สุวรรณสามชาดก ชาดกว่าด้วยผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี


[ 29 มิ.ย. 2564 ] - [ 18291 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

สุวรรณสามชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี

ลูกชายของเศรษฐีครอบครัวหนึ่งในนครสาวัตถีได้ออกบวชเป็นพระภิกษุ

ลูกชายของเศรษฐีครอบครัวหนึ่งในนครสาวัตถีได้ออกบวชเป็นพระภิกษุ
  
       ในสมัยที่พระพุทธเจ้าประทับอยู่พระเชตวัน นครสาวัตถี มีภิกษุลูกชายเศรษฐีออกบวชได้ ๑๒ ปี ยังไม่บรรลุธรรม ครอบครัวของภิกษุหนุ่มนี้ทำการค้า
แล้วไม่ประสบผลสำเร็จ ล้มละลาย ทำให้บิดามารดาของภิกษุหนุ่มต้องตกทุกข์ได้ยากเที่ยวขอทานเพื่อดำรงชีวิต
 
เศรษฐีพ่อแม่ของภิกษุหนุ่มล้มละลายจนถึงกับต้องขอทานยังชีพ
 
เศรษฐีพ่อแม่ของภิกษุหนุ่มล้มละลายจนถึงกับต้องขอทานยังชีพ
 
        “ น่าสงสารตากับยายคู่นี้จัง แก่แล้วยังต้องมานั่งขอทานอีก นี่จ้า เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นะจ๊ะ คงพอซื้อข้าวได้บ้างนะ ” “ เจริญ ๆ นะแม่หนู่เอ้ย ” “ ขอบใจมาก ”
ด้วยความกตัญญูภิกษุหนุ่มจึงบิณฑบาตเลี้ยงดูบิดามารดาทั้งสองเสมอมา “ โยมพ่อกับโยมแม่ ทานอาหารนี้เถอะ ”

ภิกษุหนุ่มได้นำอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตมาให้พ่อและแม่ของตน
 
ภิกษุหนุ่มได้นำอาหารที่ได้จากการบิณฑบาตมาให้พ่อและแม่ของตน
 
        “ ช่างเป็นบุญของเราจริง ๆ นะพ่อ ” “ ใช่จ๊ะแม่ มื้อนี้ได้กินอิ่มกันสะที เฮ้อ อดอยากมานาน ” การปฏิบัติของภิกษุหนุ่มกลายเป็นข้อสนทนาของภิกษุอื่น ๆ
เพราะอาหารต่าง ๆ ที่ชาวบ้านนำมาบิณฑบาตด้วยศรัทธา แต่ภิกษุหนุ่มกลับนำอาหารเหล่านั้นไปให้กับบิดามารดาต่อ

เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันวิจารณ์เรื่องที่ภิกษุหนุ่มนำอาหารไปเลี้ยงดูพ่อแม่
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันวิจารณ์เรื่องที่ภิกษุหนุ่มนำอาหารไปเลี้ยงดูพ่อแม่
 
        “ ท่านว่าเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติหรือไม่ ในเมื่อภัตตาหารเหล่านั้นชาวบ้านบิณฑบาตให้ด้วยความศรัทธาในศาสนา ” “ แต่การเลี่ยงดูบิดามารดาเป็นสิ่งที่ลูก
ควรทำไม่ใช่เหรอ ” “ นั่นนะสิ แล้วเรื่องนี้จะผิดหรือไม่ผิดกันแน่ ” ในครั้งนั้นพระพุทธเจ้าทรงทราบจึงตรัสกับภิกษุทั้งหลายให้หายข้องใจ

