สมาธิเป็นของสากล ทุกคนทำได้ ถ้าได้ทำ


[ 21 มิ.ย. 2549 ] - [ 18267 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร จุฑาทิพย์ ดูมาส (ตุรกี)

 
    ลูกชื่อ จุฑาทิพย์ ดูมาส ปัจจุบันอยู่ที่ตุรกี แต่งงานกับสามีชาวตุรกี ชื่อ อาเหม็ด ดูมาส ซึ่งเป็นชาวมุสลิมที่เชื่อในพระเจ้า มีความเชื่อว่า เราต้องเป็นคนหัวใจสะอาด เขาบอกว่า “ผมไม่เกลียดใครเลยสักคนในโลก หากต้องมีความเห็นไม่ตรงกันในงาน เมื่องานจบก็คือจบ ไม่เอามาคิดเคียดแค้นต่อ ผมให้อภัยทุกคนได้”

    อาเหม็ด เป็นวิศวกรระดับผู้บริหารของบริษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่ ที่ต้องดูแลลูกน้องที่มีอายุมากกว่าเขาทั้งสิ้น พูดได้ 5ภาษา คือ เตอร์กิช อังกฤษ เยอรมัน ดัตช์ และญี่ปุ่น และได้รับการคัดเลือกให้เป็นมาตรฐานการสอบวัดผลความถนัดทางคณิตศาสตร์ ตรรกศาสตร์ ของการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในอเมริกา ปกติแล้วเขาจะเป็นคนนิ่ง ชัดเจน มีเหตุมีผลมาก จะไม่พูดจาอะไรไร้สาระ เพราะตำแหน่งหน้าที่หล่อหลอมให้เป็นคนที่ต้องแม่นยำ ในการแสดงออกทั้งความคิดและการพูด แต่ก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ซึ่งทำให้ลูกสงสัยมากว่า เกิดอะไรขึ้นกับสามี

    เมื่อปลายปี พ.ศ.2547 ลูกและสามีได้เดินทางมาเที่ยวที่พังงา ในเวลาค่ำ ลูกกำลังขับรถอยู่บนถนนซึ่งบรรยากาศสองข้างทางเป็นป่าทั้งหมด จู่ๆอาเหม็ด ซึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆก็อุทานขึ้นมาว่า “ที่รักๆดูสิเรากำลังจะเข้าเมืองแล้ว ดูสิสว่างไปทั้งเมืองเลย” ได้ยินเช่นนั้นลูกเป็นงง เพราะสิ่งที่อยู่ในสายตาของลูก บรรยากาศรอบๆมันมืดมาก สักพักเขาก็สร้างความงุนงงเป็นครั้งที่2 ด้วยการพูดว่า "ดูสิ ข้างหน้าเรามีพระพุทธรูปด้วย องค์ใหญ่เลย"
 
    ลูกก็พยายามสุดความสามารถ ที่จะมองหาพระองค์ใหญ่ที่ว่า แต่สิ่งที่อยู่ข้างหน้ามีแต่ความว่างเปล่า จึงตอบว่า “ฉันไม่เห็นจะเห็นอะไรเลย” อาเหม็ดเองก็แปลกใจมากว่า ทำไมลูกจึงไม่เห็น เขาบอกว่า “คุณต้องเห็นสิ...ผมยังเห็นเลย พระสีทององค์ใหญ่ มีรัศมีสว่างออกมาด้วยนะ ลอยอยู่ด้านหน้าของเรานี่ไง” เขาเล่าด้วยความตื่นเต้น แต่ลูกฟังด้วยใจที่วิตกตูมตาม นี่เกิดอะไรขึ้น อาเหม็ดหรือลูกกันแน่ที่แปลก
 
    แล้วอาเหม็ดก็วาดรูปองค์พระที่เห็นอย่างชัดเจนว่า เป็นพระพุทธรูปมีสีทองๆ นั่งขัดสมาธิ มีแสงสว่างรอบตัวแต่บนเศียรของท่านมีสิ่งที่นูนๆขึ้นมา แต่ไม่แหลมๆเหมือนพระพุทธรูปอื่นๆ ซึ่งอาเหม็ดจำได้ติดตาถึงทุกวันนี้
 
    หลังจากนั้น เราก็ย้ายไปอยู่ตุรกี ตอนนั้นลูกอยากดู TV ช่องไทย ซึ่งอาเหม็ดก็พยายามจูนให้ ซึ่งเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาเปิดเจอช่อง DMC และบังเอิญยิ่งกว่านั้น คือภาพที่ปรากฏหน้าจอขณะนั้นคือ ภาพขององค์พระธรรมกาย อาเหม็ดตื่นเต้นมากรีบเรียกลูก “นี่ๆคุณรีบมาดูเร็ว องค์พระแบบนี้แหละที่ผมเห็นที่พังงา” ลูกซึ่งเป็นชาวพุทธแท้ๆถึงกับขนลุกว่า ตกลงเขาเห็นจริงหรือ
 
    นับแต่นั้นมาจึงกลายเป็นแรงกระตุ้น ให้เราดูช่อง DMC ด้วยความสนใจเป็นพิเศษ แม้แต่อาเหม็ดซึ่งเป็นมุสลิมก็ชอบมาดูเรื่องกฎแห่งกรรม แล้วบอกว่า make sense เขาชอบพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก ฟังพระเดชพระคุณหลวงพ่อไป ก็จะอ่านคำแปล subtitle ไป นั่งดูไปก็จะอุทานว่า “อื้อหือ...ใช่เลย หลวงพ่อเก่งจริงๆ” พวกเราจึงเป็น fan club DMC ไปทันที

