หนูน้อย ผู้มีดาวภายในเป็นเพื่อน

ฉันชื่อ จิสเซล วาวเด้ เป็นชาวอเมริกัน ยังจำได้ว่า วันแรกที่ฉันเดินทางไป ศูนย์นิวเจอร์ซี่ ทำเอาเจ้าหน้าที่ตกใจ เพราะฉันอยู่ในชุดตำรวจแถมพกปืน เข้าไปเคาะประตูศูนย์ ก็เพราะฉันเป็นตำรวจหญิง

เหตุที่เข้าไปศูนย์ปฏิบัติธรรมวันนั้น เพราะฉันต้องการหาสถานที่นั่งสมาธิ แต่เมื่อได้มานั่งจริงๆ ฉันกลับไม่เป็นสมาธิ เพราะฉันนั่งร้องไห้ จนเจ้าหน้าที่เข้ามาถามว่า “เป็นอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันจึงบอกว่า “กลุ้มใจมากๆ ฉันกลุ้มใจเรื่องลูก”

โรงเรียนของลูกชายคนเดียวของฉัน (ลูกชายวัย 6ขวบ ชื่อ แม็กซิโม่ (Maximo) ชื่อเล่น แม็กซ์) แจ้งให้ฉันเข้าไปเซ็นหนังสือ ยอมรับการส่งตัวลูกชาย ให้ไปพบจิตแพทย์ เพราะเขาก้าวร้าวมาก พูดจากวนประสาทคุณครู และมีพฤติกรรมแสบๆที่ไม่สามารถควบคุมได้อีกต่อไป ครูมีมติว่า "ต้องส่งไปให้ทางจิตแพทย์ช่วยบำบัด อย่างเดียวเท่านั้น"

พอทราบอย่างนั้นแล้ว ฉันแทบลมจับ เพราะเด็กที่ให้จิตแพทย์รักษา จะถูกให้ยาเพื่อปรับสภาวะกายและจิต และหากเด็กคนใดได้รับการบำบัดอย่างนี้แล้วจะมีการบันทึก (Record)ไว้ติดตัวไปตลอดชีวิต แม้ว่าเด็กโตขึ้นแล้ว จะมีความสามารถเพียงใด แต่หน่วยงานราชการของอเมริกา จะไม่ยอมรับเข้าทำงานแม้แต่แห่งเดียว จนตลอดชีวิต เพราะฉะนั้นการเซ็นยอมรับส่งลูกไปบำบัด ก็เท่ากับว่าฉันได้ตัดอนาคตลูกชายคนเดียว ด้วยมือของตัวเอง ฉันเสียใจมาก ทำใจยอมรับไม่ได้ แต่ก็ไม่รู้จะแก้ไขด้วยวิธีการใดอีกแล้ว มันมืดมนไปหมด

พอฉันเล่าจบ เจ้าหน้าที่ของวัดก็ประกาศว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราจะมี คลาสสมาธิสำหรับเด็ก ตั้งแต่ 6ขวบ” เมื่อได้ยินอย่างนั้น ฉันดีใจมาก อยากพาลูกมาเดี๋ยวนั้นเลย เพราะมองไม่เห็นทางออกใดอีกแล้ว เมื่อทุกทางที่จะเดินไปถูกปิดสนิท ทางที่ไม่ต้องเดิน คือแค่นั่งสมาธิเฉยๆคงจะเป็นทางออกให้กับลูกชายได้บ้าง ดีกว่าปล่อยให้เขาไปอยู่ในมือของจิตแพทย์โดยไม่ได้ลองทำอะไรสักอย่างเลย

แต่เมื่อฉันกลับไปชวน เขาก็ไม่ยอมมา งอแง จะไม่มาท่าเดียว ในขณะที่มีเด็กคนอื่นๆเริ่มเข้าคลาสกันแล้ว ฉันก็พา Maximo มาเข้าคลาสวันแรก วันนั้นเขาก็เริ่มก่อกวนที่ศูนย์ทันที เมื่อพี่เลี้ยงให้เด็กๆแนะนำตัวว่าเด็กแต่ละคน ชื่ออะไร คนอื่นก็ตอบหมด แต่พอถึง Maximo เขากลับตอบว่า “ไม่รุ๊...ผมไม่รู้” ( I have no clue.) บางทีก็แยกเขี้ยว ยิงฟัน ทำหน้าทะเล้นใส่ และไม่ว่าจะถามอะไร Maximo จะตอบว่า “ไม่รู้” ทั้งชั่วโมง แม้จะเปิดเพลง Shining Star แล้วถามว่า “นึกถึงดวงดาวกันได้ไหม” เด็กคนอื่นก็จะตอบกัน ส่วน Maximo ตอบว่า “ไม่รู้” เป็นอาทิตย์ Maximo ก็ยังไม่พูดคำใดเพิ่มมากไปกว่า ไม่รู้ๆๆๆ

