จะเชื่อตอนเป็นหรือจะเห็นตอนตาย ก็เลือกเอา


[ 8 เม.ย. 2551 ] - [ 18267 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร พันจ่าอากาศเอก ทศพล เตียงเกตุ (ประเทศไทย)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อคุณครูไม่ใหญ่
 
    กระผม พันจ่าอากาศเอก ทศพล เตียงเกตุ ขอรายงานตัวต่อพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับกระผม กระผมเกิดวันจันทร์แรม 12ค่ำ เดือน5 ปีมะโรง ตรงกับวันที่ 21 เมษายน อายุ 56ปี แหมถ้ารู้ว่าอดใจอีกวันเดียวจะหล่อใสปิ๊งแบบพระเดชพระคุณหลวงพ่อ กระผมคงรอเกิด 22 เมษายน ดีกว่า
 
 
    ชะตาชีวิตของกระผมนั้น ตกที่นั่งแม่งูเอ๋ย กินน้ำบ่อซ้าย คือ ย้ายไปก็ย้ายมา ไปตามจังหวัดต่างๆ เริ่มจากเกิดที่กรุงเทพฯไปโตที่ราชบุรี จนอายุ 12ปี ย้ายกลับเข้ากรุงเทพฯจนจบ ม.ศ.3 ก็ย้ายอีกทีไปอยู่กาญจนบุรีกับคุณยาย ต่อมามีญาติชวนไปสมัครสอบเข้าทหารอากาศ กระผมจึงเริ่มใช้ชีวิตเป็นลูกทัพฟ้าตั้งแต่นั้นมา แต่เพราะกระผมไม่เคยเรียนเรื่องมงคลชีวิต 38ประการ เหมือนคุณครูสหัสชัย กระผมจึงเลือกคบคนพาลเป็นเพื่อน ชวนกันทั้งเที่ยว ทั้งดื่ม ทั้งเล่นการพนัน
 
    กลางปี พ.ศ.2515 ชีวิตของกระผมพบกับความเปลี่ยนแปลงที่ก้าวเข้ามาพร้อมกับผู้หญิง 2คนและถุง 1ใบ คนหนึ่ง คือ คุณยายของกระผม อีกคนเป็นญาติห่างๆ คุณยายจับกระผมแต่งงานกับผู้หญิงซึ่งเป็นญาติห่างๆแบบคลุมถุงชน ด้วยเหตุผลที่ว่า “ยายแก่แล้วอยากมีหลาน” (นี่แหละครับผู้หญิง 2คนกับถุง 1ใบที่ทำให้ชีวิตของกระผมเปลี่ยนไป) กระผมตอบรับแบบงงๆ แต่ปีต่อมาก็มีหลานให้ท่านสมใจ
 
    จากนั้น กระผมถูกย้ายไปฐานบินอุดรเป็นเวลา 1ปี กระผมใช้ชีวิตราวกับคนโสด ทั้งเที่ยว ทั้งดื่ม จนภรรยาตั้งครรภ์ลูกคนที่2 กระผมก็ถูกย้ายไปดอนเมือง เธอไม่เข้าใจกระผม เราทะเลาะกันจนเธอขอลาออกจากการเป็นภรรยาของกระผม กระผมจึงกลายเป็นทหารอากาศขาดคู่ครับ เมื่อหมายเลข1 ปลดประจำการ ทหารอากาศที่ถึงแม้จะขาดคู่แต่ไม่ขาดรักอย่างกระผมก็รับสมัครผลัด2 เพื่อรับตำแหน่งแทน นั่นคือ ภรรยาคนปัจจุบันของกระผม นั่นเอง
 
