เรือติดดาวลำแรก

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตร แอนต้า อยู่เมือง (อิตาลี)

อิตาลี

วันที่ 20 มีนาคม พ.ศ.254920

ลูกชื่อ แอนต้า อยู่เมือง อายุ 32 ปี อยู่ อิตาลี มา10 ปี แต่งงานกับ คุณโรแบร์โต้ กะเวียโร่ สามีของลูกมีความใฝ่ฝันมาตั้งแต่หนุ่มๆว่า ชาตินี้อยากจะสร้างเรือขึ้นมาเอง แล้วใช้เรือลำนั้นท่องไปประเทศต่างๆ พอลูกรู้ ก็คิดในใจว่า "อีตาคนนี้ท่าจะบ้า" ตอนนั้นลูกคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน จนกระทั่งเมื่อ 9ปีที่แล้ว สามีก็เริ่มใช้วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ซื้ออุปกรณ์แล้วก็หาที่ต่อเรือ ลูกเริ่มเห็นว่า เขาตั้งใจจริง จึงให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ ตอนนี้เรือของเราก็ใกล้จะสร้างเสร็จแล้วค่ะ

ปกติ ชาวอิตาเลี่ยนที่รักการเดินทางในท้องทะเล ก็มักจะหาซื้อเรือส่วนตัวเอาไว้ เพื่อใช้พักผ่อน ขับเล่น โดยเฉพาะเมืองที่ลูกอยู่ จะมีเจ้าของเรือชาวมิลาน และ ตูริน เดินทางพักผ่อนช่วงสุดสัปดาห์ บางคนก็ใช้ชีวิตอยู่บนเรือเลย เรือทุกลำที่นี่มีเจ้าของหมด

    จนเมื่อ เดือนพฤษภาคม พ.ศ.2547 ขณะที่ลูกยังอยู่บนบ้านบนพื้นดิน สามีของลูกซึ่งชอบดู TV มาก ก็ร้องเรียกลูกด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นว่า "มาดูเร็ว...มีช่องไทยใหม่ มีพระพูดด้วย" ลูกก็รีบมาดูด้วยความตื่นเต้นยิ่งกว่า เห็นแล้วชอบพระรูปนี้มากๆ ใบหน้าท่านอิ่มเอิบ ดูอิ่มบุญอย่างบอกไม่ถูก จึงติดตาม ช่องนี้อย่างต่อเนื่อง เปิดมาเจอกี่ครั้งก็จะเห็นท่านยิ้มและหัวเราะตลอด ทำให้หัวใจเราสดชื่นมาก ที่สำคัญท่านสอนดี พูดเข้าใจ รู้เรื่อง ไม่รู้สึกเบื่อเลย สามีเห็นลูกดูอย่างมีความสุข พอเขาไปเจอเพื่อนคนไหน ก็เลยจิตใจเอื้อเฟื้อไปจูนให้คนอื่นเองเลย แล้วบอกพวกเขาว่า "มีช่องไทยนะ มีพระไทย...น่าดูมาก"

    จนไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ถึงเวลาต้องเอาเรือลงที่ท่า ลูกกับสามีจึงย้ายมาใช้ชีวิตในเรือ เหมือนเรือเป็นบ้าน อยู่ไปก็ตกแต่งไป ในเรือของเรามีห้องนอน 1 ห้อง ห้องรับแขก 1 ห้อง ห้องแยกต่างหาก 1 ห้อง รวมแล้วจุคนได้ประมาณ 8 คน มีครัวและห้องน้ำในตัว และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราจะขาดกันไม่ได้เลย ก็คือ ดาวธรรม ลูกจึงรบเร้าให้สามี รีบติดดาวธรรมที่เรือ ซึ่งสามีก็อนุญาต

