ชาดก 500 ชาติ
สังวรมหาราชชาดก-ชาดกว่าด้วยพระราชาผู้มีศีลาจารวัตรที่ดีงาม
และองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ครั้งนั้นได้มีกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถีผู้หนึ่งเมื่อได้ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาก็เกิดความเลื่อมใส
จนตัดสินใจออกบวชด้วยหวังตั้งใจดำเนินรอยตามพระศาสดา
เรียนกรรมฐานจึงลาอาจารย์และอุปัชฌาย์เข้าไปอยู่ในป่าด้วยหวังว่าความสงบในป่าใหญ่นั้นจะทำให้บรรลุธรรมได้ เมื่อภิกษุหนุ่มนั้นไปถึง
บ้านชายแดนตำบลหนึ่งพวกคนต่างเลื่อมใสในอิริยาบถพากันสร้างบรรณศาลาบำรุงอยู่ในป่า
เราคงเป็นประเภทปดปรมเสียแน่แล้ว แม้จะเรียนมากศึกษามากเท่าไหร่ก็ไม่อาจที่จะตรัสรู้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้เราจะอยู่ป่าทำไม ไปพระเชตวันคอยดูพระรูป
พระโฉมของพระตถาคตเจ้าสดับธรรมเทศนาอับไพเราะยับยั้งอยู่เถอะ ”
รุมถามถึงเหตุที่บังคับให้มา “ กระผมท้อแท้ใจเหลือเกินครับ แม้ว่าจะตั้งใจศึกษาพระธรรมเพียงไรก็ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ” “ เอาเถอะท่าน
อย่าเพิ่งหมดกำลังใจไปเลย ไปเฝ้าพระองค์พระศาสดากับพวกเราเถิด ท่านจะช่วยชี้ทางให้ท่านได้ ”
ชี้ทางให้เขาเถิด ” “ ดูก่อนภิกษุเหตุใดจึงทอดทิ้งความเพียรเสียล่ะ ที่จริงผลอันเลิศในพระศาสนานี้ที่มีนามว่าอรหัตผลย่อมไม่มีแก่บุคคลผู้เกียจคร้าน
ผู้มีความเพียรอันปรารภแล้วจึงจะชื่นชมอธิคมธรรมได้ ก็แลในปางก่อนเธอก็เป็นคนมีความเพียรทนต่อโอวาทด้วยเหตุนั้นแล
อดีตนิทานมาดังต่อไปนี้ ในอดีตกาล ณ เมืองพาราณสีพระ พระราชาผู้ปกครองเมืองทรงมีพระโอรสทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์ แต่ในพระโอรสทั้งหมดนั้น
มีพระโอรสสุดท้องสังวรกุมารพระองค์เดียวที่ทรงยึดเหนี่ยวผูกน้ำใจฝูงชน ผู้ถึงพระนครพาราณสีทั่วหน้าทั่วสังคหวัตถุนั้น ๆ ได้
ครั้งนั้นจึงได้พากันกราบทูลพระราชา “ ขอเดชะใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาท เมื่อใต้ฝ่าละอองทุลีพระบาทสวรรคตไปพวกข้าพุทธเจ้าจักถวายเศวตฉัตร
ให้แก่ใครพระเจ้าค่ะ พระโอรสของพระองค์ทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์ พระองค์ไหนที่มหาราชเจ้าจะทรงแต่งตั้งให้ปกครองเมืองสืบไป ”
