ราชองครักษ์ชาตินักรบ ตอนที่ 13


[ 30 ส.ค. 2555 ] - [ 18276 ] LINE it!

เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ทาง DMC
 
ราชองครักษ์ชาตินักรบ
ตอนที่ 13
 
คำถาม
 
2.พุทธันดรที่ผ่านมา กระผมสร้างบารมีกับหมู่คณะมาอย่างไร บุพกรรมใดที่ทำให้ได้มาเทศน์สอนให้คนเข้าใจวัดและการสร้างบารมีของหมู่คณะครับ
 
กราบคารวะพระเดชพระคุณหลวงพ่อด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ฝันในฝัน
หลับตาฝันเป็นตุเป็นตะ ตื่นขึ้นมาหาว 1 ที
แล้วก็นำมาเล่าให้ฟังเป็นนิยายปรัมปรากันนะจ๊ะ
 
เมื่อลูกน้องของลูกได้ยินลูกบอกเช่นนั้น ก็ได้พยายามออกแรงอย่างสุดชีวิต โดยเอามีดตัดเสื้อของชาวบ้านที่เกี่ยวกับกิ่งไม้ให้ขาด จากนั้นก็รีบยื่นปลายเชือกที่มัดตัวของเขาเองกับชาวบ้านคนนั้น ส่งไปให้เพื่อนๆที่อยู่ด้านบนช่วยกันออกแรงดึง เพราะเขาคนเดียวออกแรงลากคงไม่ไหวแน่ๆ อีกทั้งยังต้องแข่งกับเวลาที่มีเหลืออยู่น้อยนิด พวกเพื่อนที่เป็นลูกน้องของลูกก็ร่วมด้วยช่วยกัน ออกแรงกระชากเอาตัวของชาวบ้านออกมาได้ทีละนิด...ทีละนิด

  • ณ วินาทีแห่งชีวิต เสียงไม้ค้ำก็ลั่นเปรี๊ยะ พร้อมกับโค้งโก่งงออย่างน่ากลัว ตัวลูกก็พยายามรักษาที่มั่นยันไม้ค้ำเอาไว้ให้นานที่สุด ในใจก็นึกว่า ครั้งนี้ตายแน่...ไม่รอดแน่ นี่มันที่สุดของชีวิตแล้ว
  • ในช่วงเวลานั้น ลูกก็นึกถึงหน้าแม่หน้าพ่อของลูก แล้วก็นึกถึงพระ นึกถึงความดีที่เคยทำมา จากนั้นก็ตัดสินใจว่า “จะขอสละชีวิต ยอมตายเพื่อช่วยคนอื่นให้ปลอดภัย ถ้าเราตายก็ไปดีด้วยบุญนี้แหละที่ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ไว้”
  • แล้วใจของลูกก็ยอมรับมรณภัยที่กำลังจะมาถึง แต่อีกใจหนึ่ง ลูกก็รู้สึกเสียดาย อยากมีชีวิตอยู่นานๆกว่านี้ เพราะยังอยากกลับไปรับใช้พระราชาอีกครั้งหนึ่ง แล้วก็นึกไปเรื่อยๆว่า ขอเวลาของชีวิตให้มากกว่านี้อีกนิดหนึ่ง

  • ทันใดนั้นเอง พวกลูกน้องของลูกก็ราวกับจะรู้ความในใจ ได้รีบกระชากเอาตัวชาวบ้านคนนั้นออกมาจนได้ แล้วหันมาบอกกับลูกว่า “นายกองถอยออกมาได้แล้วครับ เราเอาคนออกมาได้แล้ว”
  • เมื่อลูกได้ยินดังนั้น ก็หันไปบอกลูกน้องของลูกอีกกลุ่มว่า “ค่อยๆปล่อยไม้ค้ำนะ”
  • แล้วทุกๆคนก็ปล่อยตามที่ลูกสั่ง ทีละคนๆ จนมาถึงคราวของตัวลูก ลูกก็ได้ปล่อยไม้ค้ำเป็นคนสุดท้าย

  • หลังจากที่ลูกปล่อยไม้ค้ำแล้วกระโดดหนีห่างออกมาได้ไม่นาน ท่อนไม้บริเวณนั้นก็ไถลยุบตัวลงเสียงดังสนั่นหวั่นไหว ไม้ค้ำหักกระจัดกระจายลอยละลิ่วปลิวว่อน ตัวลูกและลูกน้องต่างก็กระโดดตัวลอยดีใจกับความสำเร็จในครั้งนี้ เหมือนได้เกิดใหม่อีกครั้ง ทั้งหมดโห่ร้องกึกก้องด้วยความดีใจ...ปลื้มใจ...ประทับใจกันสุดๆ
  • แล้วลูกก็ได้ส่งตัวชาวบ้านคนนั้นไปยังจุดรักษาพยาบาล จากนั้น ลูกก็ย่อตัวลงนั่งพักบนท่อนไม้ แล้วย้อนระลึกนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่นี้ว่า โอ...เฉียดตายมาได้อย่างไร ในใจของลูกทั้งหวาดกลัว ทั้งปีติ และอีกหลายความรู้สึกที่ยังค้างคาอยู่ในใจ โดยเฉพาะความความตายที่อยู่ใกล้ตัวลูกเหลือเกิน ทำให้ลูกรู้ว่า คุณค่าของการมีชีวิตอยู่เพื่อตัวเองและได้ช่วยเหลือผู้อื่นนั้น มีค่ามากเพียงใด

