โดนผีหลอก


[ 5 ก.ค. 2547 ] - [ 18275 ] LINE it!

CASE  STUDY
โดนผีหลอก
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
 

กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง 

        บ้านของลูกอยู่ จังหวัดนครศรีธรรมราช ตั้งอยู่โดดๆ ท่ามกลางบรรยากาศป่าช้าจีนที่มีฮวงซุ้ยหลายร้อยหลุมโอบล้อม เงียบสงัดในยามกลางวัน และวังเวงในยามกลางคืน เรื่องราวของลูกจึงเกี่ยวพันกับเรื่องผีๆ ที่ลูกก็รู้สึกงงๆ ในชีวิต
 
    คุณพ่อ อพยพมาจากประเทศจีน แบบเสื่อสักผืนหมอนสักใบก็ยังไม่มี  คุณพ่อยึดมั่นในประเพณี เซ่นไหว้เจ้าที่ ด้วยเหล้า เป็ด และไก่ ที่ต้องฆ่าเอง   คุณพ่อต้องไปทำพิธีต่ออายุที่ศาลขุนพลจีน โดยต้องไปจุดธูป 9 ดอก บูชาที่ศาลนั้น  ทุกๆวันพระ  บางครั้งที่คุณพ่อลืม ก็จะป่วยหนักเกือบจะเสียชีวิต คุณแม่ ก็จะคอยเตือนให้ไปจุดธูปที่ศาลเจ้า อาการป่วยก็หายไปทันที   
 
    คุณพ่อเสียชีวิตปี พ.ศ.2542 ทำกงเต๊กเซ่นไหว้ด้วยการเชือดหมู ไก่ เป็นๆต่อหน้าศพ เมื่อทำพิธีฝังศพเสร็จ พี่สาวคนที่ห้า  มีอาการเหมือนถูกผีเข้า  นั่งร้องอยู่ข้างฮวงซุ้ย  บอกว่า “ไปไหนไม่ถูก มืดไปหมด” เมื่อหายเป็นปกติ พี่สาวบอกว่า “วูบไป จำอะไรไม่ได้เลย”
 
    พี่สาวคนที่สาม อาจารย์ไล่ผีของจีนที่เรียกว่า “ไซฮู้” บอกว่าพี่สาวคนนี้มีผีสิงอยู่เยอะมาก เมื่อไล่ผีอื่นออก คุณพ่อก็เข้าไปสิงโดยบอกว่าที่เข้าๆ ออกๆ มาอาศัยร่างพี่สาวคนนี้เพราะห่วงลูกหลาน และคอยควบคุมผีทั้งป่าช้าไม่ให้มารบกวน พร้อมทั้งบอกว่าตัวเองเป็น “เจ้าเปลว” แปลว่า “จ้าวป่าช้า” หรือ “หัวหน้าผี”
 
    วันที่  11  มีนาคม  พ.ศ.2547  พี่สาวคนที่สาม โทรศัพท์มาหาลูก เสียงนั้นอ้างว่าเป็นคุณพ่อ  บอกให้รีบกลับวัดพระธรรมกายเร็วที่สุด  บอกว่า ถ้าลูกอยู่เขาจะร้อนมาก    พอลูกกลับมาถึงวัด  ได้คุยโทรศัพท์กับพี่สาว  พี่สาวบอกว่า ลูกถูกผีอื่นที่ไม่ใช่คุณพ่อหลอกให้กลับวัด  หลังจากวันนั้น  ระหว่างที่ลูกอยู่ที่วัด พี่สาวคนนี้ก็โทรศัพท์หาลูกด้วยเสียงที่เหมือนคุณพ่อ พูดภาษาจีนสำเนียงแบบคุณพ่อ  จนลูกงงไปหมดว่า อันไหนคุณพ่อจริง อันไหนผีหลอก 
 
    ส่วนเรื่องของคุณแม่  คุณแม่ มักพาลูกๆไปทำบุญที่วัดใกล้บ้าน ลูกได้ติดจานดาวธรรมให้ท่านดู ทำให้คุณแม่เข้าใจเรื่องบุญและวัดพระธรรมกายมากขึ้น คุณแม่ป่วยเป็นเส้นเลือดในสมองตีบ จนเดินไม่ได้ต้องนอนพักรักษาที่โรงพยาบาลประมาณ 2 เดือน และเสียชีวิตในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2547
 