เท่านั้นที่เป็นที่จับใจพวกท่านและเป็นที่รักใคร่ของประชาชนพวกท่านจงให้เศวตฉัตรแก่ผู้นั้นเถิด ” ครั้นองค์มหาราชสวรรคตพวกอำมาตย์นั้นจัดการถวาย
พระเพลิงพระศพของพระองค์เสด็จประชุมกันในวันที่เจ็ด สรรหาผู้ที่จะมาเป็นมหาราชองค์ต่อไป “ ในพระโอรสทั้งหมด ๑๐๐ พระองค์นั้น
พระโอรสองค์ใด ” การหารือในครั้งนั้นเหล่าอำมาตย์ต่างมีความเห็นตรงกันให้พระเจ้าสังวรมหาราชทรงครองราชสมบัติสืบไปโดยมีอำมาตย์บัณฑิต
เป็นผู้รับใช้ข้างเคียง นับตั้งแต่นั้นพระเจ้าสังวรมหาราชก็ทรงปกครองบ้านเมืองโดยธรรม ประชาชนไพร่ฟ้าล้วนอยู่ดีมีสุขกันถ้วนหน้า
เมื่อพระเจ้าสังวรมหาราชได้พระนครสืบต่อจากพระราชบิดาทำให้เหล่าพระกุมารทั้ง ๙๙ พระองค์นั้นต่างไม่พอใจ
กลับได้ครองนครต่อจากเสด็จพ่อ เธอเป็นน้องคนสุดท้องยังไม่ควรต่อเศวตฉัตรของพระบิดา ” “ นั้นสิ เหตุใดเหล่าอำมาตย์ถึงได้แต่งตั้งพระเชษฐาอุโบสถกุมาร
เล่าเพราะพระองค์ทรงเป็นพระเชษฐาของพวกเราทั้งหมด ” “ ใช่ หรือทว่าพวกเขาเห็นพระเชษฐาของพวกเรานั้นไม่คู่ควร ก็ควรจะยกราชสมบัติเหล่านั้นให้กับเรา
ซึ่งเราเป็นโอรสองค์ถัดมา หากพวกน้องเห็นตรงกันอย่างนี้เราจะส่งสาสน์ไปยังสังวรกุมารให้ยกเศวตฉัตรนั้นคืนให้กับพวกเรา
ถึงพระเจ้าสังวรมหาราชมีใจความให้ยกฉัตรแก่พวกเขา หากไม่อย่างนั้นแล้วทุกพระองค์จะพากันยกทัพมาล้อมพระนครไว้ พระเจ้าสังวรเมื่อได้รับสาสน์นั้น
ก็วิตกกังวล เรียกอำมาตย์บัณฑิตมาปรึกษาหารือหาทางแก้ไข “ ท่านอำมาตย์ เราจะทำอย่างไรดีล่ะ เจ้าพี่ทั้งหมดไม่พอใจที่เราได้ครองนครแทนพระบิดา
พวกพี่เขาจะยกทัพมาหากเราไม่ยอมสละราชสมบัติให้ อันสมบัติเหล่านี้เราไม่ต้องการครอบครองแต่เพียงคนเดียวหรอก
ทางแก้ไขนั้นคืออะไร เรายอมทำหากสิ่งนั้นจะทำให้พวกพี่พอใจได้ เราไม่อยากให้เกิดสงคราม ไม่อยากให้บ้านเมืองร้อนเป็นไฟ ” “ ข้าแต่พระมหาราชเจ้า พระนคร
ไม่อาจมีผู้ปกครองทั้ง ๑๐๐ พระองค์ได้ แต่พระราชทรัพย์ส่วนอื่นก็ทรงแบ่งให้ได้ไม่ใช่รึพระเจ้าค่ะ ” “ ใช่สินะ ถ้าเช่นนั้นเราจะแบ่งพระราชทรัพย์ของพระบิดา
ออกเป็น ๙๙ ส่วน ส่งถวายแด่พระพี่ทั้งหมด ๙๙ พระองค์ ท่านช่วยส่งสาสน์ให้เจ้าพี่เราทั้งหมดด้วยนะ ว่าเราไม่ต้องการรบกับเจ้าพี่
