ชาดก 500 ชาติ
สกุณาชาดก-ชาดกว่าด้วยที่พึ่งให้โทษ
ภิกษุเมื่อบวชแล้วก็ปฏิบัติธรรมในพระอาราม
ดังเช่นภิกษุบวชใหม่รูปนี้เช่นกัน เมื่อเข้าฤดูแล้งป่าที่เคยชุ่มชื่นก็แห้งแล้งร้อนระอุ
ภิกษุเมื่อบวชแล้วบางรูปก็เลือกที่จะไปปฏิบัติธรรมในป่า
จะทำอย่างไรดีล่ะ ” เมื่อไฟมอดลงบรรณศาลาของภิกษุก็เหลือแต่ซากเถ้าถ่าน
ในฤดูแล้งกิ่งไม้มีการเสียดสีกันจนเกิดเป็นประกายไฟ
คงต้องให้ชาวบ้านมาช่วย ไม่มีศาลาไว้คอยให้ร่มเงาคงจะไม่สามารถเจริญกรรมฐานได้ ”
ไฟป่าได้ลุกลามและเผาไหม้ไปจนถึงบรรณศาลาของภิกษุรูปหนึ่ง
ภิกษุเดินทางออกมาจากป่าใหญ่มาสู่หมู่บ้านเล็ก ๆ หวังจะให้ชาวบ้านช่วยกันสร้างบรรณศาลาขึ้นมาใหม่ให้ แต่แล้วก็ไม่เป็นดังที่คาดไว้
เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านต้องรีบเร่งทำงานเพื่อให้ทันหว่านพืชในไร่นาให้เสร็จทันฤดูกาล
เพราะช่วงนี้เป็นช่วงที่ชาวบ้านต้องรีบเร่งทำงานเพื่อให้ทันหว่านพืชในไร่นาให้เสร็จทันฤดูกาล
ภิกษุไม่สามารถดับไฟป่าที่ได้แผดเผาบรรณศาลาของตนได้
ท่านด้วย ช่วงนี้พวกผมต้องรีบระบายน้ำเข้านาช้าไปมันจะไม่ทัน ”
ภิกษุได้รำพึงว่าลำพังตนคนเดียวคงไม่สามารถสร้างบรรณศาลาได้สำเร็จเป็นแน่
“ ใช่ ๆ พวกผมต้องรีบทำ คงไปช่วยสร้างศาลาให้ท่านไม่ได้หรอก ” เวลาล่วงเลยไปภิกษุนั้นต้องอยู่กลางแจ้งตลอดสามเดือน
จึงไม่อาจเจริญกรรมฐานได้ จึงไปเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
จึงไม่อาจเจริญกรรมฐานได้ จึงไปเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ภิกษุได้เดินทางออกจากป่าเพื่อไปยังหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง
เมื่อพระพุทธเจ้าทรงทราบเรื่องดังกล่าวแล้วจึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุแม้สัตว์เดรัจฉานยังรู้ที่สมควรอันอยู่สบายหรืออยู่ไม่สบาย
ไฉนเธอจึงไม่รู้เล่า ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่าเรื่องสกุณาชาดกให้เหล่าภิกษุได้ฟังกัน
ไฉนเธอจึงไม่รู้เล่า ” แล้วพระองค์ก็ทรงตรัสเล่าเรื่องสกุณาชาดกให้เหล่าภิกษุได้ฟังกัน
ชาวบ้านกลุ่มหนึ่งกำลังระบายน้ำเข้านากันอย่างเร่งรีบ
อดีตกาลนานมาแล้วในป่าใหญ่มีพญานกอาศัยอยู่ในต้นไม่ใหญ่ต้นหนึ่งพญานกคอยเฝ้าดูแลนกตัวอื่นให้ปลอดภัยจากอันตราย
ทั้งปวง เมื่อเข้าฤดูแล้งกิ่งไม้ใบไม้ก็ร่วงโรยลงสู่พื้นบ้าง
ทั้งปวง เมื่อเข้าฤดูแล้งกิ่งไม้ใบไม้ก็ร่วงโรยลงสู่พื้นบ้าง
ภิกษุได้ออกปากร้องขอให้ชาวนาไปช่วนตนสร้างบรรณศาลาหลังใหม่
ส่วนกิ่งไม้ที่ยังอยู่บนต้นเมื่อถูกลมพัดเสียดสีไปมาก็เกิดเป็นควันไฟขึ้นพญานกเห็นดังนั้นก็คาดการณ์ว่าคงเกิด