    วันที่ 7 มีนาคม  พ.ศ.2547 (คุณแม่เสียชีวิตครบ 7 วัน พี่สาวคนที่ห้า มีอาการเหมือนถูกเข้าสิง ทำท่าทางเหมือนคุณแม่ทุกอย่าง ได้เรียกลูกเข้าไปหาบอกว่า คุณแม่อยากจะกลับบ้าน แต่ยังไปไม่ได้เพราะยังห่วง กลัวว่าลูกๆจะไม่สามัคคีกัน ลูกจึงบอกให้ท่านนึกถึงบุญ ท่านขอภาพพระธรรมกายสีทองมาดู แล้วยกมือสาธุ ลูกหยิบเงิน 1,000 บาทใส่มือของพี่สาวที่ถูกแม่สิง ให้อธิฐานจิตทำบุญสามแสนปลื้ม พออธิษฐานเสร็จ คุณแม่ในร่างพี่สาวก็ไม่ให้เงินนั้น แต่กลับบอกให้ล้วงเอาเงินที่กระเป๋าด้านหลังของพี่สาว  ปรากฏว่ามีเงินอยู่  40,000 บาท ให้เอาไปทำบุญ
 
    ลูกขอร้องให้คุณแม่ไปที่อยู่ใหม่ของท่าน  และบอกให้คุณแม่ไปเวียนประทักษิณที่รอบมหาธรรมกายเจดีย์  สักพักพี่สาวก็มีอาการเหมือนคนเพิ่งตื่นนอนถามงงๆว่า “เกิดอะไรขึ้น” แล้วพี่สาวคนก็รีบกลับบ้านที่ชุมพรทันที ด้วยความกลัว
 
    เย็นวันเดียวกัน  พี่สาวคนเดิมโทรศัพท์จากชุมพรมาหาลูก ซึ่งยังอยู่บ้านที่นครศรีธรรมราช เสียงในโทรศัพท์เป็นเสียงของคุณแม่ชัดเจนมาก บอกให้ลูกช่วยว่า “อยากจะกลับเต็มทีแล้ว แต่มันมืดมองไม่เห็นอะไรเลย อยากไปก่อนเที่ยงคืน แต่ยังไปไม่ได้” ลูกตกใจ ขนลุก ใจสั่น แต่ทำใจกล้าถามไปว่า “ที่ลูกบอกให้ไปเวียนประทักษิณรอบเจดีย์  แม่ยังไม่ไปหรือ”  เสียงแม่ตอบว่า “ไปแล้ว เห็นองค์พระจารึกชื่อตัวเองด้วย แต่ทำอะไรไม่ถูก  นึกถึงบุญไม่เป็นจึงกลับมาอีก”  ลูกเลยบอกท่านว่าช่วง  6  โมงเย็น จะมีการบูชาเจดีย์  ให้ท่านไปยืนหน้าเจดีย์แล้วเดินเวียนขวารอบเจดีย์จนกว่าจะนึกบุญได้ และให้นึกถึงบุญสามแสนปลื้มที่แม่ทำเองในวันนี้  40,000 บาท  จากนั้น สามเณรหลานชายก็ช่วยสวดมนต์บทอิติปิโส นำแม่เวียนประทักษิณรอบเจดีย์ทางสายโทรศัพท์ สักพักใหญ่โทรศัพท์ก็ตัดสายไป ลูกโทรศัพท์กลับไปหาพี่สาวอีกครั้ง ปรากฏว่า พี่สาวเป็นปกติแล้ว
 
