อารมณ์โกรธทำร้ายปอดและหัวใจ
และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพอีกมากมาย
เอเจนซี - พบความโกรธขึ้งและภาวะไม่เป็นมิตร ทำให้แก่เร็ว สร้างความเสียหายถาวรต่อร่างกาย นักวิจัยชี้คนที่ไม่สามารถควบคุมสติอารมณ์ได้ มีแนวโน้มที่จะมีปัญหาปอดเสื่อมสมรรถภาพ ทำให้หายใจลำบาก
ทีมนักวิจัยอเมริกันทำการศึกษาและติดตามผลอดีตทหารผ่านศึกชาย 670 คน และพบว่า ผู้ที่มีระดับความไม่เป็นมิตรสูง ระบบการทำงานของปอดมักมีประสิทธิภาพต่ำกว่าทหารผ่านศึกที่ชีวิตมีความสุข
นักวิจัยระบุในวารสารทอแรกซ์ของสมาคมแพทย์อังกฤษว่า การค้นพบนี้อาจช่วยพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการตรวจวินิจฉัยโรคปอดและยุทธศาสตร์การป้องกัน
การทดลองของนักวิจัยกลุ่มนี้แสดงให้เห็นว่า คนที่มีความโกรธขึ้งอยู่ตลอดเวลามีแนวโน้มแก่เร็วกว่าปกติ
ภาวะไม่เป็นมิตรและอารมณ์ฉุนเฉียวเกี่ยวพันกับปัญหาสุขภาพมากมาย กล่าวคือ ฮอร์โมนความเครียดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายที่มาพร้อมความโกรธ อาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ ปัญหาในการย่อย และปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ หรืออาการที่รุนแรงกว่า เช่น หอบหืด ซึมเศร้า โรคหัวใจ
สำหรับการศึกษาล่าสุด นักวิจัยกลุ่มนี้ศึกษาผู้ชายอายุระหว่าง 45-86 ปีจากโครงการศึกษาผู้สูงวัยของสำนักงานทหารผ่านศึกอเมริกัน โดยอาสาสมัครทั้งหมดจะถูกวัดระดับความไม่เป็นมิตรจากชุดแบบสอบถามในปี 1986 ซึ่งบ่งชี้ภาวะอารมณ์ในระยะยาว
อาสาสมัครยังถูกตรวจปอดในช่วงเวลาดังกล่าว และตรวจซ้ำรวมทั้งสิ้น 3 ครั้งภายในระยะเวลาติดตามผล 8 ปี
ดร.โรซาลินด์ ไรท์จากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยชี้ว่า กลุ่มที่มีระดับความไม่เป็นมิตรสูง สมรรถภาพการทำงานของปอดจะค่อนข้างต่ำตั้งแต่เริ่มการศึกษา และเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาอีกหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การที่สมรรถนะของปอดเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วนั้น มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในการเป็นโรคปอด เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และโรคหัวใจ รวมทั้งทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น
กระนั้น ดร.ไรท์ตั้งข้อสังเกตว่า การที่กลุ่มตัวอย่างเป็นอดีตทหารผ่านศึก ส่วนใหญ่ผิวขาวและเป็นชนชั้นล่างของสังคม จึงไม่สามารถนำการศึกษานี้ไปประยุกต์กับประชากรวงกว้างได้
ทั้งนี้ นักวิจัยเชื่อว่า อารมณ์โกรธและภาวะไม่เป็นมิตรอาจส่งผลต่อกระบวนการทางฮอร์โมนและระบบประสาท ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในระบบร่างกายของบางคน เช่น ในปอด
"บุคลากรด้านการรักษาพยาบาลควรตระหนักว่า ภาวะทางอารมณ์มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพปอด การศึกษานี้อาจเปลี่ยนรูปแบบในการตรวจหาปัจจัยเสี่ยง และอาจบ่งบอกถึงมาตรการป้องกันที่แตกต่าง เช่น การทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรม" ดร.ไรท์ระบุ
ดร.จอห์น มัวร์-กิลลอน ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด และโฆษกของบริติช ทอราสิก โซไซตี้ กล่าวว่างานศึกษาของฮาร์วาร์ดชิ้นนี้มีความน่าสนใจ
"ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงระหว่างความโกรธและภาวะไม่เป็นมิตรระยะยาว
