ผลปฏิบัติธรรม
กัลยาณมิตร จั่น หู เซิน และครอบครัว
(ชาวเวียดนามในออสเตรีย)
ผมชื่อ จั่น หู เซิน อายุ 46 ปี ภรรยาของผมชื่อ จั่น ถิ เงิน ฮัว เราเป็นชาวเวียดนามอยู่ในออสเตรียได้ 25 ปีแล้วครับ ที่นี่มีชาวเวียดนามอยู่ร่วม 200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่เราใช้ภาษาเยอรมันสื่อสารกัน ผมมีลูก 2 คน เมื่อก่อนนี้มีผมคนเดียวในบ้านที่นับถือศาสนาพุทธ เพราะทางญาติของภรรยานับถือศาสนาคริสต์อยู่แล้ว ลูกๆก็นับถือตามภรรยา
ก่อนหน้านี้ผมเคยบวชเป็นสามเณรตั้งแต่ 7 ขวบ บวชจนกระทั่งอายุ 20 ปี จึงบวชเป็นพระอีก 1 พรรษา ต่อมา หลังภาวะสงครามเวียดนาม ทางบ้านทั้งพ่อและแม่ก็ประสบปัญหาด้านการเงิน ยากจนข้นแค้น ผมจึงตัดสินใจลาสิกขามาช่วยทางบ้านจนกระทั่ง ได้แต่งงานมีครอบครัว และมัวแต่วุ่นวายอยู่กับการทำมาหากิน จึงทำให้ห่างเหินกับพระพุทธศาสนา ห่างวัดห่างวาไปเนิ่นนาน จนแม่ผมต่อสายตรงมาจากเวียดนามเตือนสติผมว่า “ไปวัดบ้างนะลูก” แต่ตอนนั้นผมเหมือนคนที่หลับใหลไม่ได้ใส่ใจกับถ้อยคำของท่านเลยสักนิด
แต่ด้วยเดชะบุญที่ยังพอมีอยู่บ้าง วาระแห่งการตื่น จึงเวียนมาถึง เหตุเกิดขึ้นเมื่อ มกราคม พ.ศ.2549 ภรรยาของผมกลับไปเยี่ยมบ้านที่เวียดนาม ทิ้งให้ผมหงอยเหงา เฝ้าบ้านอยู่คนเดียว มี TV เป็นเพื่อน เพราะที่บ้านติดดาวเทียมซึ่งดูได้ถึง 800 ช่อง ผมก็กดจูนหาคลื่นแก้เหงาไปเรื่อยๆ คิดประชดตัวเองแบบขำๆว่า ตราบใดที่ยังไม่เจอกับความสุขที่แท้จริงของชีวิตก็ต้องจูนหากันต่อไป แล้วผมได้พบจริงๆ ผมประหลาดใจมาก เมื่อพบกับคลื่น DMC เห็นพระซึ่งมีใบหน้าผ่องใสนั่งเทศน์อยู่ รู้สึกท่านพูดดีมากๆ น้ำเสียงมีเมตตา ทำให้หัวใจผมเบ่งบาน ฟังเพลินจนลืมความเหงาไปเลยครับ
หลังจากได้ฟัง พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผมก็ตื่นจากความหลับใหล เหมือนดอกคุณชายตื่นสายต้องแสงตะวัน ผมจึงโทรศัพท์บอกกับแม่ว่า “แม่ครับตอนนี้ผมตื่นแล้ว ผมหลับไปนาน 20 ปี” แม่ผมบอกว่า “ดีแล้ว ตื่นตอนเป็นๆแบบนี้ยังไม่สาย แต่ถ้าตื่นตอนตายสิจะแย่”
แล้วผมชวนให้ภรรยาดู DMC ด้วย แม้เธอเคร่งศาสนามาก แต่เธอก็เป็นนางฟ้าที่มีปัญญา หัวใจเปิดกว้าง 360 องศา เมื่อเธอฟังเรื่องราวพระพุทธศาสนา ฟังไปเธอก็สังเกตและพินิจพิจารณาไป พิจารณาแล้ว เธอได้ข้อสรุปว่า ความเข้าใจดั้งเดิมที่เคยได้รู้นั้น ไม่สมบูรณ์เพียงพอที่จะใช้แก้ปัญหา และให้คำตอบกับชีวิตได้ เธอจึงยึดคติ คิดผิดคิดใหม่ เมื่อคิดได้แล้วต้องทำให้ถูก ต่อมาเธอและลูกๆ จึงตัดสินใจหันมาเป็นชาวพุทธครับ