  • ลูกน้องของลูกต่างก็แอบเดินเข้ามาแบบเงียบๆ แล้วก็นั่งลงรอบๆพื้นที่ที่ลูกนั่งอยู่ แต่ละคนล้วนแล้วแต่มีความรู้สึกรักในตัวลูก และรู้สึกเคารพในตัวลูกมากขึ้น อีกทั้งยังเชื่อมั่นในตัวลูกสุดหัวใจ ขณะนี้ลูกก็รู้ตัวว่า ได้เข้าไปนั่งอยู่ในใจ และได้ใจของลูกน้องทุกๆคนมาครองแล้ว

  • ต่างคนต่างก็มองหน้ากัน ไร้ซึ่งคำพูดใดๆ ทุกคนต่างก็รู้สึกว่าอุปสรรคและความลำบากที่ผ่านไป ได้หล่อหลอมพวกเราให้เป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว เราเป็นพวกเดียวกันแล้ว สายตาที่รักและเคารพของลูกน้องของลูกได้ส่งผ่านมาเป็นสายใยบางๆที่มองไม่เห็น แต่สัมผัสได้ด้วยใจ เข้ามาในจิตใจของลูกว่า...นี่แหละเพื่อนแท้
  • จากนั้น ลูกได้กล่าวว่า “ไปกันต่อเถอะ...น่าจะมีคนที่รอดและรอเราอยู่อีกนะ”
  • และแล้ว เวลาก็ล่วงกาลผ่านไปหลายวัน จำนวนของการค้นพบผู้รอดชีวิตก็เหลือน้อยลงไปมาก เสบียงต่างๆก็ยังเดินทางมาไม่ถึง เสบียงอาหารที่ตระเตรียมมาก็ใกล้จะหมดแล้ว ข้าวของที่ชาวบ้านช่วยกันรวบรวมมาก็ร่อยหรอและหมดไปในทีสุด
  • ลูกจึงตัดสินใจปรึกษาหารือกับบรรดาลูกน้องของลูกว่า จะเอาอย่างไรดี เพราะมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บซึ่งรอการช่วยเหลือเยอะเหลือเกิน ต้องรออีกนานแค่ไหน ถ้าขืนรออย่างไม่มีจุดหมายปลายทางอย่างนี้ ก็จะแย่กันหมด เพราะทางนี้ต้องการความช่วยเหลือเป็นการด่วน

  • ในที่สุด ที่ประชุมก็สรุปว่า ต้องขนคนเจ็บเข้าเมืองให้ได้ก่อนที่เสบียงที่เหลืออยู่จะหมด และพยายามรวบรวมเสบียงให้พอเพียงสำหรับการเดินทางไปให้ถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดให้ได้
  • แล้วลูกก็สั่งให้ลูกน้องทุกคนนำผู้ที่เจ็บมากใส่แคร่ที่มีล้อ แล้วให้ม้าลากแคร่นั้นไป จากนั้นก็ให้ไปหารถขนของมาให้มากที่สุดเพื่อเอามาเทียมม้า แล้วให้ลำเลียงผู้ที่บาดเจ็บจนช่วยตัวเองไม่ได้ไปนอนบนรถนั้น ส่วนพวกที่พอจะเดินได้ก็ให้เดินตามไปด้วยกัน พวกลูกน้องของลูกบางส่วนก็จะขนเสบียงและหยูกยาทั้งหมด รวมทั้งน้ำดื่มน้ำใช้ที่สะอาด แบกกันไปด้วย ส่วนเครื่องมือต่างๆต้องทิ้งไว้ที่นี่ก่อน

  • เมื่อจัดขบวนเรียบร้อยแล้วก็เริ่มออกเดินทาง จะต้องพยายามไปให้ถึงเมืองที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว ก่อนที่เสบียงที่เหลืออยู่จะหมดลง ซึ่งเสบียงทั้งหมดมีเพียงพอสำหรับเลี้ยงคนแค่สองสามวันเท่านั้น


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาคเจ้าเมืองไปเกิดเป็นพญานาค

นักบุญ - นักธุรกิจนักบุญ - นักธุรกิจ

สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์สังขารดับ แต่ใจยังอาวรณ์



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

กรณีศึกษากฎแห่งกรรม