    เธอเป็นคนชอบทำบุญตั้งแต่เด็ก เกิดในครอบครัวที่คุณตาและคุณลุงเป็นมัคทายกช่วยงานวัดมาตลอด เธอชอบไปปฏิบัติธรรมทั้งสายยุบหนอพองหนอ สายของญี่ปุ่นและจีน แต่เธอยังไม่ได้คำตอบที่โดนใจ จนลูกชายที่อยู่ญี่ปุ่นโทรศัพท์มาบอกกระผมว่า “พ่อ...ถ้ามีใครมาติดจานดาวธรรมให้อย่าตกใจนะ แล้วพ่อกับแม่อย่าลืมดูด้วยนะ เป็นของวัดพระธรรมกาย” กระผมรู้สึกไม่ค่อยสนใจ แต่ภรรยาและหลานชอบดูทั้งคู่ กระผมก็ดูบ้าง เดินหนีบ้างพอ พอเธอเข้านอนกระผมถึงแอบดูคนเดียว
 
    กระผมต้องขอบอกก่อนว่า กระผมไม่ได้สังกัดพรรคชายรักชายนะครับ แต่กระผมขอสารภาพว่า กระผมชอบพระเดชพระคุณหลวงพ่อครับ  คือ ชอบวิธีพูดที่น่ารัก ใช้คำลงท้ายว่า “นะจ๊ะ” กระผมชอบดูฝันในฝัน ทศชาติชาดก แต่กระผมก็ยังไม่เลิกดื่มเหล้า มีอยู่วันหนึ่งกระผมและเพื่อนตั้งวงเหล้ากันหน้าทีวี ต่อหน้าต่อตาพระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีอยู่จังหวะหนึ่งขณะที่กำลังยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่ม ก็สบตากับพระเดชพระคุณหลวงพ่อพอดี
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อพูดว่า “จะเชื่อตอนเป็นหรือจะเห็นตอนตาย ก็เลือกเอา”  ขนแขนกระผมเข้าแถวตรง มือยกแก้วค้างไม่กล้าดื่ม แล้วก็หักดิบเลิกได้ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาครับ
 
    จากนั้น ครอบครัวเราก็มาวัดทุกวันอาทิตย์ เข้าใจในบุญมากขึ้น ปี พ.ศ.2547 ภรรยาของกระผมอยากได้เงินมาทำบุญเยอะๆ จึงหอบเงินไปลงทุนทำขายตรงที่ต่างจังหวัด ปรากฏว่ายิ่งลงก็ยิ่งหมด ถูกเขาหลอกว่าจะแบ่งหุ้นให้ก็ไม่ได้สักที บริษัทฯที่ภรรยาของกระผมไปลงทุนด้วย เขาทราบว่า กระผมและภรรยามาวัดพระธรรมกาย เขาก็พูดว่า “ไปทำไมวัดพระธรรมกาย เดี๋ยวก็หมดตัวหรอก รู้ไหมว่าเจ้าอาวาส เขาดูดพลังคนอื่นจนตัวใส หน้าใส ระวังพลังจะหมดนะ”
 
    กระผมรู้สึกไม่พอใจมากอยากจะกลับเดี๋ยวนั้นเลย ส่วนภรรยาของกระผมกลุ้มใจมาก ทั้งอยากกลับบ้านทั้งเสียดายเงิน จึงอธิษฐานกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ คุณยายอาจารย์ให้ช่วย ตกกลางคืนก็ฝันว่า พระเดชพระคุณหลวงปู่ฯมาบอกว่า “กลับบ้านเถิดลูก เรื่องเงินไม่ต้องเป็นห่วง ไม่ได้คืนหรอกลูก” พวกเราจึงตัดสินใจกลับกรุงเทพฯ
 