    ค่ำวันนั้น ไฟฟ้าก็ดับ ดาวธรรมเปิดไม่ได้ ลูกจึงชวนเพื่อนของหลานให้อยู่กันก่อน รวมทั้งสามเณร รวมเป็น 8 คน ท่ามกลางความมืด พวกเราจุดเทียนนั่งล้อมรอบโต๊ะซึ่งวางรูปถ่ายของคุณแม่ บรรยากาศเงียบวังเวงน่ากลัว  ลูกพูดลอย ๆชวนคุณแม่อาราธนาศีล นั่งสมาธิ พอนั่งสมาธิได้สักพัก  เพื่อนของหลานบอกเห็นคุณแม่เดินเข้ามา เขาตกใจมาก สักพักใหญ่สามเณรหลานก็มีอาการตกใจสุดขีด หายใจไม่ออก บอกว่า “เห็นเงาดำยืนอยู่ด้านหลัง คอยจ้องเข้าสิง” ทุกคนกลัวมากนำพระมาติดตัวไว้คนละหลายองค์ พยายามแข็งใจไม่ให้หลับ สวดมนต์สลับกับนึกถึงพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระเดชพระคุณคุณยายอาจารย์ 
 
    เพื่อนของหลานแนะว่าให้สามเณรหลานชายขอขมายาย (คุณแม่ของลูก) เพราะเคยล่วงเกินท่านไว้ตอนยังเป็นเด็ก ถ้ายายยกโทษให้ ขอให้มีเสียงจิ้งจกทักดังๆ ปรากฏว่าขอขมาเสร็จจิ้งจกก็ทักเสียงดังมาก จนทุกคนหันมามองหน้ากัน พวกเรารอคอยด้วยใจระทึกให้เวลาผ่านไปจนถึงเที่ยงคืน ก็นึกโล่งใจว่าคุณแม่คงเดินทางโดยปลอดภัยแล้ว
 
คำถาม
 
1. การทำพิธีต่ออายุของคุณพ่อที่ศาลขุนพลจีน เป็นเรื่องจริงไหมคะ ทำไมเมื่อคุณพ่อลืมจุดธูปบูชา คุณพ่อก็จะป่วยหนักเกือบเสียชีวิต  เมื่อไปจุดธูปก็หายคะ  
 
2. คุณพ่อตายแล้วไปไหนคะ  เป็นจ้าวป่าช้าจริงหรือไม่   ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้ไหมคะ
 
3. คุณพ่อได้มาสิงพี่สาวคนที่สาม จริงไหมคะ  ลูกถูกผีหลอกลวงให้กลับวัดจริงไหมคะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
 
4. คุณแม่ตายแล้วไปไหน วิบากกรรมอะไรทำให้ท่านเป็นเส้นเลือดสมองตีบ ได้รับบุญที่ลูกอุทิศให้ไหมคะ  
 
5. ที่พี่สาวคนที่ห้า มีอาการเหมือนคุณแม่เข้าสิงเป็นเรื่องจริงไหมคะ การที่คุณแม่เข้าสิงพี่สาวแล้วทำบุญสามแสนปลื้ม ท่านจะได้บุญเต็มที่ไหมคะ เพราะเป็นเงินของพี่เขยให้พี่สาวเอาไว้ใช้จ่าย
 
6. ในวันฝังศพคุณแม่ พี่สาวคนที่สาม ก็มีอาการเหมือนถูกสิง สั่งให้รื้อศาลพระภูมิโดยไม่ถูกหลักวิชา  มีผลอย่างไรบ้างคะ
 
7. พี่สาวคนที่สาม และคนที่ห้า มีวิบากกรรมอะไร ผีจึงชอบเข้าสิง ปัจจุบันพี่สาวคนที่สาม เริ่มมีอาการป่วยทางจิต  ต้องแก้ไขอย่างไรจึงจะพ้นวิบากกรรมนี้คะ
 
8. เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 7 มีนาคม พ.ศ.2547 นั้น เป็นเรื่องจริงหรือไม่ เงาดำที่จ้องจะเข้าสิงสามเณรในคืนนั้นคืออะไร จิ้งจกที่ทักเสียงดังตอนสามเณรขอขมานั้นเป็นเรื่องบังเอิญหรือว่าคุณแม่อโหสิกรรมให้คะ   
 
9. ทำไมครอบครัวของลูกจึงต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องผี ลูกมีวิบากกรรมอะไร จึงต้องมาเกิดในครอบครัวที่เชื่อในเรื่องผีเช่นนี้     ลูกควรจะชี้แนะหมู่ญาติอย่างไร ให้พวกเขามีความเลื่อมใสในพระรัตนตรัย 
 
