รุหกชาดก ชาดกว่าด้วยรุหกะปุโรหิต


[ 11 พ.ค. 2565 ] - [ 18273 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

รุหกชาดก-ชาดกว่าด้วยรุหกปุโรหิต

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
        ในพุทธกาลสมัยหนึ่ง เมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังประทับอยู่ พระวิหารวัดเชตวัน พรรษานั้นทรงมีพระกรุณาธิคุณ ปรารถความทุกข์ตรมของพระภิกษุ
รูปหนึ่ง 
ภิกษุนั้นเป็นมาณพวรรณะพราหมณ์ ที่ขอบวชในบวรพระพุทธศาสนา ตามความต้องการของภรรยาผู้เป็นที่รักยิ่ง เเต่เเล้วหญิงผู้นี้ก็กลับกลายเป็นผู้กระทำเหตุ
 
ภิกษุผู้ตรอมตรมเหตุเพราะภรรยาผู้เป็นที่รักได้กระทำหยามเกียรติตน
 
ภิกษุผู้ตรอมตรมเหตุเพราะภรรยาผู้เป็นที่รักได้กระทำหยามเกียรติตน
      
        ให้ภิกษุนี้ตรอมตรมเเละอับอาย จนแทบไม่อาจครองผ้ากาสาวะอยู่ได้อีก “ โธ่ เอ๊ย ช่างหน้าอับอายเเท้  เเม้เเต่หญิงผู้เป็นที่รักยิ่งของเรา ยังเหยียดหยามเรา
ได้ขนาดนี้
ชีวิตนี้มันช่างหน้าเศร้าเเท้  ” นางผู้เป็นภรรยาของพระภิกษุสงฆ์รูปนี้ เเต่เดิมเป็นชาวระบำผู้มีรูปโฉมงดงาม

พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภเหตุความทุกข์ตรมของภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง
 
พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงปรารภเหตุความทุกข์ตรมของภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง
 
        เมื่อมาใช้ชีวิตด้วยกันฉันสามีภรรยาได้ไม่นานนัก ก็เริ่มประพฤติเปลี่ยนไป “ เราเนี่ยช่างสวยจริงๆ มองไปทางไหนก็งดงาม รูปร่างรึก็ดี ได้ทรวดทรงงามยิ่งกว่า
หญิงนางใดในเมืองนี้
 จะปล่อยไว้ไม่ได้ใช้ก็เสียดาย ” สามีหนุ่มผู้หมั่นประพฤติธรรมกับภรรยาสาวผู้รักความสนุก

ภรรยาสาวของพราหมณ์ซึ่งอดีตเคยเป็นนางระบำมาก่อน
 
ภรรยาสาวของพราหมณ์ซึ่งอดีตเคยเป็นนางระบำมาก่อน
 
        การอยู่กินฉันสามีภรรยาที่นิสัยต่างกันนั้น นานวันเข้านางงามผู้นี้ก็เริ่มประพฤติตนห่างจากเรือนมากขึ้นทุกที “ จะไปตักน้ำอีกเเล้วรึ เมื่อกี้ก็ไปตักมาเเล้วนี่นา
น้ำในโอ่งก็ยังไม่พร่องเลย เธอจะออกไปตักอีกทำไมเล่า ” “ เชอะ พี่น่ะ นั่งสมาธิไปเถอะ อย่ามายุ่งกับฉันเลย ในบ้านเนี่ย มันไม่มีความสุข

ภรรยาของพราหมณ์เป็นหญิงสาวที่รักการแต่งตัวและเที่ยวเตร่ไม่ชอบอยู่บ้าน
 
ภรรยาของพราหมณ์เป็นหญิงสาวที่รักการแต่งตัวและเที่ยวเตร่ไม่ชอบอยู่บ้าน
        
        ฉันก็ต้องออกไปหานอกบ้านน่ะซิ ” เมื่อความต้องการต่างกัน ภรรยาก็เเนะให้สามีออกบวชเป็นสมณะ ปฏิบัติธรรมไปตามใจจนสักพรรษานึง “ ตกลงจ๊ะ นี่อาจเป็น
การดีต่อเราทั้งคู่ก็ได้
 ครบพรรษาเเล้วทุกสิ่งคงดีขึ้นนะจ๊ะ ” “ ชิ รีบไปบวชเลยไป คอยดูเถอะ หนึ่งพรรษาเนี๊ยฉันจะหาความสุขในสนุกสุดเหวี่ยงไปเลย ”
 