อัคคีภัยขึ้นได้สักวัน ฝูงนกที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่นี้คงไม่ปลอดภัย
อัคคีภัยขึ้นได้สักวัน ฝูงนกที่อาศัยอยู่ในต้นไม้ใหญ่นี้คงไม่ปลอดภัย
ชาวนาได้พากันปฏิเสธภิกษุเหตุเพราะพวกตนต้องเร่งรีบผันน้ำเข้านาเพื่อให้ทันในฤดูกาลเพาะปลูก
“ เฮ้ย กิ่งไม้เสียดสีกันอยู่อย่างนี้คงต้องเกิดไฟขึ้นแน่ ๆ แล้วถ้าไฟนั้นลุกลามไปติดใบไม้แห้งไฟก็คงจะลุกไหม้ต้นไม้ใหญ่
อันเป็นที่อยู่ของเราและบริวารแน่ ๆ เลย เฮ้อ ” เมื่อเห็นว่าจะเกิดอันตรายขึ้น
อันเป็นที่อยู่ของเราและบริวารแน่ ๆ เลย เฮ้อ ” เมื่อเห็นว่าจะเกิดอันตรายขึ้น
ภิกษุต้องอยู่กลางแจ้งตลอดสามเดือนจนไม่อาจปฏิบัติธรรมได้
พญานกจึงบอกกับฝูงนกให้อพยพหนีไปอยู่ที่อื่น “ นกทั้งหลายบัดนี้ภัยอันตรายจะเกิดแก่พวกเราแล้วป่าไม่เริ่มแห้งแล้ง
กิ่งไม้เริ่มเสียดกันจนเกิดเป็นควัน สักวันคงต้องเกิดไฟไหม้ขึ้นแน่ ๆ
กิ่งไม้เริ่มเสียดกันจนเกิดเป็นควัน สักวันคงต้องเกิดไฟไหม้ขึ้นแน่ ๆ
ภิกษุได้มาเข้าเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้า
ฝูงนกทั้งหลายจงพากันอพยพหนีไปอยู่ในที่ต่าง ๆ เถิด ” ฝูงนกบริวารเมื่อได้ยินพญานกตักเตือนก็มีความคิดออกเป็น
สองฝ่ายฝ่ายหนึ่งมีปัญญาก็เชื่อตามคำเตือนของนกใหญ่
สองฝ่ายฝ่ายหนึ่งมีปัญญาก็เชื่อตามคำเตือนของนกใหญ่
พระพุทธองค์ได้ตรัสเล่าสกุณาชาดกให้แก่เหล่าภิกษุทั้งหลายได้รับฟัง
อีกฝ่ายหนึ่งไม่มีปัญญาก็มัวห่วงอาลัยในที่เดิม “ น่ากลัวจังเลย เรารีบไปหาที่อยู่ใหม่กันเถอะพี่ ” “ ได้จ้า พี่ต้องหาที่ไกล
จากต้นไม้นี่สักหน่อยนะ เอาที่ชุ่มชื้นหน่อยไหมจ๊ะน้องกับลูก ๆ จะได้อยู่เย็นสบาย ”
จากต้นไม้นี่สักหน่อยนะ เอาที่ชุ่มชื้นหน่อยไหมจ๊ะน้องกับลูก ๆ จะได้อยู่เย็นสบาย ”
พญานกและฝูงได้อาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
“ ใช่ ๆ ข้าก็ว่าอย่างนั้นแหละแค่มีควันนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เห็นต้องรีบย้ายบ้านเลย
พญานกสังเกตุเห็นกิ่งไม้เสียดสีกันจนเกิดเป็นควันไฟ
รอเกิดไฟขึ้นมาก่อนค่อยบินหนีก็ไม่สาย ” พญานกเห็นว่ามีนกที่ไม่อยากย้ายรังจึงออกปากเตือนด้วยความเป็นห่วง
“ ฝูงนกทั้งหลายบัดนี้ต้นไม้นั้นจะเกิดเป็นไฟขึ้นแล้ว
“ ฝูงนกทั้งหลายบัดนี้ต้นไม้นั้นจะเกิดเป็นไฟขึ้นแล้ว
พญานกได้เตือนบริวารของตนว่าอีกไม่นานต้นไม้ใหญ่ที่พวกตนอาศัยจะต้องเกิดไปไหม้ขึ้นอย่างแน่นอน
ภัยเกิดแก่ที่พึ่งที่อาศัยของเราแล้ว ” “ เชอะ พญานกนี่ก็กระไรพอเห็นน้ำเพียงหยดเดียวก็เพ้อไปว่าจะมีจระเข้เสียแล้ว
ควันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเกิดเป็นไฟได้อย่างไร ไร้สาระ
ควันนิด ๆ หน่อย ๆ จะเกิดเป็นไฟได้อย่างไร ไร้สาระ
ฝูงนกได้ปรึกษากันในเรื่องการหาต้นไม้ใหม่สำหรับที่พักอาศัยของพวกตน
ใครอยากย้ายก็ย้าย เราจะอยู่ที่นี่ ” ฝูงนกที่มีปัญญากระทำตามคำเตือนของพญานกพากันบินตามพญานกเพื่อไปหา
ที่อยู่ใหม่ ส่วนฝูงนกที่ไม่มีปัญญา ไม่เชื่อฟังคำแนะนำของพญานก
นกน้อยครอบครัวหนึ่งก็คุยกันถึงเรื่องการหาต้นไม้ใหม่เพื่อเป็นที่พักอาศัยของครอบครัว
ก็ยังพากันอาศัยอยู่ในต้นไม้นั้นดังเดิม“ นี่แน่ะพวกเรา เวลาไฟติดลุกไหม้มาถึงพวกเราก็ค่อยบินหนีเอาก็ได้ ตอนนี้พวกเรา
อยู่ที่นี่กันต่อเถอะ ” “ ดีจัง ไม่ต้องย้ายกันให้เมื่อยตุ้ม
นกบางกลุ่มก็ไม่มีความกังวลและไม่ได้เชื่อฟังคำเตือนของพญานก
หาหนอนกินกันก่อนดีกว่าพวกเรา ” ต่อมาไม่นานต้นไม้ใหญ่นั้นก็เกิดไฟไหม้ขึ้นจริง ๆ พายุอัคคีโหมกระหน่ำดังคำ
แนะนำของพญานกทุกประการ ควันและเปลวไฟ
แนะนำของพญานกทุกประการ ควันและเปลวไฟ
นกบางกลุ่มคิดว่าพวกตนจะพักที่ต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมต่อไป
พวยพุ่งลุกโพรงอย่างรุนแรง “ ไฟไหม้ ๆ ๆ ไฟไหม้แล้วหนีเร็วพวกเรา โอ้ย ร้อน ๆ ๆ ” “ โอ้ย ร้อนจังบินไม่ไหวแล้ว ช่วยด้วย
นกบางกลุ่มกำลังมองพญานกและเพื่อพ้องที่กำลังบินออกไปหาที่อยู่ใหม่
ไฟมันลามมาถึงปีกข้าแล้ว โอ้ย โอ้ย ” “ โอ้ย โอ้ย ข้าก็โดนเหมือนกัน โอ้ย ร้อน ” บรรดาฝูงนกผู้ประมาทไม่อาจบินหนีเพลิงไหม้
ฝูงนกที่เหลือก็อาศัยอยู่บนต้นไม้ใหญ่ต้นเดิมโดยไม่เกรงกลัวภัยใด ๆ
ออกไปได้ถูกไฟครอกร่วงหล่นสู่เปลวไฟ ถึงซึ่งความตายเป็นอันมากส่วนนกอื่น ๆ ที่ย้ายตามพญานกมาก็เจอที่อยู่แห่งใหม่
ในที่สุดไฟป่าก็ได้ลุกโหมเผาไหม้ต้นไม้ใหญ่อย่างรวดเร็ว
เป็นป่าอุดมสมบูรณ์มีต้นไม้ใหญ่ให้พักพิงเหมือนเดิม พญานกคอยดูแลความปลอดภัยให้ฝูงนกได้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุขจนสิ้นอายุขัย
ฝูงนกที่เหลือไม้สามารถบินหนีได้ทันเพราะไฟป่าได้ลุกไหม้อย่างรวดเร็ว
เมื่อฟังชาดกจนจบแล้วภิกษุก็เห็นทางธรรมเปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติธรรมจนบรรลุธรรมได้สำเร็จ
ฝูงนกต่างร่วงหล่นตกลงมาตายเกลื่อนเพราะถูกไฟป่าเผาไหม้
พญานกได้พาฝูงของต้นมาอาศัยยังต้นไม้ใหญ่ที่ร่มรื่นเขียวขจี
ภิกกษุได้เปลี่ยนสถานที่ปฏิบัติธรรมและบรรลุธรรมได้ในที่สุด
นกไม่มีปัญญาในครั้งนั้น ได้กำเนิดเป็นพระภิกษุบวชใหม่
ส่วนพญานกเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า
ส่วนพญานกเสวยพระชาติเป็นพระพุทธเจ้า