10. ลูกและสามเณรหลานชาย เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะอย่างไรบ้างคะ
 
กราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่ออย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วนำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากัน นะจ๊ะ
 
1. การทำพิธีต่ออายุของคุณพ่อที่ศาลขุนพลจีนนั้น เป็นความเชื่อของท่าน แต่ความจริงเป็นเรื่องของกรรม ที่ท่านได้ฆ่าสัตว์เพื่อเซ่นไหว้ ได้ตามมาทัน คุณพ่อจึงมีอาการดังกล่าว ส่วนภูตผีที่ศาลนั้น แค่เสริมเล็กน้อย
 
 
  • ที่คุณพ่อจุดธูปบูชาแล้วหาย หากไม่จุดธูปบูชาไม่หาย เพราะกรรมเก่าของคุณพ่อ บันดาลให้ภุมมเทวาที่ศาลนั้นเบียดเบียนได้ (ต้องมีวิบากกรรมจึงถูกเบียดเบียนได้ หากไม่มีวิบากกรรม ภุมมเทวาเหล่านั้น ไม่สามารถเบียดเบียนได้ บุญจะคุ้มไว้)
  • เมื่อจุดธูปแล้วทำให้ภุมมเทวาเหล่านั้นหายขุ่นมัว พวกเขาก็เลิกเบียดเบียน แต่กรรมเป็นเรื่องหลัก นอกนั้นก็เป็นเรื่องรองลงมา
 
 
2. คุณพ่อตายแล้ว ไปเป็นภุมมเทวาชั้นล่าง หรือจะเรียกว่า “หัวหน้าผี” แถวนั้น หรือ “จ้าวป่าช้า” ก็ได้ แต่เป็นลูกน้องของจ้าวที่ศาลขุนพลจีนนั้น
  • ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้แล้ว แต่ท่านยังไม่ค่อยเข้าใจนัก เพราะท่านเชื่อเรื่องจ้าว เรื่องผี  มาก จึงยังรับบุญได้ไม่เต็มที่ ทำให้ท่านมีสภาพดีขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย แต่ยังไม่พ้นกรรมจากตรงนั้น
 
 
3. คุณพ่อ มาสิงพี่สาวคนที่สามจริง ด้วยวิบากกรรมของพี่สาวที่เคยเป็นร่างทรง และมีเศษกรรมสุราในอดีต เมื่อโดนเข้าสิงบ่อยๆ จึงทำให้ร่างกายอ่อนแอ สติสัมปชัญญะอ่อน กรรมสุราจึงเข้าแทรก ทำให้มีอาการทางประสาทไปด้วย
 
 
  • พวกที่มาเข้าสิงนี้ จะกลัวผู้มีศีลมีธรรม จะหาทางให้ออกห่างจากพวกตน กล่าวง่ายๆก็คือ ลูกโดนผีหลอกให้กลับวัด ส่วนที่คุณพ่อไปเป็นอย่างนั้น ก็เพราะคุณพ่อมีความนับถือสิ่งเหล่านี้ จึงมีความผูกพัน
 
 
4. กรรมที่มีส่วนในการฆ่าสัตว์กับคุณพ่อ ทำให้คุณแม่เป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ เป็นอัมพาต
 
 
  • คุณแม่ ตายใหม่ๆ ยังสับสนหาทางไปไม่ถูก เพราะติดความเชื่อเรื่องผี เรื่องจ้าว มาก่อน เพิ่งจะมารู้เรื่องบุญเรื่องบาปได้ไม่นาน จึงไม่ค่อยจะมีความเข้าใจเท่าไหร่
 
 
5. คุณแม่มาเข้าสิงพี่สาวคนที่ห้าจริง เพราะก่อนที่คุณแม่จะมาเข้าใจเรื่องบุญ ก็มีความเชื่อเหมือนคุณพ่อมาก่อนดังกล่าว จึงทำให้เป็นวิบากมาดึงเอาไว้ ถึงแม้ว่าช่วงท้ายจะพยายามทำตามหลักวิชชาก็ตาม แต่กรรมเก่ามาบังเอาไว้ ใน 7 วันแรกจึงทำให้คุณแม่สับสน วนเวียนอยู่แถวนั้น หาทางไปไม่ได้
  • คุณแม่ เข้าสิงพี่สาวแล้ว ทำบุญสามแสนปลื้ม ท่านก็มีส่วนได้บุญ และทุกคนก็มีส่วนได้บุญด้วย แม้ว่าจะเป็นเงินของพี่เขย ที่ได้ให้พี่สาวไว้ใช้จ่ายก็ตาม เพราะใจเป็นกุศล
 