ผมดู DMC แล้วประทับใจทั้งหมดเลยตั้งแต่ Case study ผลการปฏิบัติธรรมของคนในโลกนี้ พอฟังผลปฏิบัติธรรมแล้วมีแรงบันดาลใจมากขึ้น ผมจึงหาเวลานั่งสมาธิอย่างสม่ำเสมอ โดยการหลับตาเบาๆ ภาวนา สัมมา อะระหัง ไปเรื่อยๆ ทำตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนทาง DMC ที่บอกว่า ให้นึกดวงแก้วหรือองค์พระก็ได้ไว้ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7
พอนึกไปเรื่อยๆ ก็เหมือนกับว่า ในท้องของเราป่อง แล้วก็มีดวงแก้วลอยขึ้นมา ผมรู้สึกสงบนิ่งและมีความสุข หรือถ้าผมกำลังทำงานผมก็ทำการบ้านที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อบอก 1 ชั่วโมง ขอ 1 นาทีสำหรับนึกดวงแก้วองค์พระ ผมนึกได้อย่างง่ายๆ ซึ่งประสบการณ์ดังกล่าวผมไม่ทราบว่า เป็นความรู้สึกนึกคิดหรือความเห็น อันนี้เป็นปัญหาที่ผมอยากขอคำปรึกษาจากพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า ผมจะจัดการกับความคิดนี้อย่างไรดีครับ
แต่สิ่งที่ผมได้จากการนั่งสมาธิคือ ผมรู้สึกสงบนิ่งและเป็นคนใจเย็นขึ้น ผมว่า การให้ใจได้หยุดเป็นความสุขอันวิเศษ โลกที่วุ่นวายอยู่นี้เพราะคนยังไม่หยุด ถ้าหยุดหมดเลยจริงๆโลกนี้จะมีสันติสุข ถ้าคนไหนหยุดใจได้ก็เป็นคนที่บริสุทธิ์ ครับ
ตั้งแต่ได้พบกับ DMC ครอบครัวของผมมีความสุขร่มเย็นมากครับ
ลูกชายคนโตของผม ชื่อ จั่น หู วัน มิคาเอล อายุ 21 ปี กำลังเรียนแพทย์อยู่ที่มหาวิทยาลัยในกรุงเวียนนา เขาติดตามดู DMC อยู่เป็นประจำ ตอนนี้ไปบวชที่ วัดพุทธเอ้าสบวร์ก ยังไม่ลาสิกขาเลยครับ
ส่วนลูกสาวชื่อ จั่น ลาน จี มาเรีย อายุ 18 ปี เมื่อก่อนมักเอาแต่ใจ ชอบเที่ยว และดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตั้งแต่รู้จัก DMC เธอหักดิบเลิกดื่ม ตอนนี้เธอเป็นเหมือนดอกไม้ที่งดงาม ยิ้มแย้มแจ่มใส และมีวาจาไพเราะครับ
นอกจากนี้ ผมยังได้ทำหน้าที่บอกบุญเพื่อนๆ ให้สร้างองค์พระ บอกไปเรื่อยๆไม่คิดอะไรมากมาย คิดเพียงแค่ว่า พูดด้วยความจริงใจ พูดแล้วได้บุญก็พูดไป และผมยังได้ทำหน้าที่แปล Case study เป็นภาษาเวียดนามด้วยครับ ซึ่งเป็นบุญที่ผมปีติมากๆ ที่ได้มีโอกาสรับใช้งานพระพุทธศาสนา
ผมขอกราบแทบเท้า พระเดชพระคุณหลวงพ่อ ที่ทำให้ผมตื่นขึ้นมาในเส้นทางธรรมอีกครั้ง และจะไม่ขอหลับอีกแล้ว ครอบครัวผมชอบดูพระเดชพระคุณหลวงพ่อสอนมากๆ เวลาพระเดชพระคุณหลวงพ่อยิ้ม ผมก็จะเผลอยิ้มตามไปด้วยทุกที ถ้าผมมีวาสนาผมจะไปกราบพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เมืองไทยครับ
Desktop Version
