Extreme peace (สันติภาพเอกอุ)


[ 8 ต.ค. 2550 ] - [ 18270 ] LINE it!

ผลปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร แมรี่ แจ็คสัน (ประเทศแอฟริกาใต้)
 
 
    ดิฉันชื่อ แมรี่ แจ็คสัน อายุ 73ปี เคยเป็นสถาปนิกออกแบบตกแต่งภายในค่ะ ดิฉันเกิดที่ประเทศออสเตรเลีย จนกระทั่งอายุ 18ปี มาใช้ชีวิตสร้างครอบครัวใหม่อยู่ที่เคปทาวน์ ประเทศแอฟริกาใต้ ได้ 55ปีแล้วค่ะ ดินแดนแห่งนี้เต็มไปด้วยความงามและมีเสน่ห์ จึงเป็นที่สนใจของผู้คนทั่วโลกมากมาย
 
    แม้ดิฉันจะเป็นคนโชคดีคนหนึ่งในโลก มีชีวิตที่มีความสุข มีคุณพ่อคุณแม่ที่แสนประเสริฐ มาจากครอบครัวที่อบอุ่น รวมถึงมีสามีที่ดี พร้อมลูกๆที่น่ารัก แต่แปลก...ดิฉันกลับยังรู้สึกว่า มีบางสิ่งบางอย่างขาดหายไปจากชีวิตค่ะ
 
    เมื่อก่อน ดิฉันนับถือศาสนาคริสต์ โรมันคาทอลิก จนกระทั่งเมื่อ 18ปีที่แล้ว ดิฉันได้ไปที่ประเทศมาเลเซียและเหลือบไปเห็นหนังสือเล่มหนึ่งเกี่ยวกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ดิฉันอ่านปุ๊บก็ตะลึง...แล้วก็ต้องร้อง “วาว...” ตั้งแต่บัดนั้นมา ดิฉันก็ได้ออกเดินทางแสวงหาคำสอนของพระพุทธศาสนามาตลอด จึงไปทุกๆประเทศที่มีหลักฐานคำสอนในพระพุทธศาสนา เช่น อินเดีย พม่า เวียดนาม รวมถึงประเทศไทยด้วย จากนั้นมา คำสอนของพระพุทธศาสนา ได้เข้ามาเติมเต็มชีวิตให้งดงามมากขึ้น และดิฉันได้มาเป็นพุทธศาสนิกชนแบบเต็มใจค่ะ
 
    ทุกวันนี้ ดิฉันเดินทางมาเมืองไทยบ่อยๆมาก เพราะบ้านเกิดของดิฉันไม่มีพระพุทธศาสนา ดิฉันรู้สึกขาดแคลน จึงต้องมารับพลังจากเมืองไทย ที่ผ่านมาดิฉันมาเมืองไทย ถึง 35ครั้ง เพราะเมืองไทยเป็นดินแดนพุทธศาสนาที่สงบสุข
 
    เดือนธันวาคม พ.ศ.2547 พอทราบว่าเมืองไทยเกิดสึนามิ ดิฉันเป็นห่วงเมืองไทยมากๆ และเพื่อตอบแทนคุณของประเทศไทยที่ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้คำสอนดีๆในพระพุทธศาสนา ดิฉันจึงบินมาเมืองไทย เพื่อเป็นอาสาสมัครช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากสึนามิ เป็นทั้งเจ้าหน้าที่ ล่าม คนทำแผล อยู่ถึง 5สัปดาห์ค่ะ
 