 
6. ในวันฝังศพของคุณแม่ พี่สาวคนที่สามโดนสิง แล้วสั่งให้รื้อศาลพระภูมิ โดยไม่ถูกหลักวิชา ก็ไม่ได้มีผลเสียอะไร ให้ทำใจสบายๆ
 
7. พี่สาวคนที่สาม เริ่มมีอาการทางประสาท เป็นเพราะเศษกรรมสุรา ไม่เกี่ยวกับการรื้อศาล
  • พี่สาวคนที่สามและคนที่ห้า มีวิบากกรรมที่ในอดีต นับถือ จ้าวทรง ผีสิง  และเคยเป็นร่างทรงมาก่อน 
  • จะต้องให้พี่สาวทั้งสองคน ไปบวชถือศีลแปด นุ่งห่มชุดขาว จะโกนหัวหรือไม่โกนหัวก็ได้ แล้วอุทิศส่วนกุศลให้พวกที่มาเบียดเบียน พวกเขาก็จะไม่มารังควาน เพราะเรามีศีล และแบ่งบุญไปให้พวกเขา
 
8. เหตุการณ์ที่มีเงาดำในวันที่คุณแม่ตายครบ 7 วัน เป็นเรื่องจริง คือ คุณแม่ไม่ได้ตั้งใจจะมาเข้าสิงสามเณรหลานชาย แต่ตั้งใจจะมาอำลาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไปเกิดเป็นเทพธิดาสายยักษ์
 
 
  • จิ้งจกทักนั้น ก็เป็นเรื่องจริง ที่กายละเอียดของคุณแม่ บันดาลให้เป็นไป เพื่อเป็นการรับการขอขมา เมื่อสามเณรกล่าวคำขอขมา
 
 
  • หลังเที่ยงคืนคืนนั้น บุญได้ช่องส่งผลให้คุณแม่ไปเกิดเป็นเทพธิดาสายยักษ์ ของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา เป็นยักษ์สวยปานกลางไม่มีเขี้ยว ยกเว้นเวลาโกรธ
  • ได้รับบุญที่ลูกอุทิศไปให้ จึงทำให้ท่านมีสภาพที่ดีขึ้น
 
 
9. แต่ละคนในครอบครัวของลูก มีกรรมที่เคยนับถือ จ้าวทรง ผีสิง มาก่อน อีกทั้งตัวลูกเองก่อนที่จะมาเจอกับหมู่คณะ ในชาติที่ผ่านมาก็ได้เคยนับถือเรื่องแบบนี้มาก่อนเช่นกัน จึงทำให้มาเกิดในครอบครัวที่เจอแต่ผีๆสางๆ
  • ลูกก็จะต้องชี้โทษในการนับถือสิ่งเหล่านี้ว่า หากผูกพันมากๆ ตายแล้วก็จะไปสวรรค์ไม่ได้ อย่างมากก็จะไปเป็นผีตีนโรงตีนศาล ต้องเลิก และหันมานับถือพระรัตนตรัยแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อตายแล้วจะได้ไปสวรรค์
 
 
10. ลูกและสามเณร ก็เคยสร้างบารมีมากับหมู่คณะ แต่ก่อนจะมาเจอกัน ได้เคยนับถือ จ้าวทรง ผีสิง มาก่อน กว่าจะเลิกได้เด็ดขาดก็กินเวลายาวนาน
 
 
  • ให้ลูกตั้งใจสร้างบารมีเป็นกัลยาณมิตรให้กับครอบครัว แล้วชักชวนให้ทุกคนสร้างบุญ แล้วอธิษฐานจิต ไปดุสิตบุรี วงบุญพิเศษ ด้วยกัน
 



เรื่องผีๆ



Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม