ชาดก 500 ชาติ
กัณหทีปายน-ชาดกว่าด้วยความรักที่มีต่อบุตร
“ ดูกรภิกษุ ได้ยินว่าเธอกระสันจริงหรือ ” “ เออ จริงพระเจ้าค่ะ ” “ ดูกรภิกษุเมื่อครั้งพระพุทธเจ้ายังไม่เกิดขึ้น
เพราะกลัวหิริโอตตัปปะจะทำลาย เธอบวชในศาสนาที่จะนำออกจากทุกข์ เห็นปานนี้ตั้งอยู่เฉพาะพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าผู้เป็นครูเช่นเรา
จึงทรงนำเรื่องในอดีตมาสาทกดังนี้ ในอดีตกาลพระเจ้าโกสัมพิกะครองราชสมบัติอยู่ในพระนครโกสัมพีแคว้นวังสะ
แล้วออกบวชเป็นดาบส สร้างอาศรมอยู่ในป่าหิมพานต์ “ เอาล่ะ เราสร้างอาศรมแล้ว บำเพ็ญเพียรที่นี่ก็แล้วกัน ”
ไม่สามารถทำฌานให้เกิดขึ้นได้ ล่วงไปจน ๕๐ ปี วันหนึ่งดาบสทั้งสองได้เดินทางไปหาเพื่อนชื่อ มัณฑัพยะ ที่แคว้นกาสี
๓-๔ พรรษา แล้วจึงลานายมัณฑัพยะเที่ยวจาริกไปถึงเมืองพาราณสี อาศัยอยู่ในป่าช้า ต่อมาทีปายนดาบสได้กลับมาไปที่บ้านของสหายอีกครั้ง
ชาวบ้านพบเข้าก็พากันไล่จับโจร เมื่อจวนตัว โจรจึงรีบวิ่งเข้าป่าช้า แล้วทิ้งห่อทรัพย์ไว้ที่ประตูบรรณศาลาของมัณฑัพยะดาบส
ที่โจรทิ้งไว้หน้าบรรณศาลา ก็เข้าใจว่ามัณฑัพยะดาบสเป็นโจร พากันด่าทอและรุมทำร้ายมัณฑัพยะดาบส
จนหน่ำใจแล้ว ชาวบ้านก็พาตัวส่งพระราชา พระราชาไม่ทรงพิจารณาให้ถี่ถ้วนก็สั่งให้ราชบุรุษเอาตัวไปเสียบหลาวเสีย
แต่เสียบหลาวไม่เข้า แม้จะลองเอาไม้สะเดาหรือหลาวเหล็กก็เสียบไม่เข้า “ เจ้านี่มันต้องเล่นของแน่ ๆ เลย ถึงเสียบหลาวไม่เข้า ”
ก็จับแมลงวันมาตัวหนึ่งแล้วเอาหนามไม้ทองหลางมาเสียบก้น หนามทองหลางติดอยู่ในตัวแต่ไม่ได้ทำให้แมลงวันตาย ต้องทุกข์ทรมานจนสิ้นอายุขัย
พวกราชบุรุษกระทำตามที่มัณฑัพยะดาบสบอก ก็สามารถเสียบหลาวเข้า จากนั้นก็จัดยามเฝ้ามัณฑัพยะดาบสเอาไว้
ถึงได้ถูกเสียบด้วยหลาวแบบนี้ ” “ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ความจริงแล้วข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ” “ แล้วท่านโกรธเคืองคนที่ทำร้ายท่านหรือเปล่า ”
เลือดที่ไหลจากตัวมัณฑัพยดาบสก็หยดลงบนตัวทีปายนดาบสจนเลือดแห้งดำไปทั้งตัว จึงได้นามเติมต้นว่า กัณหทีปายน เพราะนั่งพิงหลาว
“ ข้ามานั่งเฝ้าสหาย มหาบพิตรทรงทราบแล้วหรือ ว่าสหายของข้าทำผิดจริงหรือไม่ จึงได้ลงพระราชอาญา ” “ ความจริงเราก็ไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดี
จึงรับสั่งให้ถอนหลาวออก พวกราชบุรุษก็ไม่สามารถจะถอนหลาวออกได้ “ อะไรกันตอนแรกแทงไม่เข้า มาตอนนี้ถอนไม่ออกอีก ”
ทำตามประสงค์ของมัณฑัพยดาบส จากนั้นขอขมาดาบสทั้งสอง พร้อมทั้งนิมนต์ให้อยู่ในพระราชอุทยานและให้การดูแลเป็นอย่างดี
หายดีแล้วก็กลับไปสำนักนายมัณฑัพยะผู้เป็นสหายคฤหัสถ์ของตน เมื่อทีปายนดาบสมาถึงบรรณศาลา นายมัณฑัพยะพร้อมด้วยบุตรภรรยา
ได้นำอาหาร เครื่องหอม
ดอกไม้มาต้อนรับแล้วนั่งฟังข่าวอาณิมัณฑัพยดาบส ขณะนั้นบุตรของนายมัณฑัพยะชื่ออยัญญทัตตกุมารเล่นลูกข่างอยู่ข้างจอมปลวก ซึ่งมีงูพิษอาศัยอยู่