    พวกเราใฝ่ฝันอยากมาวัดพระธรรมกายมาก พอมีโอกาสไปที่อเมริกา สถานที่แรกที่เราตัดสินใจไป คือ ศูนย์สาขาที่ วัดภาวนาดีซี เมื่ออาเหม็ดเห็นพระประธานเขาก็ก้มลงกราบทันที แล้วบอกว่า "พระแบบนี้เลยที่ผมเห็น" แม้อาเหม็ดจะไม่เคยนั่งสมาธิมาก่อน แต่ตอนนี้พอกลับมาที่ตุรกีอาเหม็ดก็เริ่มนั่งสมาธิทุกวัน โดยวางใจนิ่งๆไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเห็นอะไร ต้องรู้สึกอย่างไร เขาบอกว่า “นั่งสมาธิแล้ว รู้สึกตัวเบาเหมือนจะลอยได้ตลอดเวลา รู้สึกมีความสว่างเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่นั่ง บางครั้งผมเห็นมี crystal ใสๆ ไหลออกมาเป็นสาย เหมือนน้ำพุผมมีความสุขมาก”

    จนเมื่อ 22 เมษายน พ.ศ.2549 พวกเรานั่งร่วมพิธีกรรมอยู่ที่ตุรกี วันนั้นอาเหม็ดเป็นไข้ แต่ก็มาร่วมนั่งสมาธิในเวลาธรรมกาย เขาบอกว่า “พอนั่งแล้วรู้สึกสบาย ไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้น แล้วผมก็ถูกดูดลงไปด้านล่าง แล้วอยู่ๆผมก็เห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ สว่างมีรัศมีขึ้นมา แล้วก็เห็นพระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำฯ ซึ่งสว่างๆกว่าเดิม ผุดขึ้นมาเรื่อยๆ”

    เขาบอกว่า “ผมงงมาก ตัวเองถูกดูดเข้าไปได้ยังไง แล้วเหมือนกับว่าตัวผมลอยได้ เบาๆเหมือนนั่งอยู่บนก้อนเมฆ แล้วที่เป็นไข้อยู่ก็หายไปเลย มีความสุขมากๆ อยากเห็นอีก” เขาเคยถามลูกว่า “ทำไมผมเป็นมุสลิมจึงเห็นพระได้ ทั้งๆที่ไม่คาดหวังและคาดคิดมาก่อนว่าจะต้องเห็นอะไร อย่างนี้แสดงว่าคนพุทธทุกคนก็คงเห็นหมดแล้วใช่ไหม” ลูกรู้สึกอายที่เป็นชาวพุทธแต่ยังไม่สามารถทำได้เหมือนอาเหม็ด พอเขารู้ว่าลูกยังไม่เห็น เขาจึงถามว่า “ทำไมเธอไม่เห็นล่ะ ก็แค่นั่งแบบสบายๆ ไม่ต้องคิดอะไร”
 
    ลูกได้แต่ทึ่งกับสิ่งที่มีในพระพุทธศาสนามากขึ้นว่า เป็นสากลที่คน ทุกชาติ ทุกศาสนา สามารถพิสูจน์ได้ สามีของลูกเป็นทั้งคนต่างชาติ ต่างศาสนา ประเพณีและพิธีกรรมก็ต่างกัน ก็มีสิทธิ์ทำได้ สิ่งนี้ค่อยๆตอกย้ำตัวลูกให้หนักแน่นในพระพุทธศาสนา
 
    ลูกเคยถามอาเหม็ดว่า “ทายสิว่า หลวงพ่ออายุเท่าไหร่” เขาตอบว่า “สัก30 มั๊ง ” ลูกก็ว่า “ไม่ถูก มากกว่านั้นลองทายอีก”  เขาถามลูกว่า “มากกว่านั้นอีกเหรอ งั้นสัก35” สุดท้ายพอรู้ความจริง เขาทึ่งและตื่นเต้นมาก “อ๋อ...นั่งสมาธิ แล้วเป็นอย่างนี้นี่เอง” เขาบอกว่า “ผม love หลวงพ่อ เห็นปุ๊บก็ชอบเลย สีหน้า แววตา ลีลา ท่าทาง”

    อาเหม็ดเคยปรารภกับลูกว่า “แต่ว่าผมเคยมีความกลัวเหมือนกัน ถ้าผมมาทางนี้มากๆ พระเจ้าจะว่าผมไหมนะ...แต่ทำไมผมถึงชอบหลวงพ่อจังเลย”

 
    ชีวิตของอาเหม็ดอยู่กับเหตุผลมาตลอด ดังนั้นแม้จะเป็นมุสลิม แต่เขาก็ชอบเรื่องกฎแห่งกรรมมาก เขาบอกว่า “ผมอยากส่ง case ถามว่า ผมเคยเป็นชาวพุทธมากี่ชาติแล้ว”
 
    แต่ก่อนนี้ ตัวลูกเคยคิดว่า ชีวิตเรา Perfect สมบูรณ์แล้ว พร้อมทุกอย่าง มีทั้งความรู้ความสามารถ ตำแหน่ง เกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง ความอบอุ่นในครอบครัวถึงกับกล้าพูดเต็มปากว่า ครอบครัวเราไม่เคยทะเลาะกัน จนกระทั่งได้มารู้เรื่องความจริงชีวิต จึงรู้ว่าที่ผ่านมาเป็นความพร้อมแค่เปลือก เรายังไม่เคยรู้คุณค่าที่แท้จริงของชีวิตเลย
 
    ทุกวันนี้ เราทั้งครอบครัวนั่งสมาธิเป็นประจำ เรื่องของศาสนาไม่เป็นอุปสรรคขวางกั้นความสุขจากสมาธิเลยค่ะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โซโลมอน เกาะแห่งธรรมโซโลมอน เกาะแห่งธรรม

ชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรมชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรม

บททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธบททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