ทีมนักวิจัยอเมริกันทำการศึกษาและติดตามผลอดีตทหารผ่านศึกชาย 670 คน และพบว่า ผู้ที่มีระดับความไม่เป็นมิตรสูง ระบบการทำงานของปอดมักมีประสิทธิภาพต่ำกว่าทหารผ่านศึกที่ชีวิตมีความสุข
นักวิจัยระบุในวารสารทอแรกซ์ของสมาคมแพทย์อังกฤษว่า การค้นพบนี้อาจช่วยพัฒนาวิธีการใหม่ๆ ในการตรวจวินิจฉัยโรคปอดและยุทธศาสตร์การป้องกัน
การทดลองของนักวิจัยกลุ่มนี้แสดงให้เห็นว่า คนที่มีความโกรธขึ้งอยู่ตลอดเวลามีแนวโน้มแก่เร็วกว่าปกติ
ภาวะไม่เป็นมิตรและอารมณ์ฉุนเฉียวเกี่ยวพันกับปัญหาสุขภาพมากมาย กล่าวคือ ฮอร์โมนความเครียดที่ถูกสร้างขึ้นอย่างต่อเนื่อง และการเปลี่ยนแปลงของระบบเผาผลาญอาหารในร่างกายที่มาพร้อมความโกรธ อาจนำไปสู่ภาวะความดันโลหิตสูง ปวดศีรษะ ปัญหาในการย่อย และปัญหาผิวหนัง เช่น ผิวหนังอักเสบ หรืออาการที่รุนแรงกว่า เช่น หอบหืด ซึมเศร้า โรคหัวใจ
สำหรับการศึกษาล่าสุด นักวิจัยกลุ่มนี้ศึกษาผู้ชายอายุระหว่าง 45-86 ปีจากโครงการศึกษาผู้สูงวัยของสำนักงานทหารผ่านศึกอเมริกัน โดยอาสาสมัครทั้งหมดจะถูกวัดระดับความไม่เป็นมิตรจากชุดแบบสอบถามในปี 1986 ซึ่งบ่งชี้ภาวะอารมณ์ในระยะยาว
อาสาสมัครยังถูกตรวจปอดในช่วงเวลาดังกล่าว และตรวจซ้ำรวมทั้งสิ้น 3 ครั้งภายในระยะเวลาติดตามผล 8 ปี
ดร.โรซาลินด์ ไรท์จากคณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ซึ่งเป็นผู้นำการวิจัยชี้ว่า กลุ่มที่มีระดับความไม่เป็นมิตรสูง สมรรถภาพการทำงานของปอดจะค่อนข้างต่ำตั้งแต่เริ่มการศึกษา และเสื่อมสภาพลงเรื่อยๆ
ขณะเดียวกัน ผลการศึกษาอีกหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่า การที่สมรรถนะของปอดเสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วนั้น มีความเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มมากขึ้นในการเป็นโรคปอด เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) และโรคหัวใจ รวมทั้งทำให้อัตราการเสียชีวิตสูงขึ้น
กระนั้น ดร.ไรท์ตั้งข้อสังเกตว่า การที่กลุ่มตัวอย่างเป็นอดีตทหารผ่านศึก ส่วนใหญ่ผิวขาวและเป็นชนชั้นล่างของสังคม จึงไม่สามารถนำการศึกษานี้ไปประยุกต์กับประชากรวงกว้างได้
ทั้งนี้ นักวิจัยเชื่อว่า อารมณ์โกรธและภาวะไม่เป็นมิตรอาจส่งผลต่อกระบวนการทางฮอร์โมนและระบบประสาท ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกันและทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรังในระบบร่างกายของบางคน เช่น ในปอด
"บุคลากรด้านการรักษาพยาบาลควรตระหนักว่า ภาวะทางอารมณ์มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพปอด การศึกษานี้อาจเปลี่ยนรูปแบบในการตรวจหาปัจจัยเสี่ยง และอาจบ่งบอกถึงมาตรการป้องกันที่แตกต่าง เช่น การทำจิตบำบัดแบบปรับความคิดและพฤติกรรม" ดร.ไรท์ระบุ
ดร.จอห์น มัวร์-กิลลอน ผู้เชี่ยวชาญด้านปอด และโฆษกของบริติช ทอราสิก โซไซตี้ กล่าวว่างานศึกษาของฮาร์วาร์ดชิ้นนี้มีความน่าสนใจ
"ดูเหมือนจะมีความเชื่อมโยงระหว่างความโกรธและภาวะไม่เป็นมิตรระยะยาว
กับการเสื่อมสมรรถภาพของปอด ไม่ว่าการเสื่อมสภาพนั้นจะเกิดจากอารมณ์ หรือเกิดจากปัจจัยที่ 3 ที่ยังไม่อาจทราบได้ก็ตาม แต่งานวิจัยนี้ได้สะท้อนว่า มีการรับรู้เพิ่มขึ้นถึงความเกี่ยวโยงใกล้ชิดระหว่างจิตใจกับร่างกาย ซึ่งในอนาคตเราอาจได้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น"
ที่มา-