อภิณหชาดก ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ


[ 27 ต.ค. 2565 ] - [ 18270 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

อภิณหชาดก-ชาดกว่าด้วยการเห็นกันบ่อยๆ

ชายหนุ่มคู่หนึ่งซึ่งเป็นสหายรักมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ

ชายหนุ่มคู่หนึ่งซึ่งเป็นสหายรักมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
  
       ในสมัยพุทธกาลได้มีชายหนุ่มคู่หนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนรักกัน ทั้งสองสนิทสนมและมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดจนเป็นที่รู้กัน
ทั่วทั้งเมืองถึงความสนิทสนมของสหายรักคู่นี้ “ ไงท่าน วันนี้เราจะไปไหนกันดีนี่ ”
 
ชาวบ้านต่างพากันชื่นชมในมิตรภาพของสองหนุ่มเพื่อนรัก
 
ชาวบ้านต่างพากันชื่นชมในมิตรภาพของสองหนุ่มเพื่อนรัก
 
        “ ข้าว่าจะชวนท่านขึ้นไปหาสมุนไพรด้วยกันหน่อย เอาไหมล่ะ ” “ ไปสิ ไปสิ ข้ากำลังอยากขึ้นเขาอยู่พอดี ” “ คู่หูเพื่อนซี้คู่นี้ช่างซี้ปึก
กันจริง ๆ แถมยังหล่ออีกต่างหาก ” “ นี่ตกลงเจ้าชื่นชมในความรักเพื่อนของเขา หรือชื่นชมหน้าตาเขาเนี่ย งง ” “ เบื่อจริง ๆ พวกรู้ทัน ”

ชายหนุ่มทั้งสองได้แวะเวียนไปกินข้าวที่บ้านของกันและกันเสมอ
 
ชายหนุ่มทั้งสองได้แวะเวียนไปกินข้าวที่บ้านของกันและกันเสมอ
 
        ชายทั้งสองคนไม่เคยแยกห่างกัน แม้ยามกินก็ยังชวนไปกินข้าวที่บ้านของกันและกันเสมอจนเป็นที่ชินตาของทุกคน “ มา มา วันนี้กินข้าว
ที่บ้านข้านี่แหละ กินกันไปคุยกันไปจะได้คล่องคอ ” “ ได้เลยเพื่อนรัก ”
 

ชายหนุ่มได้บอกเพื่อนรักว่าตนจะออกบวชในพระพุทธศาสนา
 
ชายหนุ่มได้บอกเพื่อนรักว่าตนจะออกบวชในพระพุทธศาสนา
 
      อยู่มาวันหนึ่ง ชายคนหนึ่งก็ตัดสินใจเข้ามาบวชในพระพุทธศาสนาเพื่อศึกษาธรรม ส่วนเพื่อนอีกคนถึงแม้จะไม่ได้บวชด้วยก็ยัง
แสดงความปลาบปลื้มไปด้วย “ เพื่อนเอ๋ย ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะบวชเพื่อรับใช้พระพุทธศาสนาและปฏิบัติตามคำสอน


ชาวบ้านต่างพากันชื่นชมยินดีในการตัดสินใจออกบวชของชายหนุ่ม
 
ชาวบ้านต่างพากันชื่นชมยินดีในการตัดสินใจออกบวชของชายหนุ่ม
 
        ขององค์พระบรมศาสดา ” “ อือ น่ายินดียิ่ง เสียดายที่ข้าบวชด้วยไม่ได้ด้วยมีภาระที่ต้องเลี้ยงดูแม่ที่แก่เฒ่า แต่ข้าก็ยินดีกับท่านด้วยนะ ”
“ ออกบวชไปคนหนึ่งเหรอ อุ๊ยดีจังเลย ” “ ยินดีที่เขาได้บวชหรือว่าดีใจที่อีกคนยังว่างนี่ นึกว่านึกไม่ทันเหรอ ”
 
 
ชายหนุ่มได้นิมนต์พระเพื่อนของตนมาฉันภัตตาหารที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ
 