    ปลายปี พ.ศ.2549  ดิฉันได้เห็นพระ 2รูปเดินอยู่บนถนนใกล้ๆกับบ้านพักในเคปทาวน์ ดิฉันถามพวกท่านว่า “มาทำอะไรที่นี่คะ” ท่านก็บอกว่า “มาเปิดศูนย์สอนสมาธิที่ Sea Point” ดิฉันดีใจมาก จึงรีบติดต่อไปที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมทันที แต่พอมาถึงศูนย์ครั้งแรก ดิฉันรู้สึกตกใจมาก เป็นไปได้อย่างไร ที่ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ช่วยเลย มีเพียงพระภิกษุอยู่เพียง 2รูปเท่านั้นเอง ดิฉันจึงโทรศัพท์ไปเล่าให้ลูกสาวฟัง ลูกสาวบอกว่า “แม่ต้องรีบโทรศัพท์ไปบอกหนังสือพิมพ์นะ ให้ช่วยลงข่าวประชาสัมพันธ์ คนจะได้มาเยอะๆ” ตั้งแต่นั้นมา ดิฉันก็มาศูนย์โดยตลอด เพราะประทับใจพระภิกษุซึ่งต้นแบบที่ดีของพระพุทธศาสนา
 
    หลังจากนั้น สิ่งที่ดิฉันได้รับจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผ่านหน้าจอ DMC และพระอาจารย์ทั้งสองรูป (พระอาจารย์ กฤตสกล และพระอาจารย์ เกียรติศักดิ์) คือ เรื่องของการทำสมาธิ ช่างเป็นประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ
 
    ดิฉันได้ผ่อนคลายร่างกาย ทำใจสบายๆ สักพักรู้สึกใจเย็น และนิ่งมาก พระอาจารย์แนะนำให้ดิฉันภาวนา “สัมมา อะระหัง” ไปด้วย เมื่อดิฉันเข้าใจความหมายของคำว่า “สัมมา อะระหัง” ดิฉันรู้สึกว่าเป็นคำที่บริสุทธิ์ และยิ่งใหญ่มาก เพราะถ่ายทอดมาจากสภาวธรรมและคำสั่งสอนของพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ซึ่งดิฉันได้รับหนังสือประวัติของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯจากพระอาจารย์ ก่อนวันครูธรรมกายที่ผ่านมา และอ่านประวัติของพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯจนจบ ทำให้ดิฉันเกิดความมั่นใจในคำภาวนา “สัมมา อะระหัง” ดิฉันก็ภาวนาในใจตามไป ตามลำดับๆ จนเกิดความรู้สึกว่า ใจใส สะอาด บริสุทธิ์จริงๆ
 
 
    จากนั้น พอวางใจได้สงบ นิ่ง และเย็นมากขึ้น ดิฉันก็พบว่า มีความสว่างอยู่ภายใน และมีดวงสว่าง เป็นดวงแก้วใสที่สว่างมากๆ ปรากฏขึ้น สว่างเหมือนพระอาทิตย์ยามเที่ยงวันเลยค่ะ ดิฉันนึกถึงคำแนะนำของพระอาจารย์ให้นึกนิมิตเป็นดวงแก้ว คราวนี้ ดิฉันไม่ต้องนึกดวงแก้วเลย แต่ดวงแก้ว ก็มาให้เห็นเอง อย่างน่าอัศจรรย์ค่ะ
 
    ดิฉันมีความสงบสุขมากทุกครั้งเมื่อนั่งสมาธิ จนอยากบอกใครๆว่า การนั่งสมาธิเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อทุกคนมากๆ ทำให้เกิดพลังกาย และพลังใจอันมหาศาล สมาธิเป็นคำตอบสำหรับทุกๆสิ่ง ที่จะได้เข้าถึงความสุขภายใน ดิฉันรู้สึกว่ายิ่งเราทำสมาธิมากเท่าไหร่  เราก็ยิ่งเก่งมากขึ้นเท่านั้น และความสงบ ความสุข ความเย็นใจจากศูนย์กลางกาย ทำให้ความเป็นชาวพุทธของดิฉันสมบูรณ์มากขึ้น สัมผัสได้ถึงความรู้สึก “Extreme peace” (สันติภาพเอกอุ) และมีความสุขมากๆค่ะ
 