พี่เลี้ยงจึงตัดสินใจพูดกับ Maximoว่า "เพื่อนๆของหนูต้องมาเสียเวลาฟังหนูตอบแต่คำว่า ไม่รู้ อย่างนี้มันจะดีหรือ" ปรากฏว่าได้ผล Maximo พูดเลยว่า "รู้ไหม...ผมไม่ครบหรอกนะ มีอะไรบางอย่างที่ผมไม่ได้มีเหมือนเพื่อน" เมื่อ Maximo ได้ระบาย เขาก็เริ่มยอมนั่งสมาธิ

แรกๆ เขาดิ้นไปมาตลอดไม่ยอมนิ่ง แต่พี่เลี้ยงก็ให้นึกถึงดวงดาว “พวกเราจะมีดาวเป็นเพื่อน” เขาก็ค่อยๆสงบ จนสัปดาห์ที่3 ในคลาสก็ให้เด็กๆเล่าว่า สมาธิได้ช่วยอะไรเราบ้าง จะที่บ้านหรือที่โรงเรียน จากที่ Maximo ไม่ค่อยพูดอะไรมากนัก แต่วันนี้ เขากลับเล่าอะไรบางอย่างออกมา ในสิ่งที่แม้แต่ฉันซึ่งเป็นแม่ ก็ยังไม่เคยรู้มาก่อน เขาเล่าว่า

“รู้ไหม...ตอนผมอยู่โรงเรียน ผมถูกเด็กโตกว่า รังแก ผมถูกต่อย ถูกเตะมาตลอด และขู่ไม่ให้ผมเอาเรื่องไปฟ้องพ่อแม่...วันหนึ่งผมไปโรงเรียนและเห็นเด็กโตที่ชอบมารังแก กำลังเดินรี่เข้ามาหาผม ผมไม่รู้จะทำอย่างไร ก็เลยยืนนิ่งๆหลับตา แล้วนึกถึงดวงดาวในท้อง ผมจำได้ว่า ดาวจะเป็นเพื่อน แล้วดาวในท้องนั้นก็สว่างขึ้น เวลาผ่านไปสักครู่ ผมรู้สึกว่ามันเงียบผิดปกติ...พอลืมตาขึ้นมา แปลกมากเลยครับ เด็กโตเหล่านั้นก็หายไปเลย ไม่เข้ามาเตะต่อยเหมือนแต่ก่อน ตั้งแต่นั้นมา ผมก็ไม่รู้สึกกลัวใครอีกแล้ว”

ตั้งแต่นั้นมา Maximo จะนั่งสมาธิทุกวันก่อนนอน จนวันหนึ่งขณะที่พี่เลี้ยงบอกว่า “ให้นึกถึงดาวไปเรื่อยๆ แล้วให้พวกหนูอยู่ตรงกลางดาวนั้น เดี๋ยวจะมีดาวดวงใหม่ขึ้นมา ดาวพี่จะชวนดาวน้องมา” Maximo กลับพูดขึ้นว่า “ผมไม่เห็นดาวดวงใหม่ที่ขึ้นมาเลย ผมเห็นแต่ Buddha” ทั้งพี่เลี้ยงและเด็กๆทุกคนงงว่า ทำไม Maximo จึงเห็น Buddha ขึ้นมาได้ เพราะคลาสเด็กนี้จะให้นึกถึงแต่ดาวเป็นเพื่อนอยู่ในท้อง จะไม่พูดเรื่องศาสนาเลย แม้แต่พระพุทธรูปก็ไม่เคยให้เห็น เพราะเกรงว่าพ่อแม่ชาวอเมริกันคิดว่า จะมาเปลี่ยนศาสนาเด็ก

พี่เลี้ยงถามว่า “องค์พระสีอะไร” Maximo บอกว่า “สีทอง” พี่เลี้ยงจึงแนะนำว่า “ถ้าอย่างนั้นหนูก็ดูไปเรื่อยๆก็แล้วกัน” ครั้งต่อมา Maximo นั่งนิ่งนานเกินกว่า 20นาที ซึ่งเป็นเวลาที่เขาเคยนั่งได้ พอนั่งเสร็จ Maximo ก็บอกว่า “วันนี้ผมไม่เห็นอะไรเลย ผมเห็นแต่ตัวผมเอง ตัวผมเองเป็นแบบใสๆ”