ชายหนุ่มได้นิมนต์พระเพื่อนของตนมาฉันภัตตาหารที่บ้านอย่างสม่ำเสมอ 
        
       “ ชิ เบื่อจริง ๆ พวกรู้ทันเนี่ย ” การที่อีกคนหนึ่งออกบวชก็ไม่ได้ทำให้ความสนิทสนมของทั้งสองลดน้อยลงไปแต่อย่างใด เพื่อนที่ไม่ได้
ออกบวชนั้นก็บำเพ็ญตนเป็นอุบาสกทำบุญให้ทานอยู่สม่ำเสมอเป็นประจำทุกวัน โดยเพื่อนที่บวชเป็นพระก็ยังมาฉันอาหาร

 
สหายหนุ่มได้เดินตามมาส่งเพื่อนภิกษุกลับพระเชตวันมหาวิหาร
 
สหายหนุ่มได้เดินตามมาส่งเพื่อนภิกษุกลับพระเชตวันมหาวิหาร
 
       ยังเรือนของเพื่อนรักอยู่เป็นประจำ “ นิมนต์หลวงพี่ฉันภัตตาหารได้เลยขอรับ วันนี้กระผมเตรียมไว้เยอะเลยครับ ” “ ขอบใจโยมเพื่อน
มากนะ ” เมื่อฉันอาหารเสร็จทุกครั้งเพื่อนผู้เป็นอุบาสกก็จะเดินมาส่งเพื่อนผู้บวชเป็นพระจนถึงพระเชตวันมหาวิหารทุกครั้งไป
 
เมื่อมาถึงพระเชตวันภิกษุและสหายหนุ่มก็พูดคุยสนทนาธรรมกัน
 
เมื่อมาถึงพระเชตวันภิกษุและสหายหนุ่มก็พูดคุยสนทนาธรรมกัน
     
        และก็จะนั่งสนทนากันอยู่นานจนถึงเวลากลับ เพื่อนผู้บวชเป็นพระก็จะเป็นฝ่ายเดินมาส่งเพื่อนผู้เป็นอุบาสกจนถึงเรือนปฏิบัติเช่นนี้อยู่เป็นประจำ
“ กราบนมัสการหลวงพี่ เดินทางกลับพระเชตวันมหาวิหารดี ๆ นะขอรับ ” “ ขอบใจโยมเพื่อนมากนะ ”
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงพฤติกรรมของสองสหายเพื่อนรัก
 
เหล่าภิกษุทั้งหลายต่างพากันสนทนาถึงพฤติกรรมของสองสหายเพื่อนรัก
 
        เหตุการณ์ทั้งหมดอยู่ในสายตาของภิกษุทั้งหลาย อยู่มาวันหนึ่งภิกษุทั้งหลายจึงจับกลุ่มกันสนทนาในโรงธรรมสภาถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
ด้วยความสงสัย “ หือ ทำไมเขาทั้งคู่ถึงได้สนิทกันเพียงนั้นเนี่ย ” “ นั้นนะสิ ทำอย่างนี้ได้ทุกวันไม่เคยขาดเลย น่าแปลกจริง ๆ ”
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อภิณหชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ให้รับฟัง
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสเล่า อภิณหชาดก ให้แก่เหล่าภิกษุสงฆ์ให้รับฟัง
 
       เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมาจึงทรงตรัสถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เมื่อทราบความทั้งหมดแล้วพระศาสดาจึงตรัสว่า “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
สหายทั้งสองนี้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกันมิใช่แต่เพียงในบัดนี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อนก็ได้เป็นผู้ที่คุ้นเคยกันเหมือนกัน ”
 
พญาช้างต้นได้อาศัยอยู่ ณ โรงช้างของพระเจ้าพรหมทัต
 
พญาช้างต้นได้อาศัยอยู่ ณ โรงช้างของพระเจ้าพรหมทัต
  
        จากนั้นจึงทรงระลึกชาติครั้งนั้นด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณตรัสอภิณหชาดก ดังนี้ ในอดีตกาลในสมัยพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ
อยู่ในนครพาราณสี ณ โรงช้างของพระเจ้าพรหมทัตนั่นเองยังมีช้างต้นอยู่ตัวหนึ่งอาศัยออยู่ด้วยความผาสุขในโรงช้างแห่งนั้น
 
ลูกสุนัขตัวหนึ่งได้พลัดหลงกับแม่ของมัน    

ลูกสุนัขตัวหนึ่งได้พลัดหลงกับแม่ของมัน
 
        เฉกเช่นเดียวกับช้างตัวอื่น ๆ อยู่มาวันหนึ่งได้มีลูกสุนัขตัวหนึ่งพลัดหลงกับแม่ของมันแล้วเดินโซเซด้วยความหิวโซเข้ามาในโรงช้างแห่งนี้
“ เจ้าตูบน้อยตัวนี้มาจากไหนกันเนี่ย ดูท่าจะหิวน่าดูเลยนะเนี่ย ” “ โอ้ย หิวเหลือเกินจะเป็นลมแล้ว โอ้ย หิว ”
 
ลูกสุนัขได้เดินหลงเข้ามาในโรงช้างต้นของพระเจ้าพรหมทัต
 
ลูกสุนัขได้เดินหลงเข้ามาในโรงช้างต้นของพระเจ้าพรหมทัต
  
       “ ว่าไงล่ะเจ้าตูบน้อยเอ๋ย เจ้าไปไงมายังไงละเนี่ยถึงได้มาเดินอยู่ในโรงช้างอย่างนี้ได้ยังไงกัน ” “ พี่ช้างอภัยให้ข้าด้วยเถอะข้าพลัดหลงกับแม่
หิวจนตาลายแล้วครับ ” “ งั้นหรอกหรือ งั้นเจ้าก็พักอยู่ที่นี่ซะก็แล้วกันนะ อาหารที่นี่ก็มีเยอะ เดี๋ยวข้าจะแบ่งให้เจ้ากินเองไม่ต้องกลัว ”


พญาช้างต้นได้แบ่งอาหารของตนให้กับลูกสุนัข
 
พญาช้างต้นได้แบ่งอาหารของตนให้กับลูกสุนัข
 
        “ จริงหรือครับพี่ช้าง ขอบคุณครับ ไม่อดตายแล้วเรา ” พญาช้างต้นนั้นรักและเอ็นดูลูกสุนัขยิ่ง ยอมให้ร่วมกินอาหารและขนมนมเนย
ได้อย่างเต็มที่ “ อร่อยจริง ๆ พี่ช้างไม่กินเดี๋ยวข้ากินหมดก่อนนะ ” “ เอาเลยเจ้าตูบน้อยกินเข้าไปเยอะๆ จะได้ตัวโตเหมือนข้า


ลูกสุนัขได้พักอาศัยอยู่กับพญาช้างต้นในโรงช้าง
 
ลูกสุนัขได้พักอาศัยอยู่กับพญาช้างต้นในโรงช้าง
 
       ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ” เมื่อกินอิ่มแล้วทั้งคู่ก็มักจะเล่นกันอย่างสนุกสนานลูกสุนัขมักจะหลอกล่อช้างต้นไปมาเป็นที่สุนกสนาน “ แน่จริงก็จับข้า
ให้ทันสิพี่ช้าง ถ้าจับได้ให้ขี่หลังนะ ” “ เฮอะ ๆ เจ้าตัวแค่นี้นะ จะให้ข้าขี่หลัง เดี๋ยวเถอะจับได้ข้าจะเขกหัวเจ้าตูบน้อยซะให้เข็ดเลย ฮะฮ่า ฮ่า ”
 
พญาช้างต้นรักและเอ็นดูลูกสุนัขเป็นอย่างมาก
 
พญาช้างต้นรักและเอ็นดูลูกสุนัขเป็นอย่างมาก
 
        “ มาเลย มาเลย ฮะ ฮะ ฮะ ” ฝ่ายช้างต้นก็มักจะใช้งวงจับลูกสุนัขไสไปไสมาตามพื้นบ้าง ยกไว้บนตะพองบ้างเป็นที่สนุกสนาน สัตว์ทั้งสอง
ร่วมกันกินร่วมกันเล่นอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขตลอดมา “ เอาอีก ๆ พี่ช้างสนุกดีเหมือนนั่งชิงช้าเลย ” “ เอา อึ๊บ เกาะดี ๆ นะเจ้าตูบน้อย
 
หนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งได้เดินผ่านมายังโรงช้าง
 
หนุ่มชาวบ้านคนหนึ่งได้เดินผ่านมายังโรงช้าง
 
       เอา อึ๊บ โอ้ย ชักเมื่อยเหมือนกันแฮะ ” อยู่มาวันหนึ่งได้มีชาวบ้านคนหนึ่งเดินเข้ามาพบลูกสุนัขในโรงช้างเข้าแล้วรู้สึกประทับใจในลูกสุนัข
ซึ่งมีลักษณะดีขนเป็นเงางามท่าทางเฉลียวฉลาด จึงบังเกิดความเอ็นดูลูกสุนัขตัวนั้น “ เอะ ลูกสุนัขตัวนี้น่ารักดีแฮะ
 
หนุ่มชาวบ้านเห็นลูกสุนัขในโรงช้างก็เกิดความรักใคร่เอ็นดู
 
หนุ่มชาวบ้านเห็นลูกสุนัขในโรงช้างก็เกิดความรักใคร่เอ็นดู
 
       ของใครกันนะเห็นแล้วถูกชะตาจริง ๆ ลองขอซื้อกับเจ้าของดูดีกว่า ” เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นชายคนดังกล่าวจึงเข้าไปสอบถาม
กับควานช้างเพื่อขอซื้อลูกสุนัขน้อยตัวนั้น “ พ่อควานช้างลูกสุนัขน้อยตัวนั้นเป็นของท่านรึ ” “ อ่อ เปล่าหรอก มันไม่ใช่ของเราหรอก
 
หนุ่มชาวบ้านได้ทำการขอซื้อลูกสุนัขกับควานช้าง
 
หนุ่มชาวบ้านได้ทำการขอซื้อลูกสุนัขกับควานช้าง

        มันพลัดหลงเข้ามาอยู่ในโรงช้างนี่นะท่าน ” “ งั้นรึ คือย่างนี้ท่านควานช้าง ข้ารู้สึกถูกชะตากับเจ้าสุนัขตัวนี้เสียจริง ๆ ท่านช่วยขายให้ข้าเถอะนะ
รับรองเลยว่าข้าจะเลี้ยงดูมันเป็นอย่างดี ขายให้ข้าเถอะนะ นะพ่อควานช้าง ” “ เอาสิ ถ้าท่านรักมันมากข้าก็ยินดีจะขายให้ ”

หนุ่มชาวบ้านได้นำลูกสุนัขไปเลี้ยงยังบ้านของตน
 
หนุ่มชาวบ้านได้นำลูกสุนัขไปเลี้ยงยังบ้านของตน

       “ ขอบคุณมากท่านควานช้าง เอาล่ะเจ้าหมาน้อย ไปอยู่กับข้าเถอะนะ ข้าจะเลี้ยงดูเจ้าเอง ” นับแต่ลูกสุนัขถูกพรากไปพญาช้างต้น
ก็ไม่เป็นอันกินอันนอน แม้กระทั่งควานช้างมาพาไปอาบน้ำก็ยังเอาแต่นิ่งเฉยไม่ขัดสีร่างกายเหมือนอย่างเคย ซ้ำบางคราวยังเหม่อลอย
อย่างไรจุดหมายน้ำตาไหลพรากอาบแก้ม

พญาช้างต้นมีอาการซึมเศร้าไม่ร่าเริงแม้ควานช้างจะพยายามเอาอกเอาใจ

พญาช้างต้นมีอาการซึมเศร้าไม่ร่าเริงแม้ควานช้างจะพยายามเอาอกเอาใจ
 
       ใครจะเรียกอย่างไรก็ไม่รับรู้ทั้งสิ้น “ ช้างต้นเอ๋ยอาบน้ำเสร็จจะให้กินอ้อยของโปรดนะ ชอบไหม เอ้..ทำไมหมู่นี้ดูแปลก ๆ ไปนะ ปกติพอได้ยิน
ว่าจะกินอ้อยจะต้องดีใจทุกครั้งนี่น่า ” “....เฮ้อ เจ้าตูบน้อยเอ้ย ตอนนี้เจ้าจะเป็นยังไงบ้างนะ จะมีข้าวกินอิ่มหรือเปล่าละเนี่ย ” “ เอ้ ทำไมหมู่นี้
ช้างต้นเป็นอย่างนี้นะ หากช้างต้นเป็นอะไรไปเรามีหวังถูกลงโทษแน่ ๆ

 
พญาช้างต้นเฝ้าคิดถึงลูกสุนัขที่จากไป
 
พญาช้างต้นเฝ้าคิดถึงลูกสุนัขที่จากไป
 
       ไม่ได้การล่ะต้องไปกราบทูลให้พระราชาทรงทราบดีกว่า ” ควานช้างจึงตัดสินใจทูลเรื่องนี้ให้พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ เมื่อพระเจ้าพรหมทัต
ทราบแล้วก็มีรับสั่งให้อำมาตย์บัณฑิตเข้าเฝ้าเพื่อทำการช่วยเหลือพญาช้างต้นโดยทันที “ ท่านอำมาตย์ท่านลองไปตรวจดูสิว่าพญาช้างต้นมีอาการ
เป็นอย่างไรบ้าง ” “ พระเจ้าค่ะ โปรดวางพระทัยได้เลย ข้าน้อยจะหาสาเหตุที่ช้างต้นเป็นอย่างนี้ให้ได้พระเจ้าค่ะ ”
 
ควานช้างได้นำความเรื่องพญาช้างต้นไปกราบทูลต่อพระเจ้าพรหมทัต
 
ควานช้างได้นำความเรื่องพญาช้างต้นไปกราบทูลต่อพระเจ้าพรหมทัต
 
       “ เอ้ พญาช้างต้นก็แข็งแรงดีนี่น่า ไม่พบอาการผิดปกติใด ๆ ทางร่างกาย บาดแผลก็ไม่มีมันเกิดจากอะไรนะ อืม..ธรรมดาแล้วหากเป็นคนทั่วไป
หากจะเสียใจได้ถึงเพียงนี้มักจะเป็นเพราะว่าถูกพรากจากบุคคลอันเป็นที่รัก เอ้ หรือว่าเหตุที่พญาช้างต้นเป็นอย่างนี้เพราะว่าถูกพรากจากผู้เป็นที่รัก
ด้วย ใครกันน๊าที่เป็นผู้เป็นที่รักของพญาช้างต้น จะว่าเป็นควานช้างก็ไม่ใช่ เพราะควานช้างก็ยังอยู่ แต่มันต้องมีแน่ ๆ
 
อำมาตย์บัณฑิตได้มาเฝ้าสังเกตดูอาการของพญาช้างต้น
 
อำมาตย์บัณฑิตได้มาเฝ้าสังเกตดูอาการของพญาช้างต้น
 
      ใครที่สนิทสนมกับพญาช้างต้นยิ่งกว่าควานช้างนะ เอ้ ใครกันหนอ ” เมื่อคิดได้เช่นนั้นอำมาตย์จึงรีบสอบถามควานช้างโดยทันที “ นี่พ่อควานช้าง
ข้าขอถามหน่อยสิท่านพอจะทราบไหมว่าธรรมดาแล้วพญาช้างต้นจะสนิทสนมกับใครมากเป็นพิเศษหรือเปล่า ” “ เอ้ ก็ไม่เห็นมีใครเลยนี่ครับ
ท่านอำมาตย์ เอ๊ะ หรือว่า ” “ อะไรหรือพ่อควานช้าง ” “ อ๋อ พอดีข้าพเจ้าเพิ่งนึกขึ้นได้ขอรับ
 
อำมาตย์บัณฑิตคิดว่าพญาช้างต้นตรอมใจเพราะอาลัยในสิ่งที่เป็นที่รัก
 
อำมาตย์บัณฑิตคิดว่าพญาช้างต้นตรอมใจเพราะอาลัยในสิ่งที่เป็นที่รัก
 
       ว่าเมื่อก่อนจะมีลูกสุนัขตัวหนึ่งซึ่งสนิทสนมกับพญาช้างต้นมากเลยขอรับ ” “ ลูกสุนัขรึ พ่อควานช้างเลี้ยงไว้หรืออย่างไร ” “ อ๋อ ข้าพเจ้า
มิได้เลี้ยงไว้หรอกขอรับ ไม่รู้ว่าเจ้าลูกสุนัขนั้นหลงมาจากไหน เห็นมันเข้ามากินข้าวกินขนมของพญาช้างต้นทุกวัน แล้วก็ชอบเล่นกันอยู่
ที่โรงช้างนี่แหละขอรับท่านอำมาตย์ ” “ แล้วตอนนี้มันไปไหนแล้วล่ะ ไปพามาให้เราดูหน่อยสิพ่อความช้าง ”
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สอบถามควานช้างว่าสิ่งใดที่พญาช้างต้นมีความรักและห่วงใยมากที่สุด
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สอบถามควานช้างว่าสิ่งใดที่พญาช้างต้นมีความรักและห่วงใยมากที่สุด
 
      “ คือว่าข้าพได้ขายไปให้ชายคนหนึ่งไปแล้วขอรับ แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าบ้านของชายคนนั้นอยู่ที่นะสิขอรับ ” “ อืม เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ”
จากนั้นอำมาตย์บัณฑิตจึงรีบไปกราบทูลพระเจ้าพรหมทัตให้ทรงทราบ “ ขอเดชะใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาท ที่พญาช้างต้นมีอาการซึมเศร้า
เหมือนหมดอาลัยในชีวิตนั้นเป็นเพราะคิดถึงลูกสุนัขที่เป็นเพื่อนรัก
 
 
ลูกสุนัขก็มีอาการซึมเศร้าเมื่อถูกแยกมาจากพญาช้างต้น
 
ลูกสุนัขก็มีอาการซึมเศร้าเมื่อถูกแยกมาจากพญาช้างต้น
 
       แต่ขณะนี้ลูกสุนัขตัวนั้นได้ถูกชาวบ้านคนหนึ่งนำไปเลี้ยงไว้แต่ไม่ทราบว่าอยู่ที่ใดพระเจ้าค่ะ ” “ เป็นอย่างนั้นเองรึ เอาล่ะท่านราชบุรุษ
ท่านจงป่าวประกาศไปทั่วเมืองว่าผู้ใดที่เลี้ยงสุนัขตัวนี้ไว้ให้ปล่อยออกมาเสีย มิฉะนั้นถ้าตรวจพบในเรือนของผู้ใดผู้นั้นจะถือว่ามีโทษ ”
“ พระเจ้าค่ะ ” ฝ่ายลูกสุนัขนั้นเล่าเมื่อถูกนำมาเลี้ยงก็ไม่เป็นอันกินอันนอนเช่นกัน
 
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะปล่อยลูกสุนัขตามคำประกาศจากทางการ
 
ชายหนุ่มตัดสินใจที่จะปล่อยลูกสุนัขตามคำประกาศจากทางการ
 
     แม้ว่าจะได้รับการเอาอกเอาใจเป็นอย่างดีแต่มันก็ได้แต่นอนน้ำตาซึม “ ฮือ ฮือ ฮือ พี่ช้าง ข้าอยากเล่นชิงช้ากับพี่ช้าง ฮือ ๆ ๆ ” “ เอ้ เจ้าหมาน้อย
เป็นอะไรไปหนอ ตั้งแต่เราเอามันมาเลี้ยงก็เอาแต่เซื่องซึม เฮ้อ รู้อย่างนี้ซื้อช้างมาเลี้ยงแทนซะก็ดี ” จนกระทั่งวันหนึ่งชาวบ้านที่นำลูกสุนัขมาเลี้ยงไว้
ได้ยินทหารป่าวประกาศเรื่องการตามหาลูกสุนัขตัวดังกล่าวจึงตัดสินใจนำลูกสุนัขนั้นไปปล่อย
 
