ชาดก 500 ชาติ
สัพพทาฐิชาดก-ชาดกว่าด้วยผู้มีบริวารมากเป็นใหญ่ได้
และจากการทำพุทธประหารของพระเทวทัต ก่อนที่พระเทวทัตจะบรรลัยเพราะธรณีสูบ ได้เคยจัดให้คนไปกระทำบาปมหันต์
กระผมจะจัดการกับหนามยอกอกของท่านให้เอง ” มหาบาปอันอุกฤตนั้นคือการปล่อยช้างนาฬาคีรีซึ่งตกน้ำมันให้วิ่งเข้าหาขบวน
บิณฑบาต ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเสด็จนำมาหวังกระทำพุทธประหาร
ออกหน้าเข้าขวางไว้ด้วยตั้งใจจะถวายชีวิต แต่ปรากฏว่าช้างนั้นไม่อาจฝ่าพุทธรังสีเข้ามาได้ ต้องจบงวงทำความเคารพ
แล้วหันหลังวิ่งหนีไป มคธรัฐในเวลานั้นจึงมีแต่เสียงสรรเสริญพระบารมีของพระพุทธเจ้า
“ นี่พระราชาคงคิดเอาใจออกห่างเราแล้ว ของที่เคยถวายก็บกพร่อง นี่เราจะทำยังไงดี ” พระเทวทัตในเวลานั้นเหมือนเทียนไส้ขาด
ไม่อาจส่องแสงได้อีกกลายเป็นบุคคลผู้ถูกนินทากล่าวถึงทั่วทั้งพระวิหารในอารามเวฬุวันที่พระเจ้าพิมพิสารถวายให้
รู้แจ้งในข้อธรรมะ จึงทรงเจริญบุพเพนิวาสานุสติญาณ รำลึกอดีตชาติ ทรงตรัสเล่า สัพพาทาฐิชาดกขึ้นดังนี้
แล้วยังรอบรู้ปฐวีวิชัยมนต์อันบันลือฤทธิ์ มหามนต์ชื่อนี้เมื่อสาธยายแล้ว จะสามารถสะกดใครก็ได้ให้หลงไหลเชื่อฟังในทันที
แต่ด้วยอำนาจกรรมปรากฎว่ามีสุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในโพรงหินใกล้ๆ มันเกิดจดจำมนต์วิเศษนั้นได้อย่างขึ้นใจ
มนต์ตรานี้ว่าจะสามารถสะกดผู้อื่นให้ตกอยู่ในอำนาจได้ง่ายดาย “ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ใช้มนต์เพียงแค่นี้เราก็จะเป็นใหญ่ในแผ่นดิน ไม่ว่าใคร
ก็จะเชื่อฟังเรา ฮ่ะ ฮ่า ” ด้วยอำนาจมนต์ภาษาจิ้งจอกไม่กี่คำนั้น ก็ยังสมารถทำให้ปุโรหิตได้ยินและฟังรู้ความไม่ปกติ
กลับพระนครด้วยความวิตก “ เจ้าจิ้งจอกอย่าหนีนะ เจ้าอย่าได้เอามนต์วิเศษนี้ไปใช้ในทางที่ผิดเป็นอันขาดมันบาปนัก โอ๊ะ แย่แล้ว
เราตามจับตัวมันไม่ทันจะทำอย่างไรดี ”
กับนางจิ้งจอกสาว เมื่อได้ผลอย่างง่ายดาย จึงย่ามใจคิดการใหญ่ขึ้นในสมอง “ ฮ่าฮ่า เป็นไงล่ะ แม่สาวน้อย เมื่อก่อนตามจีบ ตามเอาใจไม่เคย
จะเหลียวตามอง
จึงสาธยายมนต์เอาจิ้งจอกทั้งป่ามาเป็นบริวาร “ ท่านหัวหน้าจากนี้ไป พวกเราจะถวายการรับใช้ท่าน ” “ สิ่งใดที่ท่านต้องการบอกมาเถิด
เป็นศัตรูกับเรา พวกเจ้าจงฆ่าให้หมด ” ต่อมาอีกไม่นานเหล่าจตุบท 4 เท้า เขาใหญ่น่าเกรงขามทั้งหมดก็ออกมาสยบเป็นบริวารตามคำสั่งในอำนาจ
มหามนต์ของจิ้งจอกไม่ขาดสาย
