นี่คือสิ่งที่แสวงหามานาน


[ 14 ส.ค. 2549 ] - [ 18263 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร มาร์ธา เดอมอร์ (อเมริกา)

 

    ฉันชื่อ มาร์ธา เดอมอร์ หรือ มาร์ตี้ อายุ 41 ปี เป็นวิศวกรด้านซอฟท์แวร์ ขององค์การนาซ่า มาได้ 12 ปี และมีประสบการณ์ด้านโปรแกรมซอฟท์แวร์มา 22 ปีแล้วค่ะ
 
" />
    งานของฉันคือ การคิดโปรแกรมซอฟท์แวร์ให้หุ่นยนต์ 2 ตัวที่ส่งขึ้นไปสำรวจดาวอังคาร เพื่อถ่ายรูปและเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น รังสี, ลักษณะของหิน, การตรวจหาสิ่งมีชีวิตนอกโลก และเป็นจุดเริ่มต้นของการส่งมนุษย์ไปดาวอังคารด้วย โครงการนี้ใช้เงินทุนสูงมาก หุ่นยนต์ตัวละประมาณ 400 ล้านเหรียญสหรัฐ (15,000ล้านบาท) ที่สำคัญข้อมูลทุกอย่างต้องถูกต้องแม่นยำและละเอียดถี่ถ้วน ทำให้ฉันและเพื่อนร่วมงานเครียดกันมาก จนเมื่อได้มารู้จัก วัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย และฝึกสมาธิ ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไป แต่ก่อนอื่นฉันขอย้อนอดีตสักนิดนะคะ
 
" />
    ฉันเป็นลูกคนเดียวของครอบครัว คุณแม่นับถือคริสต์ นิกายเมทอดิสท์อย่างเคร่งครัด และบังคับให้ฉันไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ จนอายุ 13 ปี ฉันก็ประท้วงคุณแม่ด้วยการไม่ไปโบสถ์ และไม่นับถือศาสนาใดๆอีก ตอนนั้นฉันเหมือนคนหลงทาง และกำลังแสวงหาอะไรสักอย่างในชีวิต จึงเริ่มอ่านหนังสือศาสนาต่างๆ ทั้งยิวและคริสต์ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่แสวงหา ฉันพบว่า พระเจ้าทรงลงโทษผู้ทำบาปด้วยการทำลายบ้านเมืองจนเสียชีวิตกันหมด เหลือเพียงคนเดียวไว้ไปสร้างเมืองใหม่ และให้กำเนิดมนุษย์ และในเมื่อศาสนาคริสต์สอนให้คนไม่โกหก เหตุไฉนในพระคัมภีร์จึงมีตัวอย่างของคนที่โกหกแล้วได้รับรางวัลตอบแทนด้วย
 
" />
    จากจุดนี้เอง ทำให้ฉันแสวงหาคำสอนอันเปี่ยมด้วยความเมตตา ที่มนุษย์พึงมีต่อกัน กระทั่งได้มาศึกษาพุทธศาสนา ก็พบว่า นี่คือสิ่งที่ฉันแสวงหามานาน เพราะพุทธศาสนาสอนว่า “ความทุกข์เป็นส่วนหนึ่งของทุกชีวิต ทุกคนควรสร้างความดี และทำแต่สิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม”
 
" />
    ฉันจึงเริ่มศึกษาพุทธศาสนาเมื่ออายุ 35 ปี จากการอ่านหนังสือมากมาย จนถึงปฏิบัติสมาธิด้วยตนเองประมาณ 4เดือน ด้วยวิธีหลากหลายเช่นกำหนดลมหายใจ, แบบวิปัสสนา, จักระและตาที่ 3 แต่ทั้งหมด ก็ไม่ได้ช่วยให้ฉันผ่อนคลายได้เลย
 
 
" />
 
 
 
 
" />
" /> " />
" /> " /> " /> " /> " />
 
 
    จนวันหนึ่ง ฉันได้รับแจกโบรชัวร์ การฝึกสมาธิภาคภาษาอังกฤษของวัดพระธรรมกายแคลิฟอร์เนีย ทำให้ได้มาวัดเป็นครั้งแรกในเดือนมกราคม พ.ศ.2545 หลังจากนั่งสมาธิครั้งแรก ฉันบอกตัวเองว่า “ที่นี่ใช่เลย นี่คือสิ่งที่แสวงหามานาน เรามาถูกที่แล้ว” แม้ประสบการณ์ครั้งแรกจะยังไม่เห็นอะไร แต่กลับรู้สึกว่าใจสงบ และมีความสุขอย่างบอกไม่ถูกค่ะ
" />
 
" /> " />
    หลังจากนั้น ฉันก็ได้มานั่งสมาธิที่วัด สัปดาห์ละ 2 วัน โดยเริ่มต้นด้วยการหายใจเข้า-ออกอย่างช้าๆ ทำตัวผ่อนคลาย วางใจไว้กลางท้อง หากมีความคิดแทรก จะภาวนา “สัมมา อะระหัง” ต่อมาก็จะเห็นเป็นดวงแก้วที่กลางท้อง ทั้งชัด ทั้งใสตลอดเวลา ฉันมีความสุขมาก หากวันใดอากาศร้อน ศูนย์กลางกายของฉันจะใสเย็น หากอากาศหนาวเย็น ที่กลางท้องก็จะอบอุ่น
 
    บางครั้งฉันก็รู้สึกว่า ร่างกายใสเป็นแก้ว และมีดวงแก้วอยู่ที่กลางท้อง เมื่อเข้ากลางไปเรื่อยๆ ดวงแก้วก็ขยายใหญ่ขึ้น จนคลุมตัว พอวางใจไว้ตรงกลาง ก็เห็นพระธรรมกายเกศดอกบัวตูม ขาวใส สว่าง และนุ่มนวลเหมือนมีชีวิตค่ะ
ฉันจะนั่งสมาธิเฉลี่ย 2 ชั่วโมงครึ่งทุกวัน และทำให้ชีวิตฉันเปลี่ยนไปหลายอย่าง เช่น
" />แต่ก่อนฉันไม่เคยให้เวลากับคุณแม่ และซาบซึ้งในพระคุณของท่านเลยแต่หลังจากนั่งสมาธิ ฉันกล้าที่จะบอกว่า “รักแม่จังเลย” และกล่าวคำว่า “ขอบคุณ” เมื่อท่านมาหา และจะทำความดีตอบแทนพระคุณแม่ ผู้ให้ชีวิต อย่างถูกหลักพระพุทธศาสนาด้วย
 
" />
    สมาธิยังทำให้ฉันมีเมตตา เห็นอกเห็นใจผู้อื่นมากขึ้น จากที่เคยตระหนี่ ก็อยากช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่า ฉันมักจะเตรียมอาหารหรือผลไม้เช่น แอปเปิ้ลไว้ในรถ เมื่อขับรถเจอคนยากจนไร้ที่อยู่  ก็จะเอาให้พวกเขา
 
    ในองค์การนาซ่า เมื่อฉันต้องทำงานกับคนที่มีความรู้ความสามารถ ทำให้เกิดความขัดแย้งสูง เพราะความเห็นไม่ตรงกัน สมาธิทำให้ฉันผ่อนคลาย และปรับตัวเข้ากับเพื่อนได้ จนทุกคนแปลกใจ เช่น หากมีปัญหากับใคร ฉันจะนำสิ่งของไปให้คนๆนั้น โดยคิดว่า “ปกติเราจะมอบของแก่คนที่เรารักได้ง่ายอยู่แล้ว แต่การให้แก่คนที่เราโกรธนั้น จะให้ไม่ลง” แต่ฉันกลับทำได้อย่างง่ายดายไม่เก็บความโกรธไว้ข้ามคืน และทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปด้วยดี
" />
  
    ในครั้งแรก ที่ฉันพบพระเดชพระคุณหลวงพ่อนั้น ก็นึกว่าท่านแค่ 45 เท่านั้น ไม่ถึง 60 แน่นอน ฉันสัมผัสได้ว่า ดวงตาของท่านเห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่เห็น และเข้าใจเรื่องราวในโลกอย่างลึกซึ้ง และประทับใจคำพูดที่ว่า “สันติภาพภายนอก เกิดจากสันติสุขภายใน” ฉันคิดว่าหากทุกคนรักการนั่งสมาธิ ก็จะเกิดสันติสุขในโลกได้จริงๆ

    ฉันเริ่มเรียนภาษาไทยได้ 3 ปีแล้ว เพราะอยากเข้าใจทุกๆคำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน โดยไม่ตกหล่น และฉันก็เห็นด้วย กับการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาขยายธรรมะไปทั่วโลกผ่าน DMC ซึ่งจะชมได้ทั่วถึง และรวดเร็วทันใจ นับเป็นมิติใหม่ของการเผยแผ่พุทธศาสนาจริงๆค่ะ
" />
" />

" />
    สุดท้ายนี้ ฉันอยากขอบคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่สอนสมาธิแก่คนทั้งโลก ยอมรับผิดชอบหน้าที่สำคัญ คือ การสร้างสันติภาพของโลก และพาทุกคนกลับดุสิตบุรี ฉันหวังว่า สักวันจะได้มาเป็นอุบาสิกา ช่วยงานพระพุทธ ศาสนาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อให้ได้ค่ะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โซโลมอน เกาะแห่งธรรมโซโลมอน เกาะแห่งธรรม

ชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรมชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรม

บททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธบททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