ครั้งนั้นเจ้าพี่องค์ใหญ่พระนามว่าอุโบสถกุมารเมื่ออ่านพระราชสาสน์แล้วก็ทรงคิดได้ตรัสเรียกพระเจ้าน้องที่ทั้งหมดหารือ “ น้องเอ๋ย สังวรเจ้าน้องของพวกเรา
องค์นี้ มิได้ตั้งตน แม้แต่จะตั้งตนเป็นศัตรู กลับส่งพระราชสมบัติของบิดาให้พวกเรา ส่งสาสน์มาด้วยว่าไม่ขอสู้รบกับพวกเรา ” “ แล้วพี่ ๆ เห็นว่าอย่างไร
ในเมื่อสังวรน้องของเราเขาก็ไม่คิดที่จะครองราชย์สมบัติแต่เพียงผู้เดียวเหมือนอย่างที่เราคิดกันไว้แต่แรก ”
ก็เหมาะสมดีแล้ว ” “ ใช่แล้วหล่ะน้องเอ๋ย เศวตฉัตรของพระบิดานั้น ครั้นจะยกให้กับพระโอรสทุกพระองค์ก็คงเป็นไปไม่ได้ สังวรน้องของพวกเรานั้น
เหมาะสมแล้วที่จะได้ปกครองพระนครต่อจากเสด็จพ่อ เจ้าน้องนี้เป็นผู้ปกครองโดยธรรม เมื่อได้ปกครองนครแล้วก็ก่อให้เกิดความสงบสุขถ้วนหน้า
เธอทั้งหลายพวกเราพากันพบเธอแล้วมอบราชทรัพย์แล้วพากันไปสู่ชนบทของพวกเราดังเดิมเถิด ”
ให้กับน้องแล้ว ” “ น้องเองก็เช่นกัน อันสงครามหากเกิดจากผู้เป็นพี่น้องกันแล้วบ้านเมืองก็คงจะหาความสงบสุขไม่ได้ ” “ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็จงเร่งรีบ
ไปหาเจ้าน้องกันเถิด จะได้บอกกับสังวรว่าเราเองก็ไม่ได้ต้องการราชทรัพย์อันใด ” ครั้งนั้นพระกุมารทั้งหมดนั้นก็ให้เปิดประตูเมือง มิได้ตั้งตนเป็นศัตรู
พากันเข้าสู่พระนคร ทางด้านพระเจ้าสังวรพระมหาราชนั้นก็ตรัสสั่งให้พวกอำมาตย์คุมสักการะเพื่อถวายพระกุมารเหล่านั้นเช่นกัน
เหล่าบริวารอันมากขึ้นสู่พระราชวังแสดงอาการนอบน้อมแด่พระเจ้าสังวรมหาราช พากันประทับนั่งเหนืออาสนะต่ำ พระเจ้าสังวรมหาราชเองเมื่อเห็นเจ้าพี่
ทั้งหมดมาเยือนอย่างเป็นมิตรก็ทรงยินดีตอบรับการเสด็จมาอย่างยินดี “ เหล่าพระเชษฐาคงได้รับสาส์นของน้องแล้ว เห็นเป็นอย่างไรบ้าง น้องเองไม่คิด
จะครอบครองสมบัติเหล่านี้แต่เพียงผู้เดียวหรอก น้องยินดีที่จะแบ่งราชทรัพย์เหล่านั้นให้พวกพี่ทุกพระองค์ พวกพี่อย่าได้อคติกับน้องเลย ”
ได้ปรากฏแล้วก็ทรงยินดีที่เหล่าอำมาตย์ได้เลือกพระโอรสที่มาครองราชย์ถูกพระองค์ “ ข้าแต่มหาราชอันที่จริงนั้นพระราชบิดาของพวกเราทรงทราบ
ความที่สังวรกุมารจะได้เป็นพระราชาอยู่แล้วก่อนที่พระองค์จะเสด็จสวรรคตได้ประทานชนบทอื่น ๆ แก่พวกพี่แล้ว ซึ่งพระองค์มิได้ประทานชนบทนั้น