ภรรยาของพราหมณ์หนุ่มชอบหาเหตุออกไปนอกบ้านบ่อยจนผิดปกติ
 
ภรรยาของพราหมณ์หนุ่มชอบหาเหตุออกไปนอกบ้านบ่อยจนผิดปกติ
 
         เมื่อสามีออกบวชเป็นภิกษุในพระเชตวันของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นางงามผู้เป็นต้นคิดก็ประพฤติดุจนางระบำที่เคยเป็นมา “ ผู้หญิงสวย  อย่างฉันล่ะนะ
ผู้ชายเห็นเป็นต้องหลงใหล ประทินโฉมขนาดนี้เนี่ย เเล้วผู้ชายคนไหนไม่มองก็ให้มันรู้ไป ” เมื่อมีโอกาสพบปะกัน นางผู้เป็นภรรยาเเต่เดิม ก็มักเย้ยหยันเสียดสีเอา
ตามวิสัยเก่า 
“ น้องมาอยู่กับพี่อย่างนี้เเล้ว พระท่านไม่ว่าอย่างไรรึ ”
 
พราหมณ์หนุ่มผู้มีนิสัยรักในการปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ
 
พราหมณ์หนุ่มผู้มีนิสัยรักในการปฏิบัติธรรมอยู่เป็นนิจ
 
        “ จะว่าได้อย่างไรได้อย่างไร ได้ล่ะจ๊ะพี่ ก็พี่ให้ความสุขน้องได้มากกว่านี้นี่นา ปล่อยท่านไปปฎิบัติธรรมเถิด ” มาณพหนุ่มผู้ถูกหลอกให้บวช แม้พบทางสว่าง
ในพระพุทธคุณก็ไม่อาจดับทุกข์นั้นลงได้ 
“ นี่เราไม่มีคุณค่าใด  ให้เจ้ารักอีกเเล้วรึ เเม้เเต่ความนับถือเจ้าก็ไม่มีให้เราอีกเเล้ว โธ่ ”

ภรรยาสาวแนะนำให้สามีของตนออกบวช
 
ภรรยาสาวแนะนำให้สามีของตนออกบวช
     
        ภิกษุหนุ่มตรอมตรมกับความทุกข์ของตนเอง ทั้งสุขภาพกายเเละจิตใจก็ทรุดโทรมลง ความทุกข์นั้นทำให้เขาไม่อาจฉันอาหาร หรือเข้าวิปัสนาบำบัดจิตได้
เพราะคำเย้ยหยันดูหมิ่นของอดีตภรรยาผู้นั้น “ การที่เราออกบวชนี้ไม่ได้ช่วยให้เรามีความสุขขึ้นเลย ครั้นจะสึกออกไปก็ไร้ภรรยาเคียงข้างเหมือนดังเดิม
จะทำอย่างไรดีกับชีวิตนี้ ”
 
ภิกษุหนุ่มได้ออกบวชในพระพุทธศาสนาตามคำแนะนำของภรรยาตน
 
ภิกษุหนุ่มได้ออกบวชในพระพุทธศาสนาตามคำแนะนำของภรรยาตน
 
           สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับเหตุอันเกิดขึ้นนั้น จึงมีพระกรุณาธิคุณยกข้อธรรมเทศนาเป็นอุทาหรณ์เเก่ภิกษุทั้งหลาย “ ดูก่อนภิกษุเอ๋ย ไม่ใช่เเต่
ครั้งนี้ที่ภิกษุหลอกลวงให้อับอาย
 ในอดีตครั้งโน้น เเม้เคยเป็นปุโรหิตของราชาก็เสียจริตมาเเล้ว ” ในอดีตยุคหนึ่งของมหานครพาราณสี มีราชาผู้ทรงธรรม
ปกครองไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินเป็นปกติสุข
 