ลูกข่างตกถูกหัวงูในโพรงจอมปลวก เมื่อกุมารนั้นลวงมือไปเก็บลูกข่าง ก็ถูกงูที่กำลังโกรธกัดจนสลบ “ โอ้ย ” “ ตายแล้ว ลูกเราถูกงูกัด ”
“ ท่านดาบส ช่วยลูกของข้าด้วย ท่านต้องมียา หรือมีคาถาช่วยลูกข้าได้แน่ ๆ ” “ เราไม่มียารักษา แล้วก็ทำอย่างที่ท่านว่าไม่ได้หรอก ” “ ถ้าอย่างนั้น
ท่านช่วยทำสัตยาธิษฐานเพื่อช่วยลูกของข้าด้วยเถิด ” เมื่อสหายขอให้ช่วย ทีปายนดาบสจึงไม่อาจนิ่งดูดายได้ จึงตั้งจิตอธิษฐานทำสัจกิริยา
แล้ววางมือลงบนศีรษะยัญญทัตตกุมาร “ เมื่อตอนแรกที่เราบวช เรายินดีประพฤติพรหมจรรย์ได้เพียง ๗ วันเท่านั้น จากนั้นแม้เราไม่ยินดีก็ทนประพฤติพรหมจรรย์
ถึง ๕๐ กว่าปี ด้วยความสัตย์อันนี้ ขอให้ยัญญทัตตกุมารจงรอดชีวิตเถิด ” เมื่อกล่าวสัจกิริยาแล้ว พิษในกายท่อนบนของยัญญทัตตกุมารก็หาย
สามารถลืมตาแล้วก็ร้องเรียกแม่ได้ “ สัจกิริยาของเราช่วยท่านได้เท่านี้ ท่านจงทำสัจกิริยาบ้างเถิด ” นายมัณฑัพยะวางมือลงที่หน้าอกบุตรชาย
แล้วกล่าวสัจกิริยาบ้าง “ เมื่อแขกจะมาพักที่บ้าน บางครั้งข้าก็ไม่อยากให้พัก แต่ก็ยอมให้พัก เรื่องนี้ไม่เคยมีใครรู้มาก่อน
ด้วยความสัตย์นี้ของให้ลูกองข้าจงรอดชีวิตด้วยเถิด ” เมื่อบิดาทำสัจกิริยาพิษในกายตอนเหนือสะเอวของยัญญทัตตกุมารก็หายไป สามารถลุกนั่งได้
แต่ไม่สามารถยืนได้ นายมัณฑัพยะจึงบอกให้ภรรยาของตนทำสัจกิริยาบ้าง “ ข้ามีคำสัตย์ที่ไม่อาจบอกต่อหน้าท่านได้ ”
“ น้องหญิงเจ้าจงทำเพื่อช่วยลูกของเราเถิด ” “ ลูกรัก งูพิษที่กัดเจ้ากับพ่อของเจ้านั้น ก็เป็นสิ่งที่แม่ไม่รักไม่ชอบด้วยกันทั้งคู่ ด้วยความสัตย์นี้ขอให้ลูก
จงรอดชีวิตเถิด ” เมื่อสิ้นสัจกิริยา พิษทั้งหมดก็หายไป ยัญญทัตตกุมารสามารถลุกขึ้นเดินและเล่นต่อไปได้
แล้วทำไมท่านไม่ออกมาครองเรือนหละ ” “ เพราะเราไม่อยากให้ใครว่าเราเป็นคนเหลวไหล กลับกรอกนะสิ
พูดจบนายมัณฑัพยะจึงหันไปถามถึงสาเหตุที่ภรรยาฝืนใจครองเรือนอยู่ด้วยกัน โดยไม่ได้มีความรักต่อตนเลย “ น้องหญิง ข้าไม่รู้มาก่อนเลย ว่าเจ้า
ไม่ได้รักข้า ทำไมเจ้ายังฝืนทนอยู่กับข้าด้วยหละ ”
รู้ตัวว่าความลับของนางจะทำให้ผู้เป็นสามีโกรธ จึงขอโทษสามีต่อหน้าดาบส เพื่อจะได้รับการยกโทษ “ ข้ารู้ ว่าข้าไม่ควรพูดแบบนั้น แต่ทำไปก็เพื่อลูกของเรา
ยกโทษให้ข้าด้วยเถิด ” “ ข้าไม่โทษเจ้าหรอก ต่อไปเจ้าก็อย่าได้ทำแบบนั้นอีก ”
เมื่อสหายยกโทษให้ภรรยาแล้ว ทีปายนดาบสจึงบอกให้นายมัณฑัพยะทำทาน ด้วยเชื่อในกรรมและผลของกรรม “ ต่อไปท่านจงทำทานด้วยศรัทธาเถิด ”
“ ข้าจะทำตามที่ท่านบอก ตั้งแต่นี้ต่อไป ขอให้ท่านมีจิตที่เลื่อมใสยินดีในการฟระพฤติพรหมจรรย์เถิด ” ตั้งแต่นั้นมาภรรยาของนายมัณฑัพยะก็มีความเสน่หา
ในสามีเป็นอย่างดี นายมัณฑัพยะก็มีจิตเลื่อมใสถวายทานด้วยศรัทธา
ทีปายนดาบสก็บรรเทาความเบื่อหน่าย ประพฤติพรหมจรรย์ ทำฌานและอภิญญาให้เกิดขึ้น พระศาสดาแสดงธรรมเทศนาจบ ภิกษุผู้กระสันได้บรรลุ
โสดาปัตติผล และทรงประชุมชาดกว่า