ลูกสุนัขเดินทางกลับไปหาช้างต้นทันทีที่ตนถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
 
ลูกสุนัขเดินทางกลับไปหาช้างต้นทันทีที่ตนถูกปล่อยให้เป็นอิสระ
 
     “ เฮ้อ ขืนเลี้ยงเจ้าไว้ต่อไปนะ ข้าต้องโดนลงโทษแน่ ๆ เอาล่ะเจ้าหมาน้อยเจ้ากลับไปที่ที่เจ้าอยากไปเถอะ โชคดีนะเจ้าหมาน้อย ” “ เย้ เย้ จะได้
กลับไปหาพี่ช้างแล้ว จะได้เล่นชิงช้ากับพี่ช้าง ได้ไปเล่นกับพี่ช้าง ได้แกล้งพี่ช้างอีกแล้ว ดีใจจังเลย เย้ เย้ เย้ ” พญาช้างต้นเมื่อเห็นลูกสุนัข
วิ่งมาแต่ไกลก็เปล่งเสียงร้องด้วยความดีใจแล้วใช้งวงกอดรัดไว้ทันที

 
ลูกสุนัขและช้างต้นต่างพากันร่ำไห้เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง
 
ลูกสุนัขและช้างต้นต่างพากันร่ำไห้เมื่อได้เจอกันอีกครั้ง
 
       น้ำตาแห่งความปลื้มปีติไหลพรากด้วยกันทั้งคู่ “ ตูบน้อย ตูบน้อยจริง ๆ ฮะ ฮา ฮ่า ตูบน้อยกลับมาหาข้าแล้ว ดีใจจังเลยเจ้าตูบน้อย ” “ ฮะ ฮ่า ฮ่า
พี่ช้าง ดีใจจังเลย ได้เจอพี่ช้างอีกแล้ว ” “ ข้าก็ดีใจเหมือนกันเจ้าตูบน้อยเอ้ย คิดถึงเจ้าเหลือเกิน ” “ ว่าแต่ว่าข้าหิวจัง มีอะไรให้หม่ำบ้างครับพี่ช้าง ”
“ มาถึงเจ้าก็ถามหาของกินเลยนะ เจ้าเป็นลูกหมาหรือลูกหมูกันแน่ละเนี่ย ฮะฮ่าฮ่า ”
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สังเกตเห็นว่าพญาช้างต้นมีอาการร่าเริงกลับมาเป็นปกติดีแล้ว
 
อำมาตย์บัณฑิตได้สังเกตเห็นว่าพญาช้างต้นมีอาการร่าเริงกลับมาเป็นปกติดีแล้ว
 
     เมื่อเห็นว่าอาการของช้างต้นเป็นปกติสุขดีแล้วอำมาตย์บัณฑิตจึงไปกราบทูลให้พระเจ้าพรหมทัตทรงทราบ “ บัดนี้อาการของพญาช้างต้น
เป็นปกติดีแล้วพระเจ้าค่ะ ” “ งั้นรึ ดีมาก ” จากนั้นพระองค์ได้ตรัสชมเชยที่ท่านบัณฑิตรู้อัธยาศัยของสัตว์และทำให้พญาช้างต้นเป็นปกติเช่นเดิม
จึงพระราชทานรางวัลให้กับอำมาตย์บัณฑิตเป็นอันมาก
 
 
สุนัขในการนั้น ได้มาเกิดเป็น อุบาสกในบัดนี้
ช้างในกาลนั้น ได้มาเป็น พระเถระในบัดนี้
พระราชา ได้มาเป็น พระอานนท์ในบัดนี้
บัณฑิตผู้เป็นอำมาตย์ เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า

 
 






Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกันสัมโมทมานชาดก ชาดกว่าด้วยพินาศเพราะทะเลาะกัน

สัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญูสัจจังกิรชาดก ชาดกว่าด้วยไม้ลอยน้ำดีกว่าคนอกตัญญู

อสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าวอสัมปทานชาดก ชาดกว่าด้วยการไม่รับของทำให้เกิดการแตกร้าว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