ภรรยาสาวได้มีชายอื่นหลังจากที่สามีหนุ่มผู้ใฝ่ธรรมได้ออกบวช
 
ภรรยาสาวได้มีชายอื่นหลังจากที่สามีหนุ่มผู้ใฝ่ธรรมได้ออกบวช
 
          บำรุงบริหารประเทศโดยรวม ครั้งนั้นพระเจ้ากรุงพาราณสีมีปุโรหิตวัยกลางคนผู้หนึ่ง รับราชการมาด้วยความภาคเพียรเป็นที่รักใคร่ของพระราชา วันหนึ่งพระเจ้า
กรุงพาราณสีก็มีพระราชดำรัสในเข้าเฝ้า 
“ รุหกะเอ๋ย เราจะตอบเเทนความขยันของเจ้าด้วยรางวัลใหญ่อย่างหนึ่ง จงตามเราไปในอุทยานเถิด ” “ พระเจ้าค่ะ ”

ภิกษุหนุ่มทุกข์ใจและอับอายยิ่งนักกับการกระทำของอดีตภรรยาตน
 
ภิกษุหนุ่มทุกข์ใจและอับอายยิ่งนักกับการกระทำของอดีตภรรยาตน
  
          รางวัลที่พระราชาประราชทานให้ปุโรหิตรุหกะครั้งนั้นเป็นอัสดรพ่วงพีพร้อมเครื่องประดับระดับม้าต้นตัวหนึ่ง “ นี่อย่างไร รางวัลสำหรับเจ้า จงรับเอาไปเป็น
พาหนะขับขี่เถิด
 ”ปุโรหิตรุหกะรับเอาม้าประราชทานทรงเครื่องม้าต้นงดงาม เดินอวดสายตาผู้คนไปทั่วอย่างภูมิใจ “ ได้ม้างามอย่างนี้ต้องอวดกันหน่อย
มาเจ้าม้า เดินไปทางโน้นอีกสักรอบ

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสเล่า รุหกชาดก เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ภิกษุทั้งหลาย    

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสเล่า รุหกชาดก เพื่อเป็นอุทาหรณ์แก่ภิกษุทั้งหลาย
 
          พวกทหาร ข้าราชการอื่น  เขาจะได้ชมกันทั่ว  หรือว่าจะพาเจ้าเข้าไปในเมืองดี ผู้คนทั่วไปจะได้เห็นกันด้วย ” “ เฮ้อ เหนื่อยนะเนี่ย จะเดินอะไรกันนัก
กันหนา
 โอ้ยเหนื่อยขี้อวดจริง  ” เมื่อมีข่าวปุโรหิตรุหกะได้ม้าต้นทรงเครื่องสวยงามมาใช้ทุกวันจึงมีผู้คนมารอชมม้านั้นตลอดเส้นทางที่ปุโรหิตใช้สัญจร
 
เมืองพาราณสี
 
เมืองพาราณสี

       “ โอ้ ม้าตัวนี้ของท่านปุโรหิต ช่างสง่างาม ยิ่งนัก คงเป็นบุญยิ่งนัก หากเราจะได้มีโอกาสนั่งเคียงข้างไปกับท่านบนม้าตัวนี้บ้าง ” “ ดูซิ เครื่องก็ตกเเต่งสวยงาม
เเพรวพราวระยับไปทั้งตัว ยิ่งได้เห็นใกล้ๆ ก็ยิ่งสง่างาม ท่านปุโลหิตจะมีน้ำใจชวนเราขี่ม้านี้สักครั้งไหมนะ ” “ โชคดีจริงๆ ที่ได้ม้าตัวนี้มา

ปุโรหิตรุหกะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงพาราณสีตามรับสั่ง
 
ปุโรหิตรุหกะได้เข้าเฝ้าพระเจ้ากรุงพาราณสีตามรับสั่ง
 
       ดูซิสาวๆ มารุมล้อมกันใหญ่ เมื่อก่อนไม่เห็นมีมาเลยสักคน ” “ แหม สาวๆ เขามาดูม้า ไม่ได้มาดูคน นี่เราก็หล่อไม่เบาเลยนะเนี่ย ดูซิ สาวๆ มาชมกันใหญ่
ชักเขินล่ะ ” “ ว้าว ท่านปุโรหิตคะ เท่มากเลยค่ะ มาทางนี้หน่อยซิคะ ฉันอยากจะมองดูท่านใกล้ๆ สักครั้ง ” “ นั่นซิคะ  2-3 วันนี้ใครๆ ก็รอชมบุญท่านทั้งนั้น