พระศาสดาทรงตรัสเล่า สุวรรณสามชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงตรัสเล่า สุวรรณสามชาดก แก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
        “ สาธุ สาธุ สาธุ สาธุ เป็นการดีแล้วที่เธอตอบแทนคุณบิดามารดา ไม่ถือว่าผิดหรอก เราอนุญาตให้ภิกษุเลี้ยงดูบิดามารดาได้ แม้ในอดีตเราก็
ประพฤติเช่นนี้เหมือนกัน ” แล้วองค์พระศาสดาก็ตรัสเล่าสุวรรณสามชาดกดังนี้ 
 
นายพรานสองเกลอได้ตกลงกันว่าจะให้ลูกของตนได้แต่งงานกันเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว
 
นายพรานสองเกลอได้ตกลงกันว่าจะให้ลูกของตนได้แต่งงานกันเมื่อเติบโตเป็นหนุ่มเป็นสาว
 
        ในอดีตกาลนานมาแล้วมีนายพรานที่เป็นเพื่อนรักตกลงกันไว้ว่า ถ้าฝ่ายใดมีลูกสาวและลูกชายจะเกี่ยวดองเป็นทองแผ่นเดียวกัน “ เกลอเอ๋ยเราทั้งสอง
ก็ได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขช่วยเหลือกันมานาน ถึงแม้จะไม่ได้เป็นญาติ แต่เราก็รักกันยิ่งกว่าญาติเสียอีก ”
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานซึ่งพ่อของพวกเขาได้หมายมั่นว่าจะให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานซึ่งพ่อของพวกเขาได้หมายมั่นว่าจะให้ทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
 
       “ เออ ถ้าอย่างนั้นเราก็มาเป็นญาติกันเสียเลยสิ เจ้าก็มีลูกสาว ส่วนข้าก็มีลูกชาย เราก็ให้เกี่ยวดองกันสะเลยไม่ดีกว่ารึ ” “ ดี ๆ ลูกข้าได้ลูกเจ้ามาดูแล
ข้าก็เบาใจ หึ หึ ดี ๆ ” ต่อมาเมื่อลูกสาวและลูกชายของนายพรานทั้งสองเติบใหญ่เป็นหนุ่มสาว
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานได้ปรึกษากันถึงเรื่องที่จะออกบวช
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานได้ปรึกษากันถึงเรื่องที่จะออกบวช
     
        เมื่อรู้ความต้องการของพ่อ ที่จะให้ร่วมประเวณีกันก็ไม่ได้พอใจ ด้วยเห็นว่าเป็นพ่อเกิดแห่งทุกข์ “ ทำอย่างไรดีละพี่ พ่อของเราอยากให้เราเป็นคู่กัน ”
“ พี่ก็หนักใจอยู่เหมือนกัน พี่ตั้งใจจะออกบวช ไม่คิดจะใช้ชีวิตอยู่ในโลกที่มีแต่กิเลสตัณหาอย่างนี้ ”
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานได้ออกบวชเป็นฤาษีและฤาษิณี
 
ลูกสาวและลูกชายของนายพรานได้ออกบวชเป็นฤาษีและฤาษิณี
 
        “ น้องก็เช่นกัน ” “ ในเมื่อเราสองคนก็คิดเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นเราก็ออกบวชกันเถอะ ” “ ดีจ๊ะพี่ ” เมื่อชายหนุ่มและหญิงสาวมีความเห็นตรงกัน
จึงตัดสินใจออกบวชเป็นฤาษีและฤาษิณีอยู่ในป่าหิมพานต์ พระอินทร์ล่วงรู้ว่าอนาคตต่อไปฤาษีและฤาษิณีจะได้รับอุบัติเหตุด้วยผลกรรม
 
