เหตุการณ์สำคัญในวันตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต


[ 4 พ.ย. 2558 ] - [ 18264 ] LINE it!

เหตุการณ์สำคัญในวันตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต

DOU ความรู้สากล
เรื่อง : พระมหาวุฒิชัย วุฑฺฒิชโย ป.ธ. ๙
จากวารสารอยู่ในบุญฉบับเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๘
 
พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์อานุภาพหลวงปู่

     การที่ใครสักคนหนึ่งจะตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว เพื่อออกบวชตลอดชีวิตมิใช่เรื่องง่าย เพราะโดยปกติใจของสรรพสัตว์ทั้งหลายจะถูกห่อหุ้มด้วยกิเลส โดยเฉพาะกามคุณซึ่งเป็นเหยื่อล่อสำคัญที่ทำให้สรรพสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสังสารวัฏอยู่ร่ำไป ผู้ที่มีบุญเก่ามาดีจึงจะสามารถเห็นโทษภัยของการอยู่ครองเรือนเหน็ ความสำคัญของการบำเพ็ญเนกขัมมบารมีและมีแรงบันดาลใจมากพอที่จะใช้ชีวิตของตนให้หลุดพ้นจากกิเลสกามด้วยการออกบวช ดังเช่นพระบรมโพธิสัตว์ทั้งหลาย เมื่อบำเพ็ญพุทธการกธรรม ได้ดำริเห็นว่า “บุรุษอยู่มานานในเรือนจำ ลำบากเพราะความทุกข์ มิได้ทำความยินดีให้เกิดในเรือนจำนั้น แสวงหาความพ้นออกไปอย่างเดียว ฉันใด ท่านจงเห็นภพทั้งปวงเหมือนเรือนจำ เป็นผู้มุ่งหน้าออกบวชเพื่อพ้นจากภพนั้นเถิด”

     ย้อนไป ๑๑๒ ปี มีเด็กหนุ่มวัย ๑๙ ปี ซึ่งต่อมา คือ พระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) หลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ กำลังทำหน้าที่เป็นพ่อค้าข้าวแทนบิดาที่เสียไปตั้งแต่อายุ ๑๔ ปี และได้เป็นหัวแรงสำคัญของครอบครัว ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอบวชตลอดชีวิตทำให้เป็นจุดหักเหให้ท่านเลือกเส้นทางเดินชีวิตที่ต่างจากคนทั่วไป

เหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นในวันนั้นมีดังนี้

     วันหนึ่งหลังจากค้าข้าวเสร็จ เด็กหนุ่มคนนี้ (หลวงปู่) และลูกน้องนำเรือเปล่ากลับบ้าน ในคืนนั้นล่องเรือไปด้วยความยากลำบากเพราะน้ำในคลองไหลเชี่ยว แต่ก็พยายามถ่อเรือต่อไป จนมาถึงคลองเล็ก ๆ สายหนึ่ง คลองนี้เป็นคลองเปลี่ยวและมีโจรผู้ร้ายชุกชุม

     ในขณะนั้นมีเรือเพียงลำเดียวเท่านั้นที่แล่นเข้าไปในคลอง เมื่อเรือแล่นเข้าไปได้เล็กน้อย ท่านก็กลัวว่าจะโดนโจรปล้นและทำร้ายถ้าโจรปล้นจริง ๆ ท่านจะโดนทำร้ายก่อนใครเพราะยืนอยทู่ างทา้ ยเรือ จึงเกิดความคิดขึ้นว่า“อ้ายน้ำก็เชี่ยว อ้ายคลองก็เล็ก อ้ายโจรก็ร้ายท้ายเรือเข้าก็ไล่เลี่ยกับฝั่ง ไม่ต่ำไม่สูงกว่ากันเท่าไรนัก น่าหวาดเสียวอันตราย เมื่อโจรมาก็ต้องยิงหรือทำร้ายคนท้ายก่อน ถ้าเขาทำเราเสียได้ก่อน ก็ไม่มีทางที่จะสู้เขา ถ้าเราเอาอาวุธปืน ๘ นัดไว้ทางหัวเรือ แล้วเราก็ไปถือเรือทางลูกจ้างเสีย เมื่อโจรมาทำร้าย เราก็จะมีทางสู้ได้บ้าง” เมื่อคิดดังนั้นแล้ว จึงหยิบปืนยาวบรรจุกระสุน ๘ นัดไปอยู่หัวเรือ บอกให้ลูกจ้างมาถือท้ายเรือแทน

