ชาดก 500 ชาติ
มณิกัณฐชาดก-ชาดกว่าด้วยขอสิ่งที่ไม่ควรขอ
ในการทำทานเลย ” “ นี่บ้านเมืองเราเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย เป็นพระแทนที่จะใช้กลับมีแต่ขอ ” “ นั่นนะสิ พวกเราก็หาเช้ากินค่ำ
ข้าว่าท่านคงไม่ขอให้เราทำทานสร้างกุฏิเหมือนพระรูปอื่นหรอก ” “ เจ้ารู้ได้ยังไง ข้าว่าเราหลบไปก่อนดีกว่า ถ้าพระรูปนี้เกิดเอ่ยปากขอ พวกเราจะลำบากใจ
กันเปล่า ๆ นะ ” “ ก็จริง แบบนี้เราเผ่นก่อนดีกว่า ” เมื่อพระมหากัสสปกลับจากบิณฑบาตแล้ว ภายหลังภัตตาหารจึงเรียกภิกษุทั้งหลายมาซักถาม “
ว่าเราจะขอให้พวกเขาสร้างกุฏิกระมัง ” “ เฮ้อ เราก็แค่อยากจะให้ชาวบ้านได้บุญเยอะ ๆ ก็เลยขอไปแบบนั้น ” “ ไม่ใช่แค่ชาวบ้านได้บุญ พวกเราเอง
ก็จะได้สบายด้วย ”
ให้ประชุมภิกษุสงฆ์ แล้วทรงสอบถามพวกภิกษุชาวเมืองอาฬวี “ เราได้ข่าวว่าพวกเธอให้เขาสร้างกุฏิด้วยการเที่ยวขอนั้น เป็นจริงหรือไม่ ”
“ จริงพระเจ้าค่ะ พวกข้าขอแก่ชาวบ้านเช่นนั้นจริง ”
ขึ้นชื่อว่าการขอนี้ย่อมไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคทั้งปวงผู้