มีอะไรให้ดูก็ดูไป เหมือนดูละคร


[ 8 ม.ค. 2552 ] - [ 18264 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรประกายดาว มณีกิตติกร
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพรักอย่างสูงค่ะ
 
    ลูกชื่อ ประกายดาว มณีกิตติกร อายุ 20ปี เรียนอยู่คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฎนครปฐม ชั้นปีที่3 ค่ะ
 
    ลูกต้องช่วยเตี่ยกับคุณแม่ทำงาน และช่วยท่านขายผักมาตั้งแต่ 10ขวบค่ะ เพราะที่บ้านมีอาชีพปลูกผักสวนครัวขาย ทำให้จากเดิมที่เป็นคนขี้อาย ไม่กล้าพูด ไม่สู้คน ตอนนี้กลายเป็นคนกล้าหาญ พูดเก่ง มนุษย์สัมพันธ์ดีไปแล้วค่ะ เหมือนคำโบราณที่ว่า สถานการณ์สร้างวีรบุรุษ แต่ลูกขอเป็นวีรสตรีนะคะ เป็นวีรสตรีที่เก่งและดีแห่งกองทัพธรรมค่ะ
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อ...คะ ลูกได้รู้จักวัดพระธรรมกาย จากการเข้าค่ายอบรมคุณธรรมผาสุกวนิช ที่วัดพระธรรมกายจัดอบรมให้ ลูกรู้สึกประทับใจค่ายนี้ จนทำให้ลูกอยากมาวัดมากๆ แต่ก็ไม่รู้จะมาอย่างไร จะให้ใครพามา จนกระทั่งวันหนึ่ง เพื่อนชื่อ เล็ก ที่เขามาวัดพระธรรมกายอยู่แล้ว ได้มาซื้อผักที่ร้าน ลูกจึงมีโอกาสถามเขาถึงเรื่องวัด และขอนั่งรถตู้มาวัดกับเขาด้วย
 
    พอมาถึงเท่านั้นแหละค่ะ ลูกรู้สึกตะลึงในความเป็นระบบระเบียบ ความสะอาด ความสงบร่มเย็นของวัดมากๆ แล้วที่ตะลึงมากไปกว่านั้น เมื่อลูกได้เห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อครั้งแรก ลูกอึ้งไปเลยค่ะ ไม่รู้ทำไมเขาไม่เรียกพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า หลวงพี่ เพราะพระเดชพระคุณหลวงพ่อดูสดใส มีผิวพรรณที่เปล่งประกายขนาดนี้ น้ำเสียงก็ไพเราะประดุจเสียงที่มาจากสวรรค์ จึงทำให้ลูกประจักษ์ด้วยตนเองแล้วว่า นี่แหละ คือ อานิสงส์จากการนั่งสมาธิ ที่สามารถเห็นได้ด้วยตาเนื้อ เพราะความสว่างของธรรมะภายใน มีผลออกมาสู่ร่างกายภายนอกแบบนี้นี่เอง
 
    ต่อมา อ.จันทนา พงษ์สิทธิกาญจนา ก็ได้มาชวนลูกไปค่ายนั่งสมาธิสบายมายแคมป์ ที่ทางวัดจัด ทำให้ลูกอยากมามากๆ แต่เตี่ยกับคุณแม่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ลูกไปค่ายนี้ เพราะกลัวถูกล้างสมอง ลูกพยายามให้เหตุผลสารพัด จนในที่สุดท่านทั้งสองก็ต้องยอมให้ไปแบบเสียไม่ได้
 
    วันแรกที่ลูกไปค่าย ลูกนั่งสมาธิสุดจะเมื่อย แถมยังนึกลูกแก้วไม่ออก พระอาจารย์จึงบอกว่า ให้นึกอะไรก็ได้ที่เราชอบ ลูกก็เลยนึกลูกมะพร้าว พอได้มองในสิ่งที่เราชอบ ใจจึงนิ่งอยู่กับมันได้นานไม่ฟุ้ง จนกระทั่งพบความเบาสบายมาถึงช่วงหลังทำวัตรเย็น ซึ่งลูกก็ได้ประคองใจไว้กับมะพร้าว จนกระทั่งได้ยินเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อนำนั่งสมาธิ จากซีดีเท่านั้นแหละค่ะ อยู่ๆลูกมะพร้าวก็เปลี่ยนเป็นดวงกลมๆ ใสๆ สว่างเย็นตาที่กลางท้อง
 
    ลูกมองไปเรื่อยๆ จนรู้สึกตัวเบา เหมือนลอยอยู่ในอวกาศในสภาพไร้น้ำหนัก ในที่โล่งๆกว้างๆ แขนและมือหายไปหมด เมื่อลูกเห็นดวงแก้วจนเริ่มอยู่ตัวแล้ว ลูกก็เริ่มจะเพ่งค่ะ แต่ทันใดนั้นเอง เสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อจากซีดี ก็พูดขึ้นทันทีราวกับมีปาฏิหาริย์ว่า อย่าไปเพ่ง ให้ดูไปเฉยๆ มีอะไรให้ดูก็ดูไป เหมือนดูละคร
 
    อานุภาพของเสียงพระเดชพระคุณหลวงพ่อนี่แรงจริงๆนะคะ มีพลังน่าเชื่อถืออย่างบอกไม่ถูก จนลูกรู้สึกเหมือนพระเดชพระคุณหลวงพ่อมานั่งอยู่ตรงหน้าจริงๆ ทำให้ลูกสามารถปล่อยใจตามเสียงของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไปอย่างเบาสบาย
 
    ในวันที่สามของการนั่งสมาธินี่เอง ใจของลูกสบายจนถึงระดับที่ดวงแก้วของลูก ค่อยๆขยายขึ้นได้เอง พอมองเข้าไปกลางดวง ก็มีดวงใหม่ผุดขึ้นเป็นดวงต่อๆกัน ลูกรู้สึกปีติเบิกบาน อารมณ์สบายยิ้มอย่างมีความสุขได้ทั้งวันเลยค่ะ
 
    หลังจากลูกกลับจากค่ายนี้ ลูกได้บอกเตี่ยกับคุณแม่ว่า “เอาบุญมาฝาก” แล้วก็นั่งลงกราบท่าน ขออโหสิกรรมที่ลูกเคยทำอะไรไม่ดีไว้กับท่านทั้งหมด และกราบขอบพระคุณที่ท่านให้ลูกเกิดมา เพื่อพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ซึ่งท่านทั้งสองก็อึ้งไปเลยค่ะ เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ ตื้นตันจนน้ำตาไหลออกมา จากนั้นเตี่ยก็ให้พรลูกว่า “ให้ลูกเรียนเก่งๆ มีสุขภาพแข็งแรง ประสบความสำเร็จในทุกด้าน”
 
    เมื่อเตี่ยพูดอย่างนี้ ลูกก็อึ้งบ้างค่ะ เพราะตั้งแต่ลูกเกิดมาจนอายุ 20ปี ก็เพิ่งเคยได้ยินเตี่ยพูดดีๆกับลูกก็คราวนี้แหละค่ะ เพราะปกติเตี่ยมักจะตำหนิว่า ลูกชอบเถียง แต่จริงๆลูกไม่ได้เถียงแต่ลูกกำลังชี้แจงแสดงเหตุผลให้ท่านฟัง แต่ท่านไม่เข้าใจ แต่วันนี้...เป็นวันที่ครอบครัวของเราเข้าใจกัน และก็เกิดความรู้สึกที่ดีต่อกันอย่างที่สุด จนทำให้ลูกเข้าใจประโยคที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อกล่าวว่า พรุ่งนี้โลกก็เปลี่ยนแปลงแล้ว ได้อย่างลึกซึ้งขึ้น เพราะแค่ลูกนั่งสมาธิ ครอบครัวชองลูกยังเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้เลยค่ะ
 
    จากเหตุการณ์นี้ จึงทำให้ลูกสามารถขอต่อวีซ่า ไปค่ายฝึกสมาธิ Meditation for you (M4U) ได้อีก ซึ่งคราวนี้เตี่ยไม่ห้ามและไม่ว่าอะไรเลย แถมอวยพรให้ลูกเดินทางโดยสวัสดิภาพ พร้อมกับให้ค่าสวัสดิการอีกด้วยค่ะ
 
    การไปค่ายในครั้งที่สองนี้ เป็นการต่อยอดจากการฝึกสมาธิครั้งที่แล้ว แต่ครั้งนี้ พระอาจารย์ได้นำองค์พระองค์เล็กๆมาให้ดู และให้นึกเป็นนิมิตไว้กลางท้อง ซึ่งลูกก็นึกได้ง่ายมาก นึกได้ชัดมากกว่าลืมตาเห็น ใสสว่างมาก และสามารถทำความรู้สึกได้เหมือนตัวเราเป็นองค์พระ องค์พระเป็นเราได้ตลอดเวลา จนใจนิ่งแน่น
 
    จนถึงช่วงที่พระอาจารย์นำแผ่เมตตา ลูกก็แผ่เมตตาให้อาก๋งและอาม่า ตอนนั้นใจของลูกสบายอย่างบอกไม่ถูก เหมือนตัวของลูกไหลวูบลงไปกลางท้องอย่างนุ่มนวล แล้วก็เหมือนตกไปอยู่ในที่มืด แล้ววูบขึ้นมา มองเห็นเป็นดวงสว่างมากเป็นแสงสว่างที่นวลตาเย็นใจ พอมองต่อไปก็เห็นองค์พระผุดขึ้นเรื่อยๆ เห็นเป็นองค์พระสลับกับดวง มีความสุขอย่างที่ไม่เคยเป็น
 
    จนทำให้ลูกมาเข้าใจสัจธรรมที่ว่า เมื่อก่อนเราพยายามวิ่งหาความสุข แต่ยิ่งวิ่งหาความสุขก็ยิ่งไกลออกไป แต่เมื่อนั่งสมาธิแล้ว ความสุขจะเข้ามาหาเราเอง และความสุขจะอยู่กับเราตลอดไป เพราะเรากลายเป็นแหล่งผลิตความสุข แถมยังมีความสุขอย่างเหลือเฟือ ที่สามารถแบ่งบันให้ผู้อื่นได้อย่างไม่รู้จบอีกด้วยค่ะ
 
    สุดท้ายนี้ ลูกขอกราบถวายคำอวยพรให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อ มีสุขภาพแข็งแรง อยู่ทำวิชชาและสอนลูกๆไปนานๆ และที่สำคัญขอให้พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุ่มแบบนี้นานนับพันปีเจ้าค่ะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพรักอย่างสูงค่ะ
 
ลูก...ประกายดาว มณีกิตติกร


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
ผลจากการทำการบ้าน 10 ข้อผลจากการทำการบ้าน 10 ข้อ

อะไร...จะง่ายขนาดนั้นอะไร...จะง่ายขนาดนั้น

ธรรมทายาท ณ วัดพระธรรมกายซิดนีย์ธรรมทายาท ณ วัดพระธรรมกายซิดนีย์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