พระราชาทรงพระราชทานม้าให้แก่ปุโรหิตรุหกะ
 
พระราชาทรงพระราชทานม้าให้แก่ปุโรหิตรุหกะ
       
        ขอฉันได้นั่งเคียงข้างท่านสักครั้งจะได้ไหมคะ ” “ ฉันก็อยากนั่งเคียงข้างท่านเหมือนกันค่ะ ” “ ดูซิ เท่มากเลย สง่างามจริง  ” ปุโรหิตรุหกะมีความสุขทุกครั้ง
ที่ขี่ม้าผ่านชุมชนแม้กลับเข้าบ้านเรือนก็ยังสุขใจไม่สุดสิ้น 
“ ฮ่า   เพราะเจ้าเเท้  สาว  เลยมารุมข้ากันใหญ่คนทั่วไปก็ชมกันตลอดทางมีความสุขจริง  ฮ่าๆๆ ”
 
ม้าที่รับพระราชทานทรงเครื่องม้าต้นอย่างงดงาม
 
ม้าที่รับพระราชทานทรงเครื่องม้าต้นอย่างงดงาม
 
         ส่วนภรรยาของปุโรหิตรุหกนั้นแม้จะไม่ชอบใจที่ใครมายกยอสามี​ ยิ่งมีสาว  มาใกล้ก็ยิ่งขุ่นเคืองแต่นางก็ไม่ได้แสดงออกมาตรง ๆ “ ทำเป็นมีความสุข
ชิ หมั่นไส้ อุ๊ย กลับมาแล้วหรือคะท่านพี่ ไปพักผ่อนเถิดกลับมาเหนื่อย  น้องจะดูแลม้าให้เอง​ ท่านพี่ไปอาบน้ำให้สบายตัวเถอะนะจ๊ะ ”

 

ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมบารมีและความงดงามของม้าพาหนะประจำตัวของท่านปุโรหิต
 
ชาวเมืองต่างพากันชื่นชมบารมีและความงดงามของม้าพาหนะประจำตัวของท่านปุโรหิต
 
        โอ้​ ดีเหมือนกันเหนียวตัวเหลือเกินแล้ว​ งั้นฝากเจ้าดูแลด้วยละกันนะดูให้ดี  ล่ะ” นางผู้นี้เป็นพราหมณี รู้จักคิดพิจารณาเมื่อพิจดูม้าประราชทานก็มีความคิดอ่าน
จัดการเรื่องที่ตนไม่ชอบใจขึ้นได้ “ ไม่ได้การ​ ถ้าปล่อยไว้อย่างนี้เนี่ยนะ​ นานเข้าสามีของเราเนี่ยก็ต้องเอาใจออกห่างจากเราไปมีใจกับหญิงอื่น  ที่มาลุมล้อมเเน่ๆ
 
ภรรยาของปุโรหิตคิดวางแผนไม่ให้ผู้คนหลงไหลและชื่นชมม้าและตัวสามีของนาง
 
ภรรยาของปุโรหิตคิดวางแผนไม่ให้ผู้คนหลงไหลและชื่นชมม้าและตัวสามีของนาง
 
           ต้องตัดไฟเเต่ต้นลมเพื่อความสบายใจของเรา” “​ รู้สึกเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้​ เหมือนมีรังสีอำมหิตเพ่งมาทางนี้ ” ภรรยาปุโรหิตเมื่อคิดเเผนการได้  ก็ลงมือ
ถอดเครื่องประทับของม้าออกจนหมดเเล้วทำเสียงตื่นเต้น
​ เรียกผู้เป็นสามีออกมาดู​ “ ท่านพี่​ ท่านพี่ออกมาดูนี่เร็ว
 
