ชาดก 500 ชาติ
โรหนมิคชาดก-ชาดกว่าด้วยความรักในสายเลือด
พระเจ้าพิมพิสารถูกโอรสของตนแย่งชิงบัลลังก์และจับพระองค์ขังไว้
นอกจากพระอารามเชตวันอันตั้งอยู่ในเมืองหลวงแคว้นโกศลจะเป็นพุทธาวาสสำคัญต่อพระพุทธศาสนาดั่งที่เราทราบทั่วกันแล้ว พระอารามเวฬุ วัดที่พระเจ้าพิมพิสาร
แห่งมคธรัฐสร้างถวาย ก็มีเหตุการณ์สำคัญต่อพระชนม์ชีพพระพุทธศาสนาในพุทธสมัยนั้นไม่น้อยเช่นกัน
พระเจ้าอชาตศัตรูทรงโปรดการสงครามรบราแย่งชิงในทุกที่ที่ตนอยากได้
โดยเฉพาะที่ห้วงยามที่มคธผลัดแผ่นดิน พระเจ้าพิมพิสารผู้เป็นมหาอุบาสกถูกโอรสจับขังไว้แล้วยึดบัลลังก์เปลี่ยนการปกครองใหม่ ราชาอชาตศัตรูยามนั้น
ดุจกันกับยักษ์มาร ทรงโปรดการสงครามแบ่งแยกแย่งชิงเหมือนมีอสูรสิงในพระทัย “ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่า ฮ่า ๆ ตอนนี้เราก็ได้เป็นใหญ่แล้ว
เมืองใดที่แข็งข้อพระเจ้าอชาตศัตรูก็รบราแย่งชิงมาเป็นของตนทั้งหมด
เมืองไหนจะกล้าแข็งข้อกับเรา เราจักทำสงครามแย่งชิงมันมาให้หมด ” ซ้ำร้ายกว่านั้นพระเจ้าอชาตศัตรูยังได้ครูผิด ทรงได้รับการยุยงส่งเสริมผิด ๆ จากพระเถระ
ในบาป คือพระเทวทัตซึ่งแบ่งแยกหมู่สงฆ์มาจากพระพุทธเจ้า เข้าจำพรรษาในอารามใหม่ที่อชาตศัตรูสร้างถวาย
พระเทวทัตคือครูผู้เป็นที่เคารพยิ่งของพระเจ้าอชาตศัตรู
เมื่อหลงเดินทางผิดการกระทำที่ตามมาย่อมไม่ชอบด้วยศีลธรรมเช่นกัน “ ดีแล้วหล่ะ ที่พระองค์กำจัดราชาเก่าไปได้ บัดนี้ได้เวลาที่พระองค์จะต้องช่วยเรากำจัด
พระพุทธเจ้าแล้ว ” “ ข้าพระองค์รับปวารนาจะถวายให้พระเถระเจ้า อย่ากังวลไป ”
พระเถระเทวทัตคอยยุยงส่งเสริมพระเจ้าอชาตศัตรูให้กระทำในสิ่งที่ผิดและชั่วร้ายเสมอ
รุ่งเช้าวันต่อมาราชาอชาตศัตรู ก็ส่งคนเลี้ยงช้างหลวงมารับแผนร้ายยังอารามคยาสีสะของพระเทวทัต “ ห๊ะ ช้างพรายนาฬาคิรีกำลังตกมันอย่างนั้นหรือ ฮ่า ฮ่า ฮ่า
ถ้าเช่นนั้นเจ้าจงกรอกกน้ำมันเมาให้จงหนัก ก่อนใช้แผนการสุดท้ายดังที่ซักซ้อมเอาไว้นะเจ้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮะฮ่า ”
คนเลี้ยงช้างได้มารับฟังแผนการที่จะกำจัดพระพุทธเจ้าจากพระเถระเทวทัต
“ หม่อมฉันจะปฏิบัติตามแผนนั้นไม่ให้พลาดเลยพระเจ้าค่ะ ” อันช้างพรายใหญ่ชื่อนาฬาคิรีนี้ มีนิสัยดุร้ายเป็นทุนเดิมและยิ่งใกล้คุ้มคลั่งเข้าไปทุกทีเมื่อมีอาการตกน้ำมัน
ซึ่งเป็นอาการธรรมชาติของช้างในฤดูผสมพันธ์ อาการดุร้ายจะหายไปได้ เมื่อควานผู้เลี้ยงนำไปผูกไว้ในลำธาร
ช้างนาฬาคิรีมีอาการคุ้มคลั่งเหตุเพราะมีอาการตกน้ำมัน
แต่ครั้งนี้คนเลี้ยงไม่ได้ทำการแก้ไขตามนั้น ควานช้างเอาเหล้าให้ช้างนาฬาคิรีดื่มกินทั้งคืน พอรุ่งเช้าก็นำมาผูกรอไว้ริมทางที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จออกบิณฑบาต
เมื่อนาฬาคิรีเมามายซ้ำยังถูกโซ่ล่ามอาการตกน้ำมันก็กำเริบหนัก มันเพ่งมองไปข้างหน้าอย่างโกรธจัด “ เสด็จมาเร็วพระเจ้าค่ะ งานนี้จะได้จบเสียที ฮิ ฮิ ”
ช้างนาฬาคิรีถูกควานช้างมอมเหล้าและถูกล่ามโซ่ไว้ตลอดทั้งคืน
และแล้วเมื่อได้เวลาพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็เสด็จนำหมู่สงฆ์ออกจากพระอารามผ่านมายังไม้ใหญ่ที่พรายนาฬาคิรีถูกผูกล่ามอยู่ และบัดนั้นเอง ควานช้างก็ปลดโซ่ออก
เหมือนภูเขาแล่นเข้าใส่หมู่สงฆ์ซึ่งมีพระพุทธองค์เสด็จนำหน้าอยู่ ความรักความเคารพเหนือเกล้า
ช้างนาฬาคิรีถูกปล่อยออกมาในช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าและสาวกออกบิณฑบาต
พระอานนท์ซึ่งดำเนินอยู่เบื้องหลังได้ก้าวออกมาเบื้องหน้าขวางความตายนั้นไว้ “ ระวังพระเจ้าข้า ช้างพรายตกมัน มันวิ่งมาทางนี้แล้ว ” พระอานนท์เป็นพุทธอนุชา
ของพระพุทธเจ้า ท่านปวารนาถวายชีวิตเป็นราชพลีแก่งวงและงาของช้างพรายตกมันนั้น โดยจิตสงบไม่ฟุ้งซ่าน
พระพุทธองค์และสงฆ์สาวกเสด็จออกบิณฑบาตยามเช้า
กุศลจิตอันมั่นคงของอานนท์เถระก่อเหตุอัศจรรย์ปรากฎขึ้นในบัดดลนั้น ช้างพรายพิฆาตหยุดอาละวาดเข่นฆ่า ทรุดย่อกายอันใหญ่โตลงเบื้องหน้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
โดยมีร่างพระอานนท์ขวางกลางไว้ห่างเพียงปลายงาเท่านั้น “ สาธุ การไม่ก่อกรรมกันและกันเป็นสิ่งประเสริฐแล้ว ”
พระอานนท์ก้าวมาขวางเบื้องหน้าพระพุทธองค์เมื่อเห็นช้างนาฬาคิรีวิ่งตรงมาเพื่อหมายเอาชีวิต
ช้างนาฬาคิรีย่อกายทำกริยาถวายความเคารพต่อพระพุทธศาสดาแล้วนิ่งสงบอยู่ ควานช้างของพระเจ้าอชาตศัตรูเห็นอัศจรรย์ดังนั้นก็หลบหนีไป “ โอ้ ทรงเป็นบุรุษ
ผู้เลิศในบารมีธรรมยิ่งแล้วพระสมณะโคดม แม้แต่ช้างตกมันยังสงบนิ่ง ไปดีกว่าเรา
กุศลจิตอันมั่นคงของพระอานนท์ทำให้ช้างนาฬาคิรีทรุดตัวลงหมอบหายจากอาการคุ้มคลั่งอย่างอัศจรรย์
” วีรกรรมอันกล้าหาญครั้งนี้ พระอานนท์เถระได้รับการสรรเสริญในข้อสละชีวิตแทนพระพุทธศาสนา เป็นแบบอย่างไว้อย่างสูง “ โอ้ พระอานนท์ ช่างกล้าหาญดีแท้
น่าเอาเยี่ยงอย่าง ” “ สมแล้วที่เป็นพระอนุชาขององค์พระศาสดา ทรงน่านับถือยิ่งนัก ”
ช้างนาฬาคิรีย่อกายหมอบลงตรงหน้าพระพุทธองค์ห่างพระอานนท์เพียงปลายงาเท่านั้น
สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสดับแล้วทรงแสดงเหตุนั้นด้วยบุพเพนิวาสนุสติญาณ ตรัสว่า “ ดูกรภิกษุ ในกาลก่อนอานนท์ก็ได้เคยแสดงวีรกรรมทำนองนี้มาแล้ว ”
เมื่อพระภิกษุสงฆ์ทั้งปวงใคร่ทราบเรื่องราวนั้น จึงกราบทูลให้ทรงแสดงชาดกเทศนาก็ไม่ทรงขัด ตรัสเล่าโรหนชาดก ขึ้นดังนี้
ควานช้างเห็นเหตุอัศจรรย์ก็รีบวิ่งเผ่นหนีไปในทันที
นครแห่งหนึ่ง ณ อดีตกาล ยังมีกวางทองท่องเที่ยวอยู่ในป่าใหญ่ มีความงดงามเป็นที่กล่าวขานเลื่องลือ แต่หามีใครครอบครองเป็นเจ้าของได้ไม่ ภาพลักษณ์
ผ่องใสนี้จึงเป็นได้เพียงเสียงเล่าขาน จนกระทั่งราตรีหนึ่งกวางขนทองก็บังเกิดภาพขึ้นในความฝันของสตรีที่มีความสำคัญเป็นที่สุดของเมือง
พระภิกษุทั้งหลายต่างพากันสรรเสริญในการกระทำของพระอานนท์ที่ยอมสละชีวิตตนเพื่อปกป้องพระพุทธองค์
นางผู้นี้กำลังตั้งครรภ์บุตรคนแรกให้ท่านเจ้าเมือง เหตุนี้นางจึงเป็นที่รักใคร่ตามอกตามใจ อยากได้สิ่งใดเจ้าเมืองก็สรรหาทุกสิ่งให้ไม่เคยขัดข้อง “ อือ กวางขนทอง
สวยจริง ๆ เลย เจ้าจะวิ่งไปไหนล่ะ มาอยู่กับเราเถิด ” ครั้นนางตื่นขึ้นก็เรียกหาสามีแล้วเล่าความฝันให้ฟัง
กวางหนุ่มผู้มีขนสีทองได้อาศัยในป่าลึกซึ่งไม่เคยมีใครพบเจอเคยได้ยินแต่คำเล่าขานเท่านั้น
เมื่อเจ้าเมืองรู้ว่าภรรยาอยากได้กวางขนทอง ก็ปลอบโยนว่ามันไม่ได้มีอยู่จริง “ โธ่ น้องหญิง แล้วพี่จะหาจากไหนน้องละนี่ เปลี่ยนเป็นแก้วแหวนแพรวพรรณเถิด
จักเอามากแค่ไหนก็ย่อมได้ แต่กวางขนทองนี่ พี่จนปัญญาจริง ๆ นะน้องหญิง ” “ ฮึ ไม่รู้ล่ะ น้องอยากได้กวางทองนี่ เห็นไหมลูกก็อยากได้
ภรรยาของท่านเจ้าเมืองได้ฝันเห็นกวางหนุ่มขนสีทอง
ดูสิ ๆ ดิ้นใหญ่แล้ว พี่ต้องตามใจน้องกับลูกนะ น้องอยากได้ พี่ต้องรีบหาพรานเก่งกล้า ไปจับตัวกวางขนทองมาให้น้องด้วย พี่ต้องจับมารับขวัญลูกของเราไงค่ะ กวางตัวนั้น
สวยถูกใจน้องเหลือเกิน น้องต้องได้พบเห็นมัน เป็นเจ้าของมันให้ได้ ” “ จ๊ะ จ๊ะ จ๊ะ จ๊ะ จ๊ะ จับให้ก็ได้จ๊ะ ”
ภรรยาของเจ้าเมืองกำลังตั้งครรภ์บุตรคนแรก
“ เฮ้อ แล้วนี่เราเผลอรับปากน้องหญิงไปแล้วนะเนี่ย แล้วจะทำยังไงดีละเนี่ย จะไปหาจากไหนล่ะ อืม ”เจ้าเมืองเมื่อตบปากรับคำภรรยาแล้ว ก็ให้คนออกปิดประกาศ
แล้วก็เรียกชาวเมืองมาแจ้งข่าวอย่างเร่งด่วน “ กวางป่ามีขนสีทองเหลืองอร่ามทั้งตัว จมูกแดง กีบเท้าก็แดง
ภรรยาของเจ้าเมืองขอร้องและอ้อนวอนให้ท่านเจ้าเมืองนำกวางในความฝันของนางมามอบให้นางให้จงได้
วิ่งเร็วปานลมพัดเลยล่ะพ่อคุณ ใครรู้จักพรานเก่งกล้ารีบพามาหาท่านเจ้าเมืองเลยนะ เรามีรางวัลตอบแทนให้มากจุใจ อย่าบอกใครเลยล่ะ ” “ โอ้ ได้รางวัลมากขนาดนี้
เราต้องหากวางขนทองนี้ให้ได้ ” “ โอ้ย แก่ปูนนี้แล้ว ผมว่าอยู่บ้านเฉย ๆ ดีกว่านะไม่งั้นจะแย่เอา ”
เจ้าเมืองส่งคนออกป่าวประกาศหาพรานผู้ชำนาญในการล่ากวาง
“ ว่าแล้ว เราก็ไปหาบ้างดีกว่านะ ฮะ ฮะ ฮ่า ” หลังการป่าวร้องไม่กี่วัน ชายฉกรรจ์อาชีพพรานล่ากวาง ก็เดินทางมาเข้าพบเจ้าเมืองหลายคน ทุกคนต่างซักถามกัน
และกันถึงที่อยู่ของกวางทอง เพราะล้วนไม่เคยมีใครพบเห็นนั้นเอง “ ท่าน เคยเห็นเจ้ากวางทองนั้นหรือเปล่า ”
ไม่เคยมีผู้ใดพบเห็นกวางทองและไม่มั่นใจว่ามันจะมีอยู่จริงหรือเป็นแค่ตำนาน
“ ข้าก็ไม่เคยเห็นเหมือนกัน แล้วเราจะไปตามจับกันที่ไหนกันได้ละเนี่ย ” แม้เจ้าเมืองจะเพิ่มรางวัลให้จนมากมายเพียงใด พรานป่าทั้งหลายก็ได้แต่บ่นเสียดาย
และทยอยกันลาจากไปเท่านั้น จนกระทั่งพรานทั้งเมืองไม่เหลือเป็นความหวังได้อีกสักคนเดียว
เจ้าเมืองได้เพิ่มเงินรางวัลมากขึ้นเหตุเพราะไม่มีพรานคนใดอาสาที่จะออกล่ากวางเลย
“ เราจะเพิ่มรางวัลให้อีก ถ้าใครจับเจ้ากวางขนทองนั้นมาได้ ” “ โอ้ย เงินรางวัลตั้งเยอะแยะอยากได้จริง ๆ แล้วใครจะไปจับมาได้ล่ะ อยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ มีอยู่จริงหรือเปล่า
ก็ยังไม่รู้เลย กวางขนทองเนี่ย ” แต่แล้วก็มีพรานหนุ่มคนหนึ่งซึ่งสืบอาชีพและวิชาพรานมาจากปู่ผู้ล่วงลับไปแล้ว
มีพรานหนุ่มได้ขันอาสาที่จะออกตามล่าหาตัวกวางขนทอง
ขันอาสาไปล่ากวางขนทองมาให้เจ้าเมือง “ ข้าขออาสาไปจับกวางตัวนี้มาให้เอง อยากรู้เหมือนกันว่ามันมีจริงตามนิทานที่ปู่เคยเล่าให้ฟังหรือไม่ ” ชายหนุ่ม
ออกติดตามทิศและบริเวณที่บรรพบุรุษเคยบอกเล่าไว้ วันหนึ่งก็ได้พบว่า กวางป่าขนสีทองตามคำเล่าขานนั้นมีอยู่จริง
พรานหนุ่มได้เดินทางเข้าป่าและได้พบตัวกวางขนทองในที่สุด
“ โอ้โหสวยเหลือเกิน กวางตัวผู้กับตัวเมียสองตัวนั้นคงเป็นพี่น้องกับกวางขนทองเป็นแน่ เดินคลอเคลียกันไม่ห่าง ” พรานหนุ่มเมื่อพบแล้วก็เฝ้าสังเกตดูพฤติกรรม
พบว่ากวางทองเป็นหัวหน้าฝูงกวาง ซึ่งจะออกหน้าหาแหล่งหญ้าอ่อนให้บริวาร และจะมีน้องอีกสองตัวเคียงข้างอยู่เสมอ
พรานหนุ่มได้เฝ้าสังเกตพฤติกรรมของฝูงกวางอยู่เป็นเวลาหลายวัน
“ บ่วงนี้เป็นเชือกหนัง เมื่อรัดเท้ากวางแล้ว ไม่อาจดิ้นหลุดได้แน่ ” พรานวางบ่วงและอำพรางไว้แนบเนียนตามอุปนิสัยที่แอบสังเกตไว้หลายวัน และแล้วกวางขนทอง
ก็ติดกับดักเข้าจนได้ แม้จะดิ้นรนดึงรั้งออกแรงจนเหนื่อยก็ไม่ขาด “ แย่แล้วเรา ติดกับดักจนได้ โอ้ยดึงก็ไม่ออก เชือกอะไรนี่เหนียวจริง ๆ ”
พรานหนุ่มได้ทำบ่วงดักกวางขนทองและได้อำพรางไว้อย่างมิดชิด
เมื่อหัวหน้าฝูงติดบ่วงพราน บริวารก็หนีกันกระเจิดกระเจิงไปจนหมด แต่น้องสองตัวของกวางขนทองหาได้หนีไปอย่างกวางตัวอื่น ๆ ไม่ มันกลับเข้ามาคลอเคลีย
กวางขนทองผู้เป็นพี่ โดยเฉพาะกวางน้องตัวผู้ซึ่งยังดูเยาว์วัย แต่จิตใจเสียสละน่าชมเชยยิ่งนัก
กวางเหล่าบริวารพากันวิ่งหลบหนีหลังจากที่เห็นกวางขนทองได้ติดบ่วงของพรานหนุ่ม
ภาพน้องยืนปกป้องพี่ โดยมีน้องสาวคอยให้กำลังใจ ภาพที่เห็นนี้ทำให้นายพรานเปลี่ยนใจ พรานหนุ่มซาบซึ้งกับความรักความสามัคคีของพี่น้องสามตัวนี้ยิ่งนัก
“ น้องจะปกป้องพี่เอง ” “ พี่ไม่ต้องกลัวนะ น้องจะอยู่ใกล้ ๆ พี่เอง ” เขาคอยปลอบประโลมกวาง พลางปลดบ่วงให้
น้องของกวางขนทองทั้งสองตัวไม่ยอมจากไปไหนได้ยืนคลอเคลียเฝ้าพี่ของตนที่ติดบ่วงจากนายพราน
เอาสมุนไพรพอกแผลข้อเท้าที่เชือกรัดอย่างเบามือ แล้วพรานหนุ่มก็ปล่อยกวางทั้งสามตัวเข้าป่าไปอย่างอิ่มสุขในหัวใจ “ จงนำน้องทั้งสองไปนำฝูงหากินในป่าลึก
เสียเถิดเจ้ากวางเอ๋ย ความรักของพี่น้องเช่นนี้หากมีมนุษย์ครอบครัวใดทำตาม ก็ยากที่ภัยอันตรายใด ๆ จะกล้ำกลายเข้ามาได้ ควรเอาอย่างไว้จริง ๆ ”
พรานหนุ่มได้นำขนกวางสีทองมามอบให้ท่านเจ้าเมืองพร้อมทั้งได้เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
พรานหนุ่มเก็บเอาขนสีทองซึ่งตกอยู่ขณะที่กวางทองดิ้นรนออกจากบ่วงกลับมาแสดงให้เจ้าเมืองดู เมื่อได้สดับรู้ถึงในความรักในพี่น้องของกวาง ภรรยาเจ้าเมือง
ก็กล่าวสรรเสริญและมิได้ติดใจอยากได้ตัวกวางไว้อีกต่อไป “ ดีแล้วหล่ะ ที่ท่านไม่จับตัวกวางขนทองมา เห็นพี่น้องรักกันขนาดนั้น เราก็ไม่อยากได้กวางขนทอง
อีกแล้วหล่ะ
พรานหนุ่มได้เลิกอาชีพพรานและได้ออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่าจนสิ้นอายุขัย
ให้มันอยู่กับพี่น้องในป่านั้นเถิด ” หลายปีต่อมาชายหนุ่มก็เลิกอาชีพพรานเพราะเบื่อหน่ายต่อบาปกรรม เขาสละทรัพย์ทั้งบ้านเรือนออกบวชเป็นฤาษีบำเพ็ญเพียร
ภาวนาอย่างสงบอยู่ในป่าจนสิ้นอายุขัยไปตามวาระตน
ในพุทธกาลต่อมา
น้องสาวกวางทอง กำเนิดเป็น ภิกษุณีอุบลวรรณา
น้องชายกวางทอง กำเนิดเป็น พระอานนท์เถระ
กวางทอง เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า