    ช่วงนี้ ดิฉันมานั่งสมาธิทุกวันอังคาร และบ่อยครั้งที่ดิฉันมานั่งสมาธิในวันอาทิตย์ด้วย เมื่อดิฉันได้เห็นพิธีกรรมถ่ายทอดสดจากวัดพระธรรมกาย ประเทศไทย ไม่น่าเชื่อเลย เหมือนมีอะไรมากระแทกลงไปกลางใจของดิฉัน เพราะภาพที่เห็นเป็นสิ่งที่งดงามและสุดยอดมากๆ เมื่อเห็นภาพตัวอย่างจากวัดพระธรรมกายที่ประเทศไทยแล้ว ทำให้ดิฉันอยากจะทำทุกสิ่งทุกอย่างให้เกิดขึ้นที่เคปทาวน์บ้าง ดิฉันปรารถนาที่จะทำให้คนมานั่งสมาธิที่ศูนย์ปฏิบัติธรรมมากๆ ไม่ต้องการเห็นวัดที่ว่างเปล่า หรือเห็นสิ่งดีๆ แต่กลับไม่มีใครเหลียวแล
 
    ดิฉันจึงได้ติดต่อประสานงานไปยังหน่วยงานหลายๆแห่ง ไม่ว่าจะเป็น TV หลายช่อง หรือสื่อมวลชนต่างๆ ให้ช่วยโปรโมต และดิฉันได้ทำโบว์ชัวร์ประชาสัมพันธ์ ไปติดที่ร้านอาหารในเคปทาวน์ เมื่อคนได้มาอ่าน อ่านแล้วก็จะต้องมา มาแล้วก็จะได้เข้าใจ ความรู้ในพระพุทธศาสนาค่ะ
 
    นอกจากนี้ ดิฉันยังตั้งใจที่จะเขียนบทความ เพื่อขยายสิ่งดีๆนี้ ออกไป อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ดิฉันจะได้ทำ และคงจะไม่หยุดยั้งเพียงแค่นี้ เพราะดิฉันจะทำทุกสิ่งทุกอย่าง เพื่อให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมเคปทาวน์ได้ปักหลักอย่างมั่นคงที่นี่อย่างสมบูรณ์ สมตามเจตนารมณ์ที่ยิ่งใหญ่ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่จะขยายวิชชาธรรมกายและมาสร้างวัดพุทธที่แอฟริกาใต้ได้สำเร็จ
 
    ดิฉันคิดว่า เมื่อโจฮันเนสเบิร์กยังสามารถมีวัดพุทธได้...ทำไมล่ะคะ...ทำไมเคปทาวน์จะมีศูนย์ปฏิบัติธรรมที่เป็นหลักตั้งมั่นอย่างถาวรบ้างไม่ได้ และดิฉันจะไม่ปล่อยให้พระอาจารย์สองรูป ต้องสู้อย่างลำพังแน่นอนค่ะ
 
    ดิฉันใฝ่ฝันว่า จะทำให้พระพุทธศาสนาได้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนและวัฒนธรรมที่นี่ ของดีๆอย่างนี้ พิธีกรรมที่ดีแบบนี้ ตัวอย่างชาวพุทธที่ดีขนาดนี้ ดิฉันภูมิใจมาก และขอเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า “My own Buddhist temple” (วัดพุทธของดิฉัน) ค่ะ
 
    สุดท้ายนี้ ดิฉันกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ด้วยความเคารพอย่างสูงสุด ที่ได้เมตตาอนุญาตให้มีศูนย์สาขาที่เคปทาวน์ ดิฉันจะช่วยพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์ ทำงานสำเร็จให้ได้ค่ะ และวันมาฆบูชาปีหน้า  ดิฉันและลูกสาว จะบินมาวัดพระธรรมกาย เพราะดิฉันอยากเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผู้เป็น Wonderful monk ในดวงใจ และถ้ามีโอกาสก็จะไปนั่งสมาธิโครงการ Middle Way ด้วยค่ะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
อานุภาพ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯอานุภาพ พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ

เรื่องอัศจรรย์ ที่น่ายินดี ของ มาไซเรื่องอัศจรรย์ ที่น่ายินดี ของ มาไซ

บวชสองชั้น...มุ่งมั่นเป็นพระแท้บวชสองชั้น...มุ่งมั่นเป็นพระแท้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