วันที่ฉันรู้ว่า Maximo เห็นองค์พระ ฉันก็ถามเขาตรงๆว่า "ลูกเห็น Buddha จริงๆหรือ" Maximo ยืนยันว่า “เห็น Buddha จริงครับ และผมก็เห็นตัวเองด้วย ในท่าสมาธิอยู่ใน Buddha ที่ผมเห็นนั่นละ”

ตั้งแต่นั้นมา Maximo ลูกชายของฉันก็เปลี่ยนไป เปลี่ยนไปเป็นคนละคนอย่างสมบูรณ์ Hundred Percent (100%) เขากลายเป็นเด็กเรียบร้อย สุขุม มีรอยยิ้มให้ทุกคน ไม่ก้าวร้าว พูดจารู้เรื่อง ครูที่โรงเรียนต่างก็งงว่า ทำไม Maximo เปลี่ยนไปขนาดนี้ ตอนนี้ที่โรงเรียนยกเลิกการส่งตัวไปบำบัดกับจิตแพทย์แล้ว เขากลายเป็นที่รักของครูและเพื่อนๆ ทุกคน

ตอนนี้เขาอายุ 7ขวบแล้ว ชอบมาที่ศูนย์มาก ถ้าพ่อแม่ไม่ว่างพามา เขาก็จะเริ่มพูดขอความเห็นใจ และเมื่อได้รู้ว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อ คือผู้ที่ทำให้มีศูนย์สมาธินี้ Maximo จึงรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อมาก เมื่อวันที่ 22 เมษายน ที่ผ่านมา Maximo มาที่ศูนย์แล้วเขาก็นั่งเขียนจดหมายถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อ โดยมานั่งตั้งใจมองรูปของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ผนัง แล้วค่อยก้มลงเขียน

นับวันฉันยิ่งอัศจรรย์และดีใจ ที่สมาธิช่วยชีวิตลูกฉันได้ ฉันว่าเด็กทุกคนในโลกควรมานั่งสมาธิ ส่วนฉันตอนนี้ก็กำลังศึกษาศาสนาพุทธอยู่ค่ะ

เนื้อหาที่ Maximo พูดใน VDO

กราบนมัสการครับหลวงพ่อ ผมชื่อ Max ครับ

ผมชอบนั่งสมาธิ เพราะสมาธิทำให้มีความสงบภายใน และทำให้โลกเกิดสันติสุข ทำให้ผมมีความสุขมากครับ เมื่อผมย้ายมาเรียนที่โรงเรียนแมคควิน ครูและเพื่อนไม่รู้จักผมดี เมื่อผมเริ่มนั่งสมาธิ 5นาที 5วันต่อมา เพื่อนเริ่มรู้จักผม (ดีกับผม)

ผมนั่งสมาธิที่วัดครั้งละ 20นาที ทุกอย่างที่นี่ดีมาก ผมมีดาวภายใน มีความสุขมาก ผมเรียนรู้หลายอย่าง ดาวภายใน และองค์พระ ครั้งหนึ่งผมนั่งสมาธิ เห็นองค์พระเป็นแสนๆองค์ ผมผ่านเข้าไปในองค์พระหลายๆองค์ มีหลายสี ผ่านเข้าไปเรื่อยๆ จนเห็นดวงดาวใสสว่างดวงใหญ่อยู่กลางองค์พระสีทององค์ใหญ่ ผมลองสัมผัสดู ลืมตาขึ้นมา ผมมีความสุขมากเลย (ทั้งดวงดาว และองค์พระ เหมือนกับมีชีวิต) อัศจรรย์มากครับ ผมยังเห็นตัวผมอยู่ในองค์พระด้วยครับ มีความสุขมากครับ

ดวงดาวภายในเป็นสิ่งที่ทำให้มีความสุขมากครับ สามารถเปลี่ยนชีวิตคุณได้ เป็นเพื่อนคุณได้ และไปโรงเรียนด้วย ไปทุกๆที่ที่คุณไป เมื่อทำการบ้าน ดวงดาวภายในยังช่วยผม ช่วยผมในทุกๆเรื่องซึ่งผมชอบที่สุด ผมจึงชอบนั่งสมาธิที่สุดครับ

บางครั้งเด็กที่โตกว่ารังแกผม ผมจะหลับตาทำสมาธิ 1นาที พอผมลืมตา เขาเหล่านั้นก็จากไป แค่ 1นาทีเท่านั้นครับ 1นาที ช่วยได้มากครับ แม้ 5วินาทีก็ช่วยได้ ทุกวินาทีของการนั่งสมาธิ นั้นมันวิเศษสุด ทุกวินาทียอดเยี่ยมที่สุด มันเป็นวินาทีที่อัศจรรย์

สุขสันต์วันเกิดครับหลวงพ่อ ขอให้หลวงพ่อสมหวังในทุกอย่างที่หลวงพ่อต้องการนะครับ เมืองไทยเป็นอย่างไรบ้างครับ สักวันผมจะไปเยี่ยมกราบหลวงพ่อ และให้หลวงพ่อสอนผมนั่งสมาธิให้ดียิ่งขึ้น กราบลาหลวงพ่อครับ สุขสันต์วันเกิด

เพิ่มเติม (บทสนทนาก่อนการถ่าย VDO)

สิ่งที่ Maximo พูดใน VDO ไม่สามารถบอกให้พูดอย่างนั้นอย่างนี้ได้ Maximo จะมีความคิดเป็นของตัวเอง เขาอยากจะสื่อข้อความทั้งหมดถึงพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยตัวของเขา แต่ก็มีบทสนทนาที่เกิดขึ้นระหว่างเดินทางมาอัด VDO เมื่อพี่เลี้ยงได้ถาม Maximo ว่า “ทำไม Maximo ถึงชอบนั่งสมาธิ” Maximo ตอบว่า “ผมชอบสมาธิเพราะ ได้ดูดาวภายใน...และนอกจากดาวยังมีดวงแก้ว และในดวงแก้วยังมี Peace แล้วก็ อยู่ในนั้นนานๆ ทำให้มีความสุขมาก และยังมีองค์พระอีกด้วย”

แล้ว Maximo ก็เล่าต่อว่า “วันนึง ตอนผมกลับจากโรงเรียน ผมรู้สึกไม่สบาย ก่อนไปนอน ผมนั่งสมาธิเห็นดวงดาวแล้วหลับไป พอตื่นขึ้นมา ผมรู้สึกสบายดีขึ้น ผมลืมตาขึ้นมาก็ยังเห็นดาวอยู่ ดูเหมือนมีชีวิตด้วย มันประหลาดมากเลยนะ หลับตา ลืมตา ก็เห็นดวงดาว อีกวันนึงก็ประหลาดที่สุดเลย ที่โรงเรียนคุณครูกำลังสอน ผมก็ฟังครูและมองไปที่ครู แต่ผมไม่เห็นครู ผมเห็นแต่ดวงดาว แต่ตอนนั้นผมรู้สึกอบอุ่นดี”

“ผมชอบนั่งสมาธิเพราะ ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยเห็น ผมไม่เคยคิดว่าจะมีดาวอยู่ภายในตัวเอง และก็มีองค์พระด้วยล่ะ ดูเหมือนมีชีวิตเลย”

เมื่อพี่เลี้ยงถามว่า “แล้ว Maximo แปลว่าอะไร” เขาตอบว่า “Maximo แปลว่า ดีที่สุด (The Best)” พี่เลี้ยงถามต่อไปว่า “แล้ว Maximo เป็นที่สุดทุกอย่างแล้วหรือยัง” เขาตอบว่า “ยังหรอกครับ แม่ผมบอกว่า อยากให้ผมเป็นคนดีที่สุด แต่ผมยังไม่ทำให้สมใจแม่เลย แต่ผมมีดาวภายใน เป็นที่ปรึกษานะ ดาวข้างใน จะช่วยให้ผมเป็นคนดีที่สุดได้”

พี่เลี้ยงบอกว่า “เดี๋ยวพอเราไปถ่าย VDO อยากให้ Maximo พูดบอกเด็กๆ ทั่วโลกมานั่งสมาธินะ” Maximo รีบบอกทันทีว่า “โอ...เดี๋ยวพวกเขาคิดว่า ผมจะมาพูดโฆษณาขายดาวนะ (เพราะตัว Maximoเอง มีดาวเยอะแยะ) ดาวนี้ไม่มีขายนะ พวกเขาต้องทำดาวด้วยตัวเอง (The star is not for sale, you have to make it your own)"

วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ.2549 Maximo มานั่งสมาธิที่ศูนย์อีก ระหว่างที่นั่งหลับตา Maximo บอกว่า “วันนี้ดาวของผมใหญ่ และสว่างมากๆๆ” 5นาทีต่อมาเขาบอกว่า “ผมเห็นองค์พระมาเยอะแยะ เป็นแสนๆองค์เลย” สักพักก็บอกต่อว่า “ผมเห็นดวงแก้วสว่างๆ มากๆ หลายๆ ดวงต่อกันขึ้นมา แล้วผมก็เห็นตัวผมเอง” สักครู่ก็บอกว่า “ตัวผมที่เห็น ใหญ่ขึ้น และใสขึ้นมาก”

มาฟังน้อง Maximo กันนะคะ