“ ข้าจะรับใช้ท่านเท่าชีวิตจะหาไม่ ต่อไปนี้เราจะยกให้ท่านจิ้งจอกเป็นผู้นำของเหล่าฝูงสัตว์ในป่านี้ทั้งหมด ” สุดท้ายแม้พญาคชสารใหญ่แห่งป่า
พญาเสือโคร่ง และราชสีห์ผู้สยบสรรพสัตว์ด้วยเสียงคำรนดุจฟ้าก้องก็ยังมาศิโรราบต่อจิ้งจอกได้ “ จากนี้ไปเราทั้งสองจะขอรับใช้ท่านจนวันตายเลย ”
แผ่นดินแห้งเดินทางสะดวก จิ้งจอกผู้มักใหญ่ใฝ่สูงก็ดำเนินแผนการร้ายของมัน มันขึ้นนั่งด้วยท่าทางสง่างาม ข่มสัตว์มีเขี้ยวงาทั้งหลาย
สาธยายมนต์สำทับให้ขลังขึ้น เรียกให้สรรพสัตว์จัดเป็นกองทัพขึ้นมา
ขอเพียงพวกเจ้าพากันมาเยอะ ๆ ร่วมแรงร่วมใจกันทำงานเพื่อข้าแล้วกันทัพเดรัจฉานของจิ้งจอกออกจากป่าสู่นครหลวงอย่างรวดเร็ว แม่ทัพ
ผู้ขโมยมนต์วิเศษยืนบัญชาการอยู่บนหัวราชสีห์ซึ่งกษัตริย์ยกย่องให้เป็นหนึ่ง มันส่งราชสารไปก่อนรบดุจชาวกษัตริย์ทำทุกอย่าง
ปุโรหิตผู้รู้มนต์ก็แปลความถวายพระเจ้าพาราณสี “ สัตว์เดรัจฉานพวกนั้น ส่งราชสาส์นมาว่าให้ยกพระนครให้ ถ้าไม่อย่างนั้นก็จงรอความพินาศพระเจ้าค่ะ ”
เข้าขบกัดย่ำยีพระเจ้าค่ะ แต่พระองค์ทรงวางพระทัยเถิด หม่อมฉันมีวิธีจัดการกับศึกนี้ เพียงแค่ให้ทุกคนในเมืองใช้แป้งถั่วราชมาส ปิดช่องหู
ให้สนิทยามมีเสียงคำรนก็จะรังแต่ทำร้ายฝูงสัตว์พวกมันด้วยกันเองพระเจ้าค่ะ ”
“ เข้ามาเลยเจ้าสัตว์ร้าย แผนของเจ้า ทำอะไรพวกเราไม่ได้หรอก ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า สัตว์เดรัจฉานรึ จะสู้มนุษย์อย่างพวกเราได้ ”
จิ้งจอกเจ้าเล่ห์ ยืนท้าทายอวดศักดาอยู่นาน จนมันแน่ใจว่าถึงเวลาต้องใช้กำลังราชสีห์ตีเมือง ก็ออกคำสั่ง “ เฮ้ย เจ้าราชสีห์ เจ้าจงคำราม
อย่างที่ใคร ๆ เขาก็กลัวกันสิ เปล่งเสียงให้ดังสุดชีวิตของเจ้าเลยนะ เอาให้พวกมนุษย์มันหูแตกกันไปเลย ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ”
ราชสีห์รวมพลังเต็มที่แล้วก็เปล่งเสียงฝ่าผ่าออกมาเป็นระลอก ดังสะท้านไปทั่วบริเวณ สุนัขจิ้งจอกผู้มีกรรม อวดศักดาของมันด้วยการยืน
บนหลังราชสีห์ แล้วราชสีห์ยืนอยู่บนหลังช้างอีกทีนั้นเป็นความคิดที่โง่เขลาที่สุด เมื่อราชสีห์ร้องคำรามกึกก้อง
สะบัดทั้งราชสีห์และสุนัขจิ้งจอกลงสู่พื้นดินอย่างแรง “ เจ้าช้างบ้าสะบัดข้าลงมาทำไมนี่ ข้าเป็นนายเจ้านะ โอ้ย โอ้ย เจ็บ ๆ ”
ในสภาพถูกช้างเหยียบบี้แบนไร้ราคา “ หือ เหยียบสะแบนเลย โอ้ย เจ็บ เจ็บ เจ็บ ไม่น่าเลยตู อยู่เฉย ๆ ก็ดีแล้ว ไม่น่าคิดเป็นใหญ่ โอ้ย เจ็บ เจ็บ ๆ ”