได้โดยไม่จำกัดอายุ ผ่านทางเว็บไซต์ www.netidme.com ซึ่งผู้สมัครจะได้รับรหัสสำหรับใช้ยืนยันตัวบุคคลทางอินเทอร์เน็ต
นอกจากนั้น โครงการดังกล่าวยังหวังว่าจะช่วยป้องกันไม่ให้เด็กที่มี NetIDMe ถูกโจมตีจากนักเล่นเน็ตคนอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากทาง The Child Exploitation and Online Protection Centre (Ceop) ได้สำรวจพบว่า เด็ก 1 ใน 12 คนที่เล่นอินเทอร์เน็ตครั้งแรกมักถูกโจมตีจากผู้เล่นรายอื่น ๆ โดยเด็กที่ออนไลน์และยืนยันตนภายใต้ NetIDMe จะไม่สามารถรับข้อความ (Message) จากบุคคลอื่น ๆ ได้เลย เว้นแต่กลุ่มที่ลงนามภายใต้ NetIDMe เท่านั้น
การใช้งานบริการ NetIDMe สมาชิกจะต้องแลกเปลี่ยนไอดีกับผู้ที่เราต้องการจะสนทนาด้วยก่อน ซึ่งจะทำให้ผู้สนทนาสามารถล่วงรู้ข้อมูลอายุ เพศ ถิ่นที่อยู่ และใช้ข้อมูลเหล่านั้นในการตัดสินใจว่าจะคุยกับเพื่อนออนไลน์รายนั้นหรือไม่
แนวคิดในการใช้รหัสประจำตัวเพื่อยืนยันตัวเองครั้งนี้มาจากแนวคิดของนักธุรกิจ
ชาวอังกฤษนามว่า
อเล็กซ์ ฮิวอิตต์ (Alex Hewitt)
เมื่อเขาพบว่าบุตรสาวของเขามีเพื่อนออนไลน์มากถึง 150 คน
แต่สามารถยืนยันตัวบุคคล-อายุได้เพียงแค่ 3 คนเท่านั้น
"เราจำเป็นต้องมีระบบที่ช่วยให้การเล่นอินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้น และสามารถทราบได้ว่าคนที่เรากำลังคุยด้วยนั้น เป็นคน ๆ เดียวกับที่เขาบอกเราหรือไม่"
"เราจำเป็นต้องมีระบบที่ช่วยให้การเล่นอินเทอร์เน็ตปลอดภัยขึ้น และสามารถทราบได้ว่าคนที่เรากำลังคุยด้วยนั้น เป็นคน ๆ เดียวกับที่เขาบอกเราหรือไม่"
ที่มา-