    ขณะถ่อเรือแทนลูกจ้างอยู่นั้น พลันเกิดความคิดขึ้นมาว่า “คนพวกนี้เราจ้างเขาคนหนึ่งเพียง ๑๑-๑๒ บาทเท่านั้น ส่วนตัวเราเป็นเจ้าของทั้งทรัพย์ทั้งเรือ หากจะโยนความตายไปให้ลูกจ้างก่อน ก็ดูจะเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์มากเกินไป ทำอย่างนี้ไม่ถูก ไม่สมควร”

     เมื่อเกิดจิตเมตตาและนึกตำหนิตัวเองเช่นนี้ ท่านจึงตัดสินใจเด็ดขาดลงไปว่า “ทรัพย์ก็ของเรา เรือก็ของเรา เราควรตายก่อนดีกว่า ส่วนลูกจ้างนั้นเมื่อมีภัยมาถึง เขาควรจะได้หนีเอาตัวรอดไปทำมาหาเลี้ยงบุตรภรรยาของเขาได้อีก” เมื่อตกลงใจเช่นนั้น จึงเรียกลูกจ้างให้มาถ่อเรือแทน ส่วนตัวเองถือปืนคู่มือกลับมานั่งถือท้ายเรือตามเดิม

     เรือยังคงแล่นต่อไปเรื่อย ๆ แต่ไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่คิด เมื่อเรือแล่นมาใกล้จะออกจากคลอง จนเห็นปากทางออก ก็รู้ได้ว่าปลอดภัยแล้ว แต่ในใจของท่านยังคิดถึงความตายอยู่ตลอดเวลา และทันใดนั้น ธรรมสังเวชก็เกิดขึ้นในใจของท่านว่า “การหาเงินหาทองนี้ลำบากจริง ๆ เจียวหนา บิดาของเราก็หามาดังนี้ เราก็หาซ้ำรอยบิดา ตามบิดาบ้างเงินแลทองที่หากันทั้งหมดด้วยกันนี้ ต่างคนก็ต่างหา ไม่มีเวลาหยุดด้วยกันทั้งนั้น ถ้าใครไม่เร่งรีบหาให้มั่งมี ก็เป็นคนต่ำและเลว ไม่มีใครนับถือแลคบหา เข้าหมู่เขาก็อายเขา เพราะเป็นคนจนกว่าเขา ไม่เทียมหน้าเทียมบ่าเทียมไหล่กับเขา ปุรพชนต้นสกุลของเราก็ทำมาดังนี้เหมือน ๆ กันจนถึงบิดาของเรา แลตัวของเรา ก็บัดนี้ปุรพชนแลบิดาของเราไปทางไหนหมด ก็ปรากฏแก่ใจว่าตายหมดแล้วแล้วตัวของเราเล่า ก็ต้องตายเหมือนกัน”

     เมื่อคิดถึงความตายขึ้นมาอย่างนี้ก็เริ่มกลัว และนึกถึงความตายที่จะมาถึงตัวเองต่อไปอีกว่า “เราต้องตายแน่ ๆ บิดาเราก็มาล่องข้าว ขึ้นจากเรือข้าวก็เจ็บมาจากตามทางแล้วขึ้นจากเรือข้าวไม่ได้กี่วันก็ถึงแก่กรรม เมื่อถึงแก่กรรมแล้ว เราที่ช่วยพยาบาลอยู่ไม่ได้เห็นเลยที่จะเอาอะไรติดตัวไป ผ้าที่นุ่งแลร่างกายของแกเราก็ดูแลอยู่ ไม่เห็นมีอะไรหายไปทั้งตัวเราแลพี่น้องของเราที่เนื่องด้วยแกตลอดถึงมารดาของเราก็อยู่ ไม่เห็นมีอะไรเลยที่ไปด้วยแก แกไปผู้เดียวแท้ ๆ ก็ตัวเราเล่าต้องเป็นดังนี้ เคลื่อนความเป็นอย่างนี้ไปไม่ได้แน่”