 พระอินทร์ได้บอกให้ฤาษีทั้งสองมีลูกเพื่อไว้เลี้ยงดูตนในยามที่ต้องประสบเคราะห์กรรม
 
พระอินทร์ได้บอกให้ฤาษีทั้งสองมีลูกเพื่อไว้เลี้ยงดูตนในยามที่ต้องประสบเคราะห์กรรม
 
       ตาบอดไม่มีใครดูแลจึงลงมาบอกให้ทั้งสองมีลูก “ กาลข้างหน้าต่อไปเจ้าสองคนจะต้องลำบาก ฉะนั้นควรมีลูกไว้พึ่งพายามยาก ” “ ด้วยเราทั้งสองจะออกบวช
ประพฤติธรรม จะสามารถมีลูกได้เช่นไร ” “ ได้สิ เราจะช่วยเจ้าทั้งสองเอง ”

ฤาษีได้ลูบท้องของฤาษิณีตามคำบอกกล่าวของพระอินทร์
 
ฤาษีได้ลูบท้องของฤาษิณีตามคำบอกกล่าวของพระอินทร์
  
        พระอินทร์ให้ฤาษีลูบท้องของฤาษิณีในเวลาที่มีฤดู แล้วตั้งจิตภาวนาให้มีลูก ฤาษีและฤาษิณีเห็นว่าไม่ได้ประพฤติผิดพรหมจรรย์จึงปฏิบัติตาม ต่อมาฤาษิณี
ก็ตั้งครรภ์และให้กำเนิดเด็กชายผิวพรรณงดงาม นามว่า สุวรรณสาม สุวรรณสามเป็นเด็กจิตใจดี โอบอ้อมอารีมีเมตตากรุณาสูงส่ง
 
กินรีและสัตว์ต่าง ๆ มาเป็นเพื่อนเล่นกับสุวรรณสามในยามที่พ่อและแม่เข้าป่าไปหาผลไม้    

กินรีและสัตว์ต่าง ๆ มาเป็นเพื่อนเล่นกับสุวรรณสามในยามที่พ่อและแม่เข้าป่าไปหาผลไม้
 
        สรรพสัตว์ในป่าล้วนเป็นมิตรกับสุวรรณสาม เวลาพ่อแม่ออกไปเก็บผลไม้ในป่าก็มีพวกนางกินรีมาคอยดูแลและเป็นเพื่อนเล่น “ ฮ่า ฮ่า เจ้ากระต่าย
รอเราด้วยรอด้วยสิ ” อยู่มาวันหนึ่งฤาษีและฤาษิณีออกไปเก็บผลไม้ ขากลับฝนตกหนักจึงเข้าไปหลบฝนที่ต้นไม้ “ เฮ้ย ฝนตกลงมาสะได้ ไม่รู้ว่า
สุวรรณสามจะเป็นอย่างไรบ้าง ”
 
ฤาษีและฤาษิณีแวะพักใต้ร่มไม้เพราะฝนตกหนัก
 
ฤาษีและฤาษิณีแวะพักใต้ร่มไม้เพราะฝนตกหนัก
  
       “ ไม่เป็นไรหรอก เจ้าอย่าเป็นห่วงเลย ” ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ต้นไม้ที่ฤาษีและฤาษิณีหลบฝนอยู่นั้นมีงูเห่าตัวหนึ่งอาศัยอยู่ งูเง่าเมื่อเห็น
นักบวชทั้งสองก็พ่นพิษใส่เพื่อป้องกันตัว ฤาษีและฤาษิณีตาบอดทันที ทั้งนี้เนื่องจากผลแห่งกรรมเก่าในอดีตชาติที่เคยเป็นหมอรักษาโรคตา

งูเง่าบนต้นไม้ได้พ่นพิษใส่ฤาษีทั้งสองทำให้ตาบอดในทันที
 
งูเง่าบนต้นไม้ได้พ่นพิษใส่ฤาษีทั้งสองทำให้ตาบอดในทันที
 
        คนไข้คนหนึ่งที่ไม่ยอมจ่ายเงิน ภรรยาหมอแนะให้ปรุงยาทำลายตาของชายนั้นเสีย ด้วยวิบากกรรมนั้นเองเป็นเหตุให้ทั้งสองตาบอดทันที “ โอ้ย แสบ
แสบตาเหลือเกิน ” “ โอ้ยปวดตา โอ้ย มองไม่เห็นอะไรเลย โอ้ย ” สุวรรณสามเมื่อไม่เห็นพ่อกับแม่กลับมาอาศรมสักที จึงออกตามหาด้วยความเป็นห่วง

