นั่งสมาธินี่แหละ มีความสุขที่สุดแล้ว


[ 27 พ.ค. 2549 ] - [ 18263 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร แอน ฮัว ทิ เล (เยอรมัน)

    ลูกชื่อ แอน ฮัว ทิ เล เป็นชาวเวียดนาม แต่งงานกับสามีชาวไทยชื่อ ภุชงค์ ปัจจุบันเราทั้งคู่เป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา จากเยอรมันค่ะ

    พ่อแม่ของลูกเป็นชาวเวียดนาม แต่เดินทางมาประเทศลาวเนื่องจากภาวะสงคราม แล้วมีการบังคับให้เปลี่ยนศาสนา พ่อแม่ของลูกก็คิดว่า "เรานับถือพระพุทธศาสนามาตั้งแต่ปู่ย่าตายาย จะให้มาเปลี่ยนไปนับถือศาสนาอื่น อย่างไรก็ไม่ยอม" จึงตัดสินใจทิ้งแผ่นดินเกิด เดินทางมาอยู่เมืองลาว เพื่อรักษาความเป็นชาวพุทธเอาไว้ ซึ่งพอตัวลูกโตขึ้น ก็เดินทางมาอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมัน

    ก่อนหน้านี้ สามีและตัวลูก จะชอบดื่มเหล้าไวน์ และสูบบุหรี่จัดเนื่องจาก เราทั้งคู่เป็นคนต่างชาติ ต่างภาษา พอมีปัญหาก็ไม่รู้จะคุยกับใคร ต้องอาศัยเหล้าดับกลุ้ม จนปลายปี พ.ศ.2547 สามีติดตั้งจานดาวเทียม เพื่อติดตามข่าวจากเมืองไทย ต่อมา สามีก็จูนพบ DMC ทำให้เราได้เลิกสิ่งที่ไม่ดีแล้วมาศึกษาธรรมะ สวดมนต์ และนั่งสมาธิทุกวัน

    ต้นปี พ.ศ.252549 ลูกและสามีมาเมืองไทย จึงได้มาร่วมงานมาฆบูชาและขึ้นพนาวัฒน์ด้วย ลูกประทับใจมากค่ะ อาหาร สถานที่ บุคคล ดีมาก ลูกได้ถือศีลแปดเป็นครั้งแรกในชีวิต และที่นี่เองทำให้ลูกเข้าใจถึงความสำคัญของการนั่งสมาธิมากขึ้น

    แต่พอจะเริ่มนั่งสมาธิ ลูกก็มีปัญหาซะแล้วค่ะ เพราะหัวเข่ามีปัญหาทำให้นั่งขัดสมาธิไม่ได้ จะเหยียดขาก็ไม่สุภาพ แม้จะนั่งเก้าอี้ได้ แต่ลูกก็อยากจะนั่งในท่ามาตรฐานมากกว่า จนได้คำแนะนำว่า "ให้นึกว่าตัวเองไม่มีขาสิ" ลูกก็เลยตั้งใจมาก อธิษฐานจิตขอบารมีครูบาอาจารย์ แล้วก็นั่งโดยนึกว่าไม่มีขา แรกๆก็ยังปวดอยู่ จนเวลาผ่านไป ลูกตัดใจว่า "ไม่สนใจแล้ว จะปวดก็ช่างมัน" นั่งช่างมันไปได้สักพัก
อยู่ๆในท้องลูกก็มีจุดสว่างใสๆ เหมือนดวงดาว แล้วก็สว่างขึ้นๆ ขยายขึ้นมา กลายเป็นองค์พระ แล้วองค์พระก็ผุดๆๆๆขึ้นมา แล้วตัวลูกก็หายเข้าไปในองค์พระ เหมือนเราเป็นองค์พระ องค์พระเป็นเรา

    แล้วตัวลูกเบาเหมือนจะลอยขึ้น ลูกตื่นเต้นมาก คิดว่า "ใช่เรารึเปล่า...คงไม่ใช่มั๊ง ตัวเราจะลอยขึ้นได้ยังไง ฝันไปหรือเปล่า" ลูกก็เลยลืมตามาดู พอรู้ว่าเราไม่ได้ฝันไป จึงค่อยๆหลับตาใหม่ ทำใจนิ่งๆที่ศูนย์กลางกายเหมือนเดิม ไม่คิดอะไร เหมือนมีเราคนเดียวที่นี่ แล้วความสว่างก็ขยายขึ้นมาอีก เหมือนอาทิตย์ดวงใหญ่ ขยายๆจนมีเป็นองค์พระ ผุดขึ้นมาเยอะมาก มากจนไม่รู้จะนับอย่างไร ลูกจึงทำเป็นไม่สนใจ และไม่อยากตื่นเต้นเพราะกลัวจะหายไปอีก ลูกนั่งดูเฉยๆ อมยิ้มไปเรื่อยๆ จะมากี่องค์ก็ไม่เป็นไร ปล่อยให้ท่านขึ้นมา

    สักพัก พระอาจารย์ก็สัพเพ ลูกเสียดายมาก ทำไมท่านสัพเพเร็วจัง กำลังนั่งสบาย ไม่อยากลุกเลย พอสัพเพจบ คนที่นั่งข้างๆก็หันมาถามลูกว่า "เป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้" ลูกปีติจนน้ำตาไหลเปียกหน้าไปหมดโดยที่ไม่รู้ตัวเลย รู้แต่เพียงว่า มีความสุขมากๆ อยากจะบอกคนทั้งโลกว่า "นั่งสมาธินี่แหละมีความสุขที่สุดแล้ว" ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยมีความสุขอย่างนี้เลย มันสุขเต็มหัวใจเลยค่ะ ไม่อยากให้ใครมานั่งเห็นใจเราอีก เพราะเราได้นั่งเห็นใจของเราเองแล้ว

    พอกลับมาเยอรมัน ลูกก็นั่งสมาธิทุกวัน หลังเลิกงาน พอถึงบ้าน ลูกจะพุ่งเข้าหาหมู 2ตัวประจำบ้าน มันคือกระปุกหมูค่ะ ลูกและสามีจะเอาสตางค์หยอดทุกวันค่ะ กระปุกหนึ่งทำทุกบุญกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ อีกกระปุกหนึ่งสำหรับค่าเครื่องบินเพื่อมาวัดพระธรรมกายเมืองไทย ลูกจะมานั่งหน้าจอ ดู DMC ช่องนี้ช่อง
เดียว ทั้งวันทั้งคืน 

    ทุกวันนี้ ลูกก็ยังเห็นองค์พระอยู่ พอทำใจนิ่งๆ ท่านก็จะผุดขยายขึ้นมาเหมือนเดิม เห็นทั้งหลับตา ลืมตา ที่น่าอัศจรรย์ คือ ขาของลูกไม่รู้สึกปวดอีกเลย นั่งได้สบายๆเป็นชั่วโมง เวลานั่งสมาธิ สามีของลูกก็จะมานั่งด้วยกัน พอนั่งเสร็จ ลูกจะหันไปทางสามี พร้อมกับยกนิ้วโป้งให้สามี แล้วพูดว่า "เยี่ยม...เลิศ...มาอนุโมทนาบุญกับฉันสิ" สามีก็จะ "สาธุ" 

    หลังจากเห็นองค์พระ ใจของลูกเปลี่ยนไปมาก รู้สึกเย็นๆสบายๆตลอด พอมีปัญหาที่ทำงาน ลูกก็เฉยๆ "สัมมา อะระหัง" อย่างเดียว ใครอยากทำอะไรก็ตามใจ พอลูกยิ้มๆมององค์พระไปเรื่อยๆ ความรู้สึกนิ่งก็เกิดขึ้นมาเองโดยไม่มีใครบอก แต่ก่อนเวลากลุ้มต้องกินเหล้าแทนน้ำ เดี๋ยวนี้หักดิบแล้ว เพราะลูกแก้กลุ้มด้วยสมาธิค่ะ

    ส่วนผลการปฏิบัติธรรมของสามี ก่อนหน้านี้ สามียังมีความรู้สึกต่อต้านบางอย่างในพระพุทธศาสนา แต่พอเขาได้เห็นลูกเปลี่ยนแปลง เขาก็เลยมาฝึกสมาธิด้วย เขานั่งได้ความสงบแล้วตัวก็หายไป เขาบอกว่า "บางครั้งเหมือนตัวจะหล่นตกเหว จนตกใจสะดุ้งลืมตาขึ้น หรือบางครั้งมือ เท้าก็หายไป บางครั้งเห็นดวงสว่างไสว มีความสุขมากจนไม่อยากเลิกนั่ง"
 
    เขาบอกลูกเสมอว่า "เห็นหรือไม่เห็นไม่เป็นไร สมาธิเป็นหน้าที่ของมนุษย์ทุกคนที่ต้องปฏิบัติ" ตอนนี้เขารำพึงบ่อยๆว่า "อยากบวชอุทิศชีวิตในพระพุทธศาสนา และบำเพ็ญสมาธิภาวนาไปตลอดชีวิต"

    ลูกกับสามีเคยเถียงกันตอนดู DMC เพราะสามีบอกว่า "หลวงพ่อ ท่านอายุ 60 แล้วนะ" ลูกก็เถียงว่า "หน้าใสขนาดนี้ จะอายุ 60 ได้ยังไง ไม่ช่าย ไม่ช่าย" ตอนนี้ลูกรู้สึกโชคดีที่ได้เจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อ แม้จะสายเกินไป แต่คงไม่ถึงกับบ่ายนะคะ ถ้าไม่เจอก็ไม่รู้ชีวิตจะเป็นอย่างไร พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นที่หนึ่งในดวงใจของลูกทุกคน ตั้งแต่มาเจอ DMC เราก็ไม่เคยตกบุญเลยสักบุญ
 
    ท้ายที่สุดนี้ ลูกและสามีขอกราบแทบเท้า ขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสุดซึ้ง เจ้าค่ะ


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
โซโลมอน เกาะแห่งธรรมโซโลมอน เกาะแห่งธรรม

ชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรมชาวโซโลมอน ผู้กระหายธรรม

บททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธบททดสอบของการจะเป็นชาวพุทธ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