     เมื่อท่านคิดอย่างนี้แล้ว ท่านก็นอนแผ่ลงไปที่ท้ายเรือ แกล้งทำเป็นตาย ลองดูว่าถ้าตายแล้วจะเป็นอย่างไร ท่านก็นอนคิดว่าตัวเองตายอย่างนั้น จนเผลอสติไปสักครู่หนึ่ง เมื่อได้สติรู้สึกตัวก็รีบลุกขึ้น จุดธูปอธิษฐานจิตว่า “ขออย่าให้เราตายเสียก่อน ขอให้ได้บวชเสียก่อนเถิด ถ้าบวชแล้วไม่สึกตลอดชีวิต”

     จากจุดเริ่มต้นแห่งความคิดในครั้งนั้นจึงทำให้มีพระภิกษุผู้สมบูรณ์พร้อมด้วยศีลาจารวัตร ถึงพร้อมด้วยปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธเกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา เป็นยอดสมณะผู้น่าเคารพ เลื่อมใส ศรัทธา เป็นที่พึ่งของมนุษย์ทั้งหลาย และมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่ คือการค้นพบวิชชาธรรมกายอันนำมาซึ่งสันติสุขภายในแก่มวลมนุษยชาติกลับคืนมาอีกครั้ง จะเห็นได้ว่า การตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวในครั้งนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญของการบังเกิดขึ้นของมหาปูชนียาจารย์ เพราะเหตุดังกล่าวนี้พระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนีจึงปรารภที่จะหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนีประดิษฐานไว้ ณ สถานที่ที่ท่านตั้งมโนปณิธานว่าจะบวชตลอดชีวิต เพื่อเป็นอนุสรณ์สถานไว้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญแห่งจุดเริ่มต้นในปณิธานที่ยิ่งใหญ่ของการเป็นมหาปูชนียาจารย์ผู้มีคุณูปการแก่มวลมนุษยชาติ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีอีกครั้งหนึ่ง ที่บรรดาศิษยานุศิษย์ทั้งหลายจะได้สร้างบุญใหญ่ พร้อมใจกันหล่อรูปเหมือนพระมงคลเทพมุนี อันเป็นการแสดงความกตัญญูกตเวทิตา และเชื่อมสายบุญกับท่านไปทุกภพทุกชาติ อีกทั้งยังได้ชื่อว่าเป็นการสร้างมงคลให้เกิดขึ้นแก่ชีวิต ตามภาษิตที่ว่า “ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ การบูชา บุคคลที่ควรบูชา เป็นมงคลอันสูงสุด”

อ้างอิงจากหนังสือ GL 305 ปฏิปทามหาปูชนียาจารย์
กิจกรรมของมหาวิทยาลัย
ธรรมปฏิบัติ รุ่นที่ ๙ ณ ศูนย์การศึกษาเขาแก้วเสด็จ จ.ปราจีนบุรี วันที่ ๑๓-๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๕๘
 



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนเป็นทองคำแท้ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้ทำไมต้องหล่อรูปเหมือนเป็นทองคำแท้ในยุคเศรษฐกิจแบบนี้

ต้นบัญญัติมารยาทไทย ตอนที่ ๓ บ่อเกิดของมารยาทไทย หมวดที่ ๑ สารูปต้นบัญญัติมารยาทไทย ตอนที่ ๓ บ่อเกิดของมารยาทไทย หมวดที่ ๑ สารูป

น้ำมหาประลัยน้ำมหาประลัย



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

Review รายการ