สุวรรณสามได้ออกตามหาพ่อและแม่ของตนที่หายไปจนเจอ
 
สุวรรณสามได้ออกตามหาพ่อและแม่ของตนที่หายไปจนเจอ
 
       แล้วก็ต้องตกใจกับภาพที่ได้เห็น “ พ่อ แม่ ตาบอดได้อย่างไรกัน ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ” สุวรรณสามร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความสงสาร แต่แล้วเขาก็หัวเราะออกมา
เสียงดัง เป็นที่สงสัยของฤาษีและฤาษิณียิ่งนัก “ ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ” “ เจ้าเป็นอะไรหรือสุวรรณสาม เดี๋ยวร้องไห้เดี๋ยวหัวเราะ ” “ นั่นนะสิ ทำไมถึงหัวเราะดีใจละลูก ”
 
สุวรรณสามหัวเราะชอบใจที่ตนจะได้ดูแลพ่อและแม่ของตนได้เต็มที่
 
สุวรรณสามหัวเราะชอบใจที่ตนจะได้ดูแลพ่อและแม่ของตนได้เต็มที่
 
        “ ท่านพ่อ ท่านแม่ ที่ผมร้องไห้เพราะว่าสงสารพ่อแม่ที่ตาบอด แต่ที่หัวเราะดีใจเพราะจะได้มีโอกาสรับใช้เลี้ยงดูพ่อแม่อย่างเต็มที่สะที ” ตั้งแต่นั้นมาสุวรรณสาม
ก็ตั้งใจปรนนิบัติดูแลพ่อแม่เป็นอย่างดี ตั้งแต่จัดน้ำล้างหน้า เก็บที่นอน จัดเตรียมผลไม้และน้ำดื่มน้ำใช้ไว้พร้อม “ พ่อกับแม่ใช้น้ำนี้ล้างหน้านะจ๊ะ ลูกเตรียมไว้ให้แล้ว
 
สุวรรณสามได้ดูแลพ่อและแม่ของตนเป็นอย่างดี
 
สุวรรณสามได้ดูแลพ่อและแม่ของตนเป็นอย่างดี
 
       ” นอกจากนั้นสุวรรณสามยังจัดแจงผูกเชือกโยงจากอาศรมไปยังที่ถ่ายอุจจาระปัสสาวะ ที่ปฏิบัติธรรมและที่เดินจงกรมเพื่อให้บิดามารดาเดินไปได้สะดวก
ในเวลาที่ตนออกไปหาผลไม้ในป่า อยู่มาวันหนึ่งขณะที่สุวรรณสามกำลังตักน้ำที่ท่าเดียวกันกับฝูงกวางและสัตว์อื่น ๆ ที่กำลังกินน้ำอยู่นั้นก็พลันเกิดเรื่องร้ายขึ้น
 
สุวรรณสามได้ผูกเชือกโยงไปยังที่ต่างๆ เพื่อให้พ่อและแม่ของตนเดินไปได้อย่างสะดวก
 
สุวรรณสามได้ผูกเชือกโยงไปยังที่ต่างๆ เพื่อให้พ่อและแม่ของตนเดินไปได้อย่างสะดวก
 
       “ พวกเจ้า ก็หิวน้ำอยู่เหมือนกันเหรอ อ้าว ๆ เอ้า กินกันให้เต็มอิ่มเลยนะ ” ขณะนั้นท้าวปิลยักษ์ผู้ครองเมืองพาราณสีเสด็จออกล่ากวางในป่าหิมพานต์ตามลำพัง
พระองค์เดียว ทอดพระเนตรเห็นสุวรรณสาม ลงไปตักน้ำท่ามกลางฝูงสัตว์ทั้งหลายก็ทรงแปลกใจ “ เอ้ ใครกันนะ มาอยู่ท่ามกลางฝูงสัตว์
 
สุวรรณสามได้ไปตักน้ำที่ลำธารท่ามกลางหมู่สัตว์มากมาย
 
สุวรรณสามได้ไปตักน้ำที่ลำธารท่ามกลางหมู่สัตว์มากมาย

        อืม ทำไมสัตว์น้อยใหญ่ไม่กลัวเขาเลย จะเป็นคน เป็นเทวดา หรือเป็นนาคกันแน่ มีทางเดียวที่จะรู้ เราต้องยิงด้วยธนูอาบยาพิษให้สลบ แล้วค่อยตรวจดูว่า
เป็นอะไรกันแน่ ” ขณะที่สุวรรณสามยกหม้อน้ำขึ้นบ่ากำลังจะกลับอาศรมนั้นเอง ท้าวปิลยักษ์ได้ยกธนูเล็งไปที่สุวรรณสาม หมายจะให้รู้ความจริงว่าเป็นคนหรือไม่

ท้าวปิลยักษ์แห่งเมืองพาราณสีได้ออกเที่ยวล่าสัตว์ในป่าตามลำพัง
 
ท้าวปิลยักษ์แห่งเมืองพาราณสีได้ออกเที่ยวล่าสัตว์ในป่าตามลำพัง

       ลูกธนูพุ่งเข้าไปอย่างรวดเร็ว ถูกตรงสีข้างด้านขวาของสุวรรณสาม สุวรรณสามทรุดตัวลงเลือดไหลนอง ฝูงสัตว์แตกตื่นตกใจวิ่งหนีไปหมด สุวรรณสามค่อย
ประคองวางหม้อน้ำแล้วล้มลงนอนหันศีรษะไปทางอาศรมที่บิดามารดาอยู่ สะกดกลั้นความเจ็บปวดแล้วถามหาผู้คิดร้าย

ท้าวปิลยักษ์ได้สงสัยว่าสุวรรณสามเป็นคนหรืออะไรกันแน่เพราะอยู่ท่ามกลางหมู่สัตว์มากมาย

ท้าวปิลยักษ์ได้สงสัยว่าสุวรรณสามเป็นคนหรืออะไรกันแน่เพราะอยู่ท่ามกลางหมู่สัตว์มากมาย
 
       “ โอ้ย ใคร ใครเหรอประทุษร้ายเรา ในป่านี้เราไม่เคยมีศัตรูเลย เรามัวแต่ตักน้ำ จนลืมเจริญเมตตาไปชั่วขณะ ท่านผู้ยิงเราเป็นใครหนอ ธรรมดาคนฆ่าเสือ
ก็เพราะต้องการหนัง ฆ่าช้างเพราะต้องการงา เนื้อหนังของเรานี้ไม่มีประโยชน์อันใดเลย “ ไฉนท่านจึงยิงเรา ซ้ำยังหลบหน้าไม่ยอมให้เรารู้จัก
 
ท้าวปิลยักษ์ได้เล่งธนูไปยังร่างสุวรรณสาม
 
ท้าวปิลยักษ์ได้เล่งธนูไปยังร่างสุวรรณสาม
 
       ขอให้ท่านออกจากที่ซ่อนเสียเถิด ” “ ชายหนุ่มนี้ถูกเรายิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ เจ็บหนักขนาดนี้แล้วยังไม่คิดร้ายต่อเราอีก กลับเรียกหาเราด้วยถ้อยคำ
อ่อนหวานอีกด้วย ” “ เราเองเป็นคนยิงท่าน แล้วท่านเป็นใครกันแน่ ทำไมท่านถึงแปลกออกไปจากคนอื่นละ ”
 
สุวรรณสามถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ
 
สุวรรณสามถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษ
 
       “ ข้าพเจ้าเป็นบุตรฤาษี ชื่อว่าสุวรรณสาม บัดนี้บาดเจ็บสาหัสต้องตายด้วยคมศรของท่าน ทุกข์อันสาหัสนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนที่เกิดในโลก
ข้าพเจ้าจึงไม่ได้โกรธเคืองท่าน สงสารแต่บิดามารดาผู้ตาบอด ซึ่งมีเพียงข้าพเจ้าเท่านั้นที่ดูแล เมื่อขาดอาหารและน้ำ
 
สุวรรณสามล้มลงและได้ถามหาคนที่ลอบยิงตน
 
สุวรรณสามล้มลงและได้ถามหาคนที่ลอบยิงตน
 
      ท่านทั้งสองก็คงต้องตายตาม ทุกข์ที่พลัดพรากจากบิดามารดาผู้ไร้คนดูแลนั้นยิ่งใหญ่กว่าทุกข์ที่จะต้องตายด้วยคมศรนี้หลายเท่านัก ” พระเจ้าปิลยักษ์รู้สึก
สำนึกถึงความผิดอันมหันต์ของพระองค์ยิ่งนัก “ หะ เราขอโทษด้วย เราช่างทำสิ่งที่ผิดมหันต์ยิ่งนัก
 
ท้าวปิลยักษ์ได้ออกจากที่ซ่อนเดินมาหาสุวรรณสาม
 
ท้าวปิลยักษ์ได้ออกจากที่ซ่อนเดินมาหาสุวรรณสาม
 
       ต่อจากนี้ไป เราจะดูแลพ่อและแม่ของเจ้าเอง จะทำให้ดีเหมือนที่เจ้าเคยทำมา ” สุวรรณสามบอกทางไปอาศรมให้แล้วก็สิ้นสติลง พระเจ้าปิลยักษ์
เมื่อทรงเห็นว่าสุวรรณสามหมดลมหายใจแล้ว จึงวางลงแล้วเดินทางไปยังอาศรมของฤาษี
 
 
สุวรรณสามบอกทางไปอาศรมแก่ท้าวปิลยักษ์แล้วก็สิ้นสติไปทันที
 
สุวรรณสามบอกทางไปอาศรมแก่ท้าวปิลยักษ์แล้วก็สิ้นสติไปทันที
 
       ท้าวปิลยักษ์สารภาพความผิดของตน แล้วรับอาสาเลี้ยงดู ฤาษีทั้งสองเมื่อรู้ข่าวเรื่องบุตรชาย ฤาษีทั้งสองก็ไม่ได้โกรธแค้นปิลยักษ์แต่อย่างใด นอกจาก
ร้องไห้คร่ำครวญ “ สุวรรณสามลูกแม่ ทำไมเจ้ามาจากแม่ไปอย่างนี้ ” “ ท่านช่วยพาเราสองคนไปหาสุวรรณสามได้ไหม

ท้าวปิลยักษ์ได้มาสารภาพความผิดที่ตนได้กระทำต่อสุวรรณสาม
 
ท้าวปิลยักษ์ได้มาสารภาพความผิดที่ตนได้กระทำต่อสุวรรณสาม
 
      เราอยากเจอลูก ได้โปรดเถอะ ” ท้าวปิลยักได้พาฤาษีและฤาษิณีมายังร่างของสุวรรณสามที่นอนอยู่ ฤาษิณีตรวจดูร่างกายของลูกชายเห็นว่ายังไม่ตาย
เพียงแต่สลบไปเท่านั้น จึงตั้งสัจอธิษฐานถึงความดีงามที่สุวรรณสามประพฤติมาอย่างสม่ำเสมอ
 
ฤาษีและฤาษิณีได้ตั้งสัตยาธิษฐานขอให้พิษร้ายหายไปจากร่างของสุวรรณสาม
 
ฤาษีและฤาษิณีได้ตั้งสัตยาธิษฐานขอให้พิษร้ายหายไปจากร่างของสุวรรณสาม
 
       นางปสุนทรีเทพธิดาผู้เป็นมารดาของสุวรรณสามมาแล้วถึง ๗ ชาติ ก็อธิษฐานขอให้พิษร้ายหายไปจากร่างของสุวรรณสามเช่นกัน พอสิ้นคำอธิษฐาน
ความมหัศจรรย์ก็บังเกิด สุวรรณสามฟื้นขึ้นมาแล้ว “ ท่านพ่อ ท่านแม่ลูกไม่เป็นอะไรแล้ว ”

สุวรรณสามฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง
 
สุวรรณสามฟื้นคืนสติกลับมาอีกครั้ง
 
       ตาของทั้งสองฤาษีและฤาษิณีหายบอดกลับมามองเห็นได้อย่างเดิม “ หะ ตา ตาของเรามองเห็นแล้ว ลูก ลูกสุวรรณสามก็ฟื้นแล้ว ” “ ตา ตาของเรา
ก็มองเห็นแล้วเช่นกัน ” พระอาทิตย์ทอแสงยามอรุณพอดี สุวรรณสาม

ตาของฤาษีและฤาษิณีกลับมามองเห็นอีกครั้ง
 
ตาของฤาษีและฤาษิณีกลับมามองเห็นอีกครั้ง
 
       บิดามารดาทั้งสองและท้าวปิลยักษ์ก็ลอยขึ้นไปในอากาศมาลงที่อาศรม “ บุคคลใด เลี้ยงดูบิดามารดาโดยธรรม เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมแก้ไข
คุ้มครองบุตรผู้เลี้ยงดูบิดามารดานั้น บุคคลใดเลี้ยงดูบิดามารดาโดยธรรม
 
 
ท้าวปิลยักษ์และสุวรรณสามรวมถึงพ่อแม่ได้ลอยกลับมายังอาศรมใน
 
       นักปราชญ์ทั้งหลายย่อมสรรเสริญบุคคลผู้นั้นในโลกนี้ แม้เมื่อละจากโลกนี้ไปแล้ว เขาย่อมบันเทิงอยู่ในสวรรค์ ” สุวรรณสามแสดงธรรมแก่พระเจ้ากปิลยัก
แล้วทูลขอให้พระองค์ทรงตั้งอยู่ในทศพิศราชธรรม 

สุวรรณสามได้แสดงธรรมแก่ท้าวปิลยักษ์
 
สุวรรณสามได้แสดงธรรมแก่ท้าวปิลยักษ์
 
              พระเจ้าปิลยักษ์รับรองว่าจะปฏิบัติตาม แล้วก็ตรัสอำลาเสด็จกลับกรุงพาราณสี สุวรรณสามพร้อมด้วยบิดามารดาตั้งใจบำเพ็ญสมณะธรรม
จนบรรลุฌานสมาบัติ เมื่อสิ้นอายุขัยก็ไปเกิดในพรหมโลก
 
พระราชาปิลยักษ์ ได้มาเป็น พระอานนท์
ฤาษีผู้เป็นบิดา ได้มาเป็น พระมหากัสสะปะ
ฤาษิณีผู้เป็นมารดา ได้มาเป็นภิกษุณี ภัททกาปิลานี
สุวรรณสามบัณฑิต เสวยพระชาติเป็น องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า

 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ขันธปริตตชาดก ชาดกว่าด้วยพระปริตรป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆขันธปริตตชาดก ชาดกว่าด้วยพระปริตรป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆ

สุวรรณหังสชาดก ชาดกว่าด้วยความโลภสุวรรณหังสชาดก ชาดกว่าด้วยความโลภ

กัณหทีปายนชาดก ชาดกว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตรกัณหทีปายนชาดก ชาดกว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตร



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