ชาดก 500 ชาติ
ทิปิชาดก-ชาดกว่าด้วยแพะกับเสือเหลือง
พระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวันมหาวิหาร
ในสมัยหนึ่งครั้งเมื่อพระพุทธเจ้าประทับอยู่ ณ เวฬุวัน ในราชคฤห์ได้เกิดเหตุการณ์ถกเถียงในหมู่สงฆ์เรื่องเหตุผลและคุณธรรม เหตุเกิดจากพระเทวทัตที่ประสงค์ร้าย
ต่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยไม่คำนึงถึงเรื่องคุณธรรมใดๆ เลย “ ดูก่อนเถิดภิกษุสงฆ์ในคนโหดร้าย ไม่มีเหตุมีผล ไม่มีถ้อยคำเป็นสุภาษิตในคนโหดร้าย ”
บรรดาคนเลี้ยงแพะต่างพาแพะของตนมาเลี้ยง ณ ทุ่งหญ้าซึ่งโอบล้อมไปด้วยภูเขา
องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงปรารภถึงแม่แพะตัวหนึ่งและตรัสเล่านิทานชาดกดังนี้ ในป่าหิมพานต์แห่งหนึ่ง มีฤาษีนั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในป่านั้นเป็นเวลานาน
ในแต่ละวันที่ประพฤติธรรมก็จะนำการดำเนินชีวิตของสัตว์แต่ละตัวในป่ามาคิดพิจารณาถึงความจริงในธรรม
ฤาษีตนหนึ่งพำนักอยู่ในซอกเขาได้มองเห็นแพะและกลุ่มคนเลี้ยง ณ ทุ่งหญ้าในทุก ๆ วัน
ดังเรื่องของแพะกับเสือเหลืองที่เกิดขึ้นในวันหนึ่ง ในซอกเขาที่ฤาษีพักอยู่นั้น ทุกวันพวกคนเลี้ยงแพะจะพากันต้อนแพะมาเลี้ยงที่แห่งนี้ประจำ เพราะมีภูเขาล้อมรอบ
เมื่อปล่อยแพะแล้วพวกเขาก็จะพากันพักผ่อนรอจนถึงเย็นจึงจะไปต้อนแพะกลับบ้าน “ เฮ้ย ว่าไงเกลอเย็นนี้จะไปเกี้ยวสาวต่อที่ไหนหรือเปล่า ”
บรรดาหนุ่มคนเลี้ยงแพะได้พูดคุยกันนัดแนะไปเกี้ยวสาวในหมู่บ้านหลังจากที่เลิกงาน
“ เฮอะ ๆ ๆ ๆ ก็บ้านเดิมคนเดิมนั้นแหละ แล้วเจ้าล่ะ จะไปกับข้าหรือเปล่า ” “ แน่อยู่แล้ว เดี๋ยวเอาแพะกลับเข้าคอกก่อนแล้วค่อยเจอกันนะ ” “ เจ้าสองคนเนี่ย วัน ๆ
เอาแต่เกี้ยวสาว ไม่ไหว ไม่ไหว ๆ เฮ้อ ” “ อืม คนเลี้ยงแพะ ไล่ต้อนแพะกลับกันแล้ว คงเย็นมากแล้วสินะ เย็นนี้อากาศดีจริง ๆ
เวลาตกเย็นหนุ่มคนเลี้ยงแพะก็ได้ทำการต้อนแพะกลับไปยังบ้านเรือนของตน
คืนนี้เราคงนั่งสมาธิได้นานแน่ ๆ เลย ” เหตุการณ์ดำเนินไปอย่างสงบสุขเช่นนี้ทุกวัน จนมาถึงเย็นวันหนึ่งเหตุการณ์ร้ายก็ได้เกิดขึ้นกับแพะตัวหนึ่ง
เย็นวันหนึ่งเมื่อได้เวลาต้อนแพะกลับบ้าน คนเลี้ยงแพะก็ได้ทำหน้าที่ไปต้อนแพะกลับบ้านเช่นเดิม โดยหารู้ไม่ว่ามีแม่แพะตัวหนึ่งหลงออกไปจากกลุ่ม
แม่แพะตัวหนึ่งได้เดินหลงออกไปหากินไกลฝูงของมัน