    จริงๆแล้ว ช่วงที่ตรงกับรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ที่พวกเราดูกันได้ จะตรงกับเวลาข่าวของอิตาลี ลูกก็จะบอกสามีก่อนเลยว่า "ข่าวน่ะมีทั้งวัน เธอไปหาเวลาอื่นดูนะ สำหรับเวลานี้ฉันขอดู รายการพระ (DMC) พระท่านพูดดี" ปรากฏสามีของลูกก็เลยซึมซับธรรมะ เข้าไปทีละเล็กทีละน้อย หลังๆเขาจะถามลูกเสมอว่า "หลวงพ่อท่านหัวเราะอะไร" ลูกก็ต้องรีบแปลให้เขาฟัง แล้วเขาก็จะหัวเราะตาม และจะถามตลอดว่า "หลวงพ่อพูดว่าอะไร" ลูกก็ต้องนั่งแปลประโยคต่อประโยค ปัจจุบันเขาจึงมานั่งดูด้วยกันกับลูกตลอด สามีของลูกมักจะบอกว่า "หลวงพ่อ อิ่มเอิบ หน้าตาแจ่มใส แต่เรายังไม่รู้เลยนะว่า หลวงพ่อ...ท่านชื่ออะไร"

    แต่ก่อนทั้งลูกและสามี ต่างก็พูดเสียงดัง ขึ้นเสียงกันตลอด ใจร้อนกันทั้งคู่ แต่พอเราสองคนได้มานั่งดู DMC ด้วยกัน สามีของลูกก็เริ่มเปลี่ยนไป เช่น วันหนึ่ง ลูกกำลังขึ้นเสียงกับเขา แทนที่เขาจะเถียงกลับ เขากลับพูดกับลูกเบาๆว่า "Buddha บอกให้พูดจาค่อยๆนะ" (เขาเรียกหลวงพ่อว่า Buddha) ตอนนั้นลูกอึ้งไปเลย ขนาดเขาฟังธรรมะผ่านการแปล แต่เขายังนำเอามาปฏิบัติได้มากกว่าเราอีก ในที่สุดเราทั้งสองคนก็เลิกโมโห และขึ้นเสียงกันไปโดยปริยาย

    ปกติช่วงวันหยุด ลูกชายก็จะมาเยี่ยมและมาทานข้าวกับเรา 2 คนที่เรือ พอเรือของเรามี DMC ก็เลยทำให้เวลานั้นกลายเป็นเวลาของครอบครัวที่ได้ดู DMC พร้อมกัน ลูกชายบอกว่า "ผมสนใจพระพุทธศาสนา ถ้าจะมาเมืองไทย บอกผมด้วย ผมอยากไปไหว้พระ"

    เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว คณะพระอาจารย์ได้เดินทางมาเยี่ยมที่เรือติดดาวของเรา ลูกและสามีดีใจมาก โดยเฉพาะสามี Alert มาก ยกมือไหว้พระด้วยความเคารพ และหันมาถามลูกว่า "ผมจะขอจับมือพระท่านได้ไหม...ผมจะต้องนั่งต่ำกว่าที่ท่านนั่งใช่ไหม..." แล้วพวกเราก็ได้ถวายปัจจัยกับพระภิกษุด้วยกัน

    เมื่อสามีได้พระเหรียญมา ลูกก็บอกสามีว่า "สิ่งนี้เป็นของสูง เราต้องไว้ในที่สูงๆ" ปรากฏว่าสามีรีบนำพระเหรียญ ไปติดไว้ที่จุดสูงสุดของเสากระโดงเรือ ด้วยความเคารพ

    ปัจจุบัน สามีของลูกไปเข้าโรงเรียนที่สอนเรื่องพิกัดแผนที่ สำหรับการเดินเรือ เพราะเมื่อเรือใกล้เสร็จ และทุกอย่างลงตัว เราทั้งสองคน จะเดินทางด้วยเรือลำนี้ จากอิตาลีมาประเทศไทย และอยากมาใช้ชีวิตที่เมืองไทย

    คาดว่า จะใช้เวลาเฉพาะช่วงเดินทางประมาณ 3เดือน ลูกคิดว่าเราจะล่องเรือไปเรื่อยๆ ถึงแม้จะอยู่กลางมหาสมุทร แต่ก็จะไม่พลาดที่จะเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ และ DMC จะเป็นเข็มทิศทั้งในการเดินทางครั้งนี้ และในชีวิตจริงคะ

    กราบขอบคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่เปิด DMC ซึ่งทำให้คนรักและสามัคคีกัน ชีวิตครอบครัวของลูกอบอุ่นและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี และได้เข้าใจวิถีการดำเนินชีวิตคะ