ภรรยาของปุโรหิตได้ถอดเครื่องประดับบนตัวม้าออกทั้งหมด
 
ภรรยาของปุโรหิตได้ถอดเครื่องประดับบนตัวม้าออกทั้งหมด

         น้องรู้เเล้วละว่าอะไรทำให้คนทั้งหลายเนี่ยชื่นชมม้าตัวนี้​ ดูสิท่านพี่​ เร็วเข้า ” “ นั้นไง ว่าแล้วเชียว มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับตูแน่  งานนี้ ” “ ไหนไหนไหน​ มีอะไร
เจ้าเรียกเรามาดูอะไร ​” “ ก็นี่ไงท่านพี่ดูสิ ม้าตัวนี้​ มันงามได้ก็เพราะมีเครื่องประดับหรอก​ หากของงาม  พวกนี้มาประดับบนตัวท่านพี่บ้าง

ภรรยาได้บอกปุโรหิตไปว่าม้านั้นไม่ได้สวยสง่าเลยเมื่อถอดเครื่องประดับออกแล้ว
 
ภรรยาได้บอกปุโรหิตไปว่าม้านั้นไม่ได้สวยสง่าเลยเมื่อถอดเครื่องประดับออกแล้ว

        ชาวบ้านเนี่ยก็จะหันมาชมท่านพี่โดยตรงท่านพี่น่ะจะได้ดูดีสง่างามด้วยตัวเองของตัว​ ไม่ต้องพึ่งม้าเเล้วล่ะจ๊ะ ” “ โอ้ยจะบ้าตาย คิดได้ไงเนี่ย ม้าล่ะเซ็งเลย ”
นางภรรยาพูดโน้มน้าวเเกมบังคับจนปุโรหิตรุหกะเห็นดีเห็นงามไปด้วย​ ยอมเอาเครื่องม้ามาประดับตัว

ภรรยาของปุโรหิตได้แนะนำให้ท่านปุโรหิตสวมเครื่องประดับของม้า

ภรรยาของปุโรหิตได้แนะนำให้ท่านปุโรหิตสวมเครื่องประดับของม้า
 
        “ เชื่อน้องเถิด​ ท่านพี่ลองสวมเเล้วเดินให้ชาวบ้านดูเถิด​ เขาจะชมท่านเป็นเเถวเเน่  ดูสิ  ท่านเเต่งอย่างนี้เเล้วก็งาม ​ ถ้าท่านเเต่งเครื่องม้าต้นไปเข้าถวายงาน
อย่างนี้
​ ย่อมดีกว่าทุก  วันเเน่จ๊ะ เท่สุดๆ ไปเลยนะเนี่ย​ ดูดีกว่าม้าตัวนั้นอีก” เเล้ววันนั้นก็เป็นวันพิศดารของปุโรหิตเเท้  เมื่อทุกคนพบเห็นต่างก็ขบขัน
 
ปุโรหิตรุหกะได้สวมเครื่องประดับของม้าตามที่ภรรยาแนะนำ
 
ปุโรหิตรุหกะได้สวมเครื่องประดับของม้าตามที่ภรรยาแนะนำ
 
      “ ภรรยาเรานี่ก็ช่างคิด​ ดูสิใส่ชุดนี้เเล้วเราดูดีขึ้นมาจริง  ต้องเดินอวดชาวบ้านหน่อยล่ะ​ ลองดูหน่อยว่ามันได้ผลตอบรับอย่างไรบ้าง ” “ อ้าว เอาชุดม้าไปใส่ซะงั้น ”

ท่านปุโรหิตรุหกะเดินจากบ้านไปสู่พระราชวัง ตลอดทางก็ได้ยินผู้คนทักทายชื่นชมในตัวท่านตลอดทาง​ เเต่นั่นก็เป็นเพราะว่าพวกเขาเคารพนับถือไม่อาจวิพากษ์
เอาตามความจริงได้นั่นเอง

 
ชาวบ้านต่างพากันแอบขำที่ท่านปุโรหิตรุหกะได้สวมเครื่องประดับของม้า
 
ชาวบ้านต่างพากันแอบขำที่ท่านปุโรหิตรุหกะได้สวมเครื่องประดับของม้า
 
        “ ท่านพ่อดูสิ​ วันนี้ท่านปุโรหิตกินอะไรเพี้ยนมารึป่าว​ อยู่  ก็เอาชุดม้ามาสวม​ ตลกจริง ​ อย่าได้พูดเสียงดังไปท่านได้ยินเข้าจะไม่ดี​ ในเมื่อท่านกล้าเเต่งมา
เราก็ต้องกล้าชมท่านนะลูกเอ๋ย
​ โอ้โห้ท่านปุโรหิตวันนี้เท่ไม่เบาเลยนะท่าน​ ชุดนั่นงามไปทั้งตัวเลย” “​ เท่ไม่เหมือนใครเลยนะคะ​ เด่นสุด  ​” “ ขอบใจพวกท่านมาก
 