แก่ท่านเลย ข้าแต่มหาราชท่านเป็นผู้ที่เหมาะสมแล้วที่จะได้ครองพระนคร เสด็จพ่อก็เห็นว่ามีแต่ท่านนี่แหละที่จะครองพระนครสืบต่อจากพระองค์ได้
ขอไหนพระองค์จึงสถิตอยู่เหนือพระเชษฐภาดา เหนือพระเชษฐภาดาผู้ทรงร่วมกำเนิดได้ ด้วยพระศีลลาจารวัตรข้อไหนหมู่พระญาติที่ประชุมกันแล้ว
จึงไม่ย่ำยีพระองค์ได้ ” “ ข้าแต่พระราชบุตรหม่อมฉันไม่ริษยาสมณะทั้งหลายผู้แสวงคุณอันใหญ่หลวง หม่อมฉันนอบน้อมท่านเหล่านั้นด้วยความเคารพ
ไหว้เท้าของท่านผู้คงที่ สมณะเหล่านั้นยินดีแล้วในคุณธรรมของท่านผู้แสวงหาคุณ ย่อมพร่ำสอนหม่อมฉันผู้ประกอบในคุณธรรม
ผู้พอใจฟังไม่มีความริษยา หม่อมฉันได้ฟังคำของสมณะผู้ทรงแสวงหาคุณอันใหญ่หลวงเหล่านั้นแล้ว มิได้ดูหมิ่นสักหน่อยหนึ่งเลย ใจของหม่อมฉัน
ยินดีแล้วในธรรม กองพลช้าง กองพลม้า และกองพลรถ และกองพลเดินเท้าหม่อมฉันไม่ตัดเบี้ยเลี้ยงบำเหน็จบำนาญของจตุรงคเสนาเหล่านั้นให้ลดน้อยลง
อำมาตย์ผู้ใหญ่และราชการผู้มีปรีชาของหม่อมฉันมีอยู่ช่วยกันบำรุงพระนครพาราณสีให้มีเนื้อมาก มีน้ำดี อนึ่งพวกพ่อค้าผู้มั่งคั่งมาแล้วจากรัฐต่าง ๆ
หม่อมฉันช่วยจัดอารักขาให้พ่อค้าเหล่านั้น ขอได้โปรดทราบอย่างนี้เถิดเจ้าพี่อุโบสถ ” “ ข้าแต่พระเจ้าสังวราชด้วยพระองค์ทรงครอบครองราชสมบัติแห่ง
หมู่พระญาติโดยธรรม พระองค์เป็นผู้มีพระปรีชาด้วยเป็นบัณฑิต ด้วยทั้งทรงเกื้อกูลพระประยูรญาติด้วย
ศัตรูทั้งหลายย่อมไม่เบียดเบียนพระองค์ผู้แวดล้อมไปด้วยพระประยูรญาติ มองมูลด้วยรัตนต่าง ๆ เหมือนจอมอสูรไม่เบียดเบียนพระอินทร์ ” พระเจ้าสังวรมหาราช
ทรงประทานยศใหญ่แด่พระเจ้าพี่ทุกพระองค์ หลังจากนั้นเหล่าพระกุมารทุกพระองค์ก็ไม่ทรงคิดอคติต่อพระเจ้าสังวรพระมหาราชอีกเลย ทุกพระองค์ล้วนยอมรับ
จักเทิดทูนพระองค์ทรงครองราชโดยธรรม พระเจ้าพี่เหล่านั้นประทับอยู่ในสำนักของพระองค์ตลอดกึ่งเดือนก็ทูลลากลับชนบท
ในราชสมบัติเถิด ” จากนั้นเหล่ากุมารทั้ง ๙๙ พระองค์ก็เสด็จไปสู่ชนบทของตน พระเจ้าสังวรมหาราชทรงดำรงในโอวาทของอำมาตย์บัณฑิตในที่สุดแห่ง
พระชนม์มายุได้ไปเพิ่มเทพนครให้เต็ม “ ดูก่อนภิกษุ ครั้งก่อนเธอทนต่อโอวาทเช่นนี้ บัดนี้เหตุไรไม่กระทำความเพียร ” ภิกษุนั้นดำรงอยู่ในโสดาปัตติผล
ทรงประชุมชาดก