“ ไปกลับกันเถอะ วันนี้ข้าหิวมากเลย ไม่รู้แม่จะทำอะไรให้กินบ้าง ” “ เอาเถอะน่า มีอะไรก็กิน ๆ ไปเถิด รีบกินรีบนอน หมดแรงเลยวันนี้ ” “ หมดแรงอะไรกัน ข้าเห็นเจ้า
เอาแต่นอนทั้งวันอย่างนั้นนะ ” “ ฮะฮะฮ่า นั่นนะสิ ” “ เอ้ ทำไมวันนี้ฝูงแพะของเราดูชอบกล ๆ เหมือนมันรออะไรอยู่ ไม่ยอมเดิน ” “ เจ้าคิดมากไปเองหรือเปล่ามันจะรออะไร
แพะสองตัวมีความกังวลห่วงใยถึงแม่แพะที่ยังไม่กลับเข้าฝูงในขณะที่ถึงเวลากลับเข้าคอกแล้ว
ก็รอเจ้านะสิ เจ้าของมันเดินช้าต้วมเตี้ยมอย่างนี้มันก็เลยต้องรอไง ” “ เฮอะ ๆ ๆ นั่นนะสิ คงเป็นอย่างที่เจ้าว่า แปลกคน ต้อนกลับอย่างนี้ทุกวัน มันไม่เห็นจะมีอะไรแปลกไปเลย ”
“เฮ้อ นั่นสินะ ข้าคงคิดมากไปเอง ไป ไป ๆ เจ้าแพะรีบกลับบ้านกันเถอะ มืดแล้วเดี๋ยวจะกลับลำบาก ” “ ก็เจ้ามัวแต่สงสัย นั่น ๆ นี่ ๆ เสียเวลาจริงเลย คนยิ่งหิว ๆ อยู่ ”
“ เอาเหอะน่า รีบ ๆ กลับกันเถอะ ”
ฤาษีได้เล่งเห็นถึงภัยที่จะมาเยือนแม่แพะเพราะมันกลับเข้าฝูงไปไม่ทัน
เย็นวันนั้นมีแม่แพะตัวหนึ่งออกไปหากินไกลฝูง ไม่ทันเห็นฝูงแพะกลับคอก จึงเดินรั้งท้ายอยู่ตัวเดียว “ อ้าว แล้วนี่ฝูงเราหายไปไหนกันหมด แย่แล้ว เราแค่เผลอเดินออกมา
จากฝูงนิดเดียว โดนทิ้งแล้วเหรอนี่ ” “ จะทำยังไงดีละ ปานนี้แม่แพะยังไม่กลับเข้าฝูงเลย ไม่รู้จะมาทันหรือเปล่า ” “ นั่นนะสิ บอกแล้วว่าอย่าไป อย่าไป เจ้านายก็ไม่รอแล้วด้วย ”
แม่แพะเดินไม่ทันฝูงในขณะที่บรรยากาศก็มืดลงเรื่อยๆ
“ เอ๊ะ แล้วนี่ยังมีแพะหลงเหลืออยู่อีกหรือนี่ สงสัยคงจะเดินหลงจากฝูงละสินะ ” เวลาพลบค่ำตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงมา แม่แพะก็ยังเดินไม่ทันฝูง ยิ่งมืดลงเท่าไหร่ความอันตราย
ก็มีมากขึ้นเท่านั้น แม่แพะรู้สึกหวั่นใจ เกรงเคราะห์ร้ายจะเกิดขึ้นกับตน “ โอ้ย ตาย ตาย ตายแล้วตายแล้ว นี่จะมืดแล้วหรือนี่ ในป่ามืดๆ นี่มันน่ากลัวจริง ๆ
มีเสือเหลืองตัวหนึ่งกำลังเดินตามรอยแม่แพะไปอย่างเงียบๆ
จะมีเสือสิงกระทิงแรดออกมาหรือเปล่าก็ไม่รู้ ” แล้วเรื่องร้าย ๆ ก็เกิดขึ้นกับแม่แพะ เมื่อมีเสือเหลืองตัวหนึ่งเดินเข้ามาทางที่แม่แพะอยู่ ฤาษีได้เห็นเหตุการณ์โดยตลอด
แต่ก็ไม่สามารถให้ความช่วยเหลือได้ เนื่องจากเป็นวัฏจักรชีวิตของพวกสัตว์ “ เจ้าแม่แพะเอ๋ย คราวนี้เจ้าคงต้องเจอเรื่องร้ายแรงแล้วละ ”
เจ้าเสือเหลืองหิวโซเดินตามแม่แพะหมายมั่นว่าแม่แพะนั้นจะต้องตกเป็นอาหารของตน
“ โอย หิว หิว หิว เดินมาทั้งวันยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย เย็นป่านนี้แล้วพวกสัตว์คงกลับเข้าที่หลับที่นอนกันหมดแล้วสินี่ โอย หิวเหลือเกิน หิว หิว หิว ฮ่า นั่นแพะนี่น่า
คงเดินหลงจากฝูงละสิ เฮอะ ๆ ๆ ๆ เสร็จเรา ยิ่งหิว ๆ อยู่ ได้กินเนื้อแพะ คงจะอิ่มแปล้แน่เรา ” เสือเหลืองเดินวกมาหยุดหน้าแม่แพะด้วยจุดประสงค์ร้าย
เจ้าเสือเหลืองได้เดินมาดักหน้าแม่แพะเอาไว้
แม่แพะเมื่อเห็นเสือเหลืองก็ใจเสียพยายามตั้งสติเพื่อหาทางเอาตัวรอด “ วันนี้ชีวิตเราไม่รอดแน่ จะต่อสู้กับเสือ ก็คงจะสู้แรงไม่ไหว มีทางเดียว เราต้องพูดขอความเห็นใจ
ให้เสือใจอ่อน เราถึงจะมีโอกาสรอด ” แม่แพะทำใจดีสู้เสือ พยายามคิดหาคำพูดที่จะพูดหว่านล้อมให้เสือเหลืองใจอ่อนและปล่อยตัวเองไป
แม่แพะตกใจกลัวเป็นอย่างมากเมื่อได้เผชิญหน้ากับเจ้าเสือเหลือง
“ สวัสดีจ๊ะ คุณลุงเสือ นี่ก็ค่ำมืดแล้วไม่กลับถ้ำอีกเหรอจ๊ะ ” เสือเหลืองเมื่อได้ฟังที่แม่แพะพูดก็รู้ว่าเป็นเล่ห์เหลี่ยมแม่แพะ (...ฮึ เจ้าแม่แพะ ทำมาเป็นพูดดี คิดเหรอว่า
ข้าไม่รู้ว่าเจ้าจะหลอกให้ข้าตายใจ แผนแค่นี้สยบเสือเหลืองอย่างข้าไม่ได้หรอก) “ เจ้าเรียกข้าว่าลุงได้อย่างไรกัน ข้าเป็นญาติกับเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ ”
แม่แพะพยายามพูดจาหว่านล้อมให้เสือเหลืองใจอ่อนและยอมปล่อยตนเองไป
แม่แพะเมื่อเห็นเสือเหลืองไม่พอใจ ก็ยังไม่ลดความพยายาม ยังหาคำพูดดี ๆ มาพูดกับเสือเหลือง ให้เลิกประสงค์ร้ายกับตัวเอง “ โธ่ ลุงเสือ ลุงจำฉันไม่ได้หรอกหรือ แม่ฉัน
ยังถามหาคุณลุงอยู่เป็นประจำเลยนะ พวกเราในฝูง คิดถึงคุณลุงตลอดเวลาเลยละจ๊ะ ” “ อะไรกันเจ้าแพะ เจ้าบังอาจนับญาติกับเสือเหลืองอย่างข้ารึ มันจะมากไปแล้วนะ ”
เสือเหลืองกล่าวหาว่าแม่แพะทำให้อาหารของตนหนีไป
“ เปล่านะจ๊ะ ฉันไม่ได้คิดจะทำตัวเทียบเท่ากับท่านเลยนะ ฉันรู้ดีว่าตัวเองมันต่ำต้อย ท่านจงโปรดอภัยให้ฉันด้วยเถอะนะ ” ฤาษีผู้เห็นเหตุการณ์โดยตลอดก็เห็นใจแม่แพะ
และรู้ว่าเสือเหลืองตัวนี้คงหมายเอาชีวิตแม่แพะเป็นแน่ ถึงแม้ว่าแม่แพะจะพูดจาไพเราะเช่นไรก็ไม่เป็นผล “ เฮ้อเจ้าแม่แพะเอ๋ย เสือเหลืองตัวนี้ดุร้ายนัก ไม่ว่าเจ้าจะพูดดีอย่างไร
ก็คงไม่สามารถกล่อมมันได้อย่างแน่นอน ”
แม่แพะพูดโกหกว่าตนเองเหาะมาทางอากาศและไม่ได้ทำให้อาหารของเสือเหลืองหนีไป
“ เจ้าแม่แพะ เจ้าไม่ต้องพูดดีกับข้า ยังไงข้าก็อภัยให้เจ้าไม่ได้ เจ้าบังอาจมาเหยียบหางของข้า วันนี้เจ้าคิดว่าเจ้าจะพ้นจากความตาย ด้วยการเรียกข้าว่าลุงอย่างนั้นรึ ” (เป็นไงล่ะ
เจอแผนนี้ของข้าเข้าไป แล้วแกจะแก้ตัวยังไงแม่แพะ ยังไงเจ้าก็ต้องเป็นอาหารให้ข้าอยู่ดี) “ อะไรกัน เรานะเหรอไปเหยียบหางท่านได้ ท่านนั่งหันหน้ามาทางข้า
ฤาษีเห็นเหตุการณ์โดยตลอดระหว่างเสือเหลืองกับแม่แพะ
ข้าก็อยู่ตรงหน้าของท่าน แล้วทำไมข้าถึงไปเหยียบหางของท่าน ที่อยู่ด้านหลังของท่านได้ล่ะ ” “ ทำไมเจ้าจะเหยียบหางของเราไม่ได้ ในเมื่อทั้ง 4 มหาสมุทรและภูเขาทั้งหมด
เราเอาหางวางไว้หมด เจ้าจะไม่เหยียบหางของเราได้อย่างไร ” (…หึ นี่เจ้าเสืองัดมุขนี้มาเลยเหรอ เอาสิ ในเมื่อเจ้าสามารถพูดปดได้ เราก็พูดได้เช่นกัน ) “ โอ้ ท่านเสือเหลือง
แม่แพะพยายามร้องขอชีวิตของตนจากเสือเหลือง
เราไม่กล้าไปเหยียบหางของท่านหรอก แล้วอีกอย่างเรื่องที่ท่านเอาหางไปวางไว้ทั่วภูเขาและมหาสมุทรนั้น ญาติ ๆ ของเราได้บอกให้เราได้รู้หมดแล้ว เรากลัวจะเหยียบหางท่าน
เลยเหาะมาบนอากาส ” “ เฮ้อ ไม่รู้ว่าแม่แพะจะยื้อจะเสือเหลืองตัวนี้ไว้ได้นานสักเท่าไหร่ ดูเอาเถอะ เอาเรื่องอะไรมาพูดกัน เรื่องนี้เจ้าเสือเหลืองคงไม่ยอมให้แม่แพะรอดไปได้ง่าย ๆ
อย่างแน่นอน ”
เสือเหลืองได้ฆ่าแม่แพะเพื่อกินเป็นอาหารในที่สุด
(...ฮึ แม่แพะคิดจะต่อรองกับข้ารึ รู้จักเสือเหลืองอย่างเราน้อยไปสะแล้ว ) “ ข้ารู้ว่าเจ้ามาทางอากาศ แต่ก็เพราะเจ้าเหาะเสียงดัง ฝูงกวางเห็นเจ้าก็หนีไปหมด เจ้าทำอาหาร
ของข้าหนีไป เจ้าจะว่ายังไง ” “ โธ่ ท่านเสือเหลืองฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นจริง ๆ ฉันไม่ได้ทำให้อาหารของท่านหายไปเลยนะ เรื่องเป็นยังไงท่านก็รู้อยู่แก่ใจดี เหตุใดท่าน
ฤาษีสงสารแม่แพะเป็นที่สุดแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้
จึงกล่าวร้ายเราอย่างนี้ ” “ ฮึ ก็เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าเจ้าคืออาหารของเรานะสิ ไม่ว่าเจ้าพูดยังไง ข้าก็จะเอาชีวิตเจ้าอยู่ดี ” ไม่ว่าแม่แพะจะร้องขอชีวิตอย่างไรเสือเหลืองก็ไม่ใส่ใจ
มันใช้กำลังตะครุบแม่แพะและฆ่ากินเป็นอาหารในที่สุด “ มาเป็นอาหารของข้าสะเถอะเจ้าแพะ ข้าหิวมาทั้งวันแล้ว ” “ ได้โปรดเถอะ อย่า อย่าฆ่าฉันเลย โอ้ย ”
“ นี่แหละนะ ขึ้นชื่อว่าผู้ร้ายมักไม่มีเหตุผลและคุณธรรม อย่างนี้แหละ ที่เขาเรียกว่าไม่มีสัจจะในหมู่โจร ช่างน่าสงสารเจ้าแม่แพะจริง ๆ
ในพุทธกาลปัจจุบัน ฤาษีผู้บำเพ็ญเพียรในป่าหิมพานต์
เสวยพระชาติเป็น พระพุทธเจ้า