พระเจ้าพาราณสีได้ติติงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของท่านปุโรหิต
 
พระเจ้าพาราณสีได้ติติงการกระทำที่ไม่เหมาะสมของท่านปุโรหิต
 
       เบื่อจริง  เลย คนพวกนี้ชอบชมกันเรื่อย  เขินนะเนี่ย ” ปุโรหิตปลาบปลื้มกับคำชื่นชมนั้นได้ไม่เท่าไหร่​ เมื่อเดินผ่านพระพักตร์พระเจ้าพาราณสี
ความเป็นจริงก็ปรากฏให้รู้ “ อาจารย์รุหกะท่านวิปริตไปเเล้วเหรอเนี่ย​ ไฉนประพฤติเช่นนี้​ ท่านเอาชุดม้านั้นมาใส่เพื่ออะไรกันดูน่าตลกสิ้นดี ”
อ้าว  ไม่ดูหล่อเหลาหรอกหรือ เอาแล้วไง ภรรยาทำตูแล้วไง ”
 
รุหกะปุโหหิตได้บอกเหตุผลที่ตนได้สวมใส่เครื่องประดับของม้า
 
รุหกะปุโหหิตได้บอกเหตุผลที่ตนได้สวมใส่เครื่องประดับของม้า
 
        พระเจ้ากรุงพาราณสีสดับเรื่องราวก็รู้ว่าเป็นด้วยความริษยาของนางพราหมณี​ ภรรยาปุโรหิตผู้ชี้ผิดให้เป็นชอบให้กับสามีนั่นเอง ท่านรุหกจงยกโทษให้นางเถิด
จงทำดีต่อกันเหมือนผูกสายธนูที่ขาดเเล้ว​ ย่อมใช้ได้ดีดังเดิมเถิด “ พระเจ้าค่ะ เศร้าเลยเรา ” ปุโรหิตไม่ได้ลงทัณฑ์ภรรยาเพียงส่งกลับไปภูมิลำเนา
 
รุหกะปุโรหิตได้หาคนมาทำหน้าที่แทนภรรยาของตนที่ถูกลงทัณฑ์ให้กลับไปยังภูมิลำเนาของนาง
 
รุหกะปุโรหิตได้หาคนมาทำหน้าที่แทนภรรยาของตนที่ถูกลงทัณฑ์ให้กลับไปยังภูมิลำเนาของนาง
 
        แล้วหาสตรีอื่นเข้ามาทำหน้าที่เเทน​ อีกทั้งตัวท่านก็กลับมาเจริญภาวนาควบคุมจิตมิให้เเส่ส่ายได้อีกต่อไป “ ครั้งที่เเล้วเราผิดเองที่เชื่อคนโดยง่าย
เอาเถิดครั้งต่อไปจะไม่เป็นเช่นนี้อีกเเล้วพุทโธ พุทโธ ” สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจบพระธรรมเทศนา ภิกษุผู้ทุกข์โศกก็เห็นความจริงพบโสดาปัตติผล
ทรงประชุมชาดกสู่พุทธกาลนั้น  
 
 
 ปุโรหิตรุหก​ กำเนิดเป็น​ ภิกษุหนุ่ม

นางพราหมณี​ กำเนิดเป็น​ ภรรยา

พระเจ้ากรุงพาราณสี​ เสวยพระชาติเป็น​ พระพุทธเจ้า

 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สกุณาชาดก ชาดกว่าด้วยที่พึ่งให้โทษสกุณาชาดก ชาดกว่าด้วยที่พึ่งให้โทษ

ทุททุภายชาดก ชาดกว่าด้วยกระต่ายตื่นตูมทุททุภายชาดก ชาดกว่าด้วยกระต่ายตื่นตูม

วิโรจนชาดก ชาดกว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกไม่เจียมตัววิโรจนชาดก ชาดกว่าด้วยสุนัขจิ้งจอกไม่เจียมตัว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