    แล้วช่วงนั้น พวกเราก็มารับบุญพับผ้าไตรไว้ถวายพระสังฆาธิการ 20,000วัด มาทุกวันจนอยากมาช่วยงานประจำที่วัด แล้วก็ได้สมใจ โดยกระผมได้รับบุญที่แผนกอธิษฐานธรรม กระผมรู้สึกอบอุ่นเหมือนเป็นครอบครัวใหญ่ กระผมได้เข้าร่วมกิจกรรม “วันเสาร์เข้าถึงธรรม” (Saturday my heart) เป็นเวลา 3เดือน เมื่อจบหลักสูตรได้รับรางวัลพระหยกขาวสาวทรัพย์เข้าถึงธรรม รางวัลนี้ให้สำหรับผู้ที่ประกอบเหตุดี นั่งสมาธิสม่ำเสมอ โดยไม่ได้ดูว่าผลของการนั่งสมาธิเป็นอย่างไร เพราะกระผมยังคงวนเวียนอยู่กับ 3ม. มืด เมื่อย มึน แต่ก็อดทนทำต่อไป เพราะกระผมได้แรงบันดาลใจในการนั่งสมาธิจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ก็กระผมอยากหล่อหน้าใสปิ๊งเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี่ครับ
 
    จากนั้น กระผมได้ขึ้นปฏิบัติธรรมที่สวนเพชรแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ คราวนี้กระผมใช้เทคนิคที่จำมาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อ พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนว่า “นึกได้ก็เห็นได้ การนึกถึงองค์พระให้นึกเหมือนเรานึกหน้าคุณพ่อ-คุณแม่” กระผมทำตามนี้ทุกวันทั้งวัน
 
    จนวันที่4 กระผมอธิษฐานกับพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯว่า “ไหนๆก็มาแล้ว กระผมไม่อยากกลับบ้านมือเปล่า ใจเปล่า” ท่านก็เมตตาให้ตามคำขอครับ ขณะที่กระผมมานั่งนอกรอบราว 5ทุ่มกว่า ก็มีองค์พระสวมซ้อนลงมาจากด้านบน จากศีรษะไปจนถึงตัก รู้สึกได้ถึงเกศดอกบัวตูม กระผมหมดความรู้สึกไปชั่วขณะ ขยับเขยื้อนตัวไม่ได้ ตัวชาไปหมด เหมือนจะหายใจไม่ออก สักครู่หนึ่งก็คลายออก รู้สึกโล่ง สบาย มีความสุขมาก เหมือนความสุขพรั่งพรูออกมาเป็นสาย บรรยายไม่ถูกครับ วันที่5 ทำเหมือนเดิม ก็มีความสุขเหมือนเดิม สุขใจจังเลยครับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ
 
    เมื่อกลับลงมาจากสวนเพชรแก้ว กระผมนั่งสมาธิก่อนนอน ทำใจสบาย นึกถึงองค์พระวางไว้เบาๆที่ศูนย์กลางกาย ขยายองค์พระเป็นตัวเรา ตัวเราเป็นองค์พระ สักครู่องค์พระก็สวมซ้อนร่างของกระผม กระผมรู้สึกเหมือนไม่มีร่างกาย ไม่มีความรู้สึกอะไรเลย เหลือแต่ความสุขไหลเวียนทั่ว 4ห้องหัวใจ กระผมรู้สึกรักพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากขึ้น ถ้ากระผมไม่ได้ดู DMC ไม่ได้เข้าวัดมาเป็นลูกของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ นาวาชีวิตของกระผมคงไร้หางเสือช่วยนำทางในการสร้างบารมี กระผมจะทำหน้าที่นักรบกล้าอาสาสมัครอย่างสุดกำลังครับ
 
    กระผมและครอบครัว ขอน้อมถวายบุญกุศลที่ได้ทำมาทั้งหมดแด่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อมีสุขภาพแข็งแรง ขาหายปวด ศีรษะหายมึน เป็นตะวันธรรมส่องชีวิตลูกไปนานๆนะครับ
 
รักและเคารพ พระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูงสุด
 
พันจ่าอากาศเอก ทศพล เตียงเกตุ  


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สมาธิเป็นความรู้สากล ที่ทุกคนทำได้สมาธิเป็นความรู้สากล ที่ทุกคนทำได้

ศูนย์กลางกายสลายความแตกต่างศูนย์กลางกายสลายความแตกต่าง

บวช 2ชั้น ตั้งใจมั่นเป็นพระแท้บวช 2ชั้น ตั้งใจมั่นเป็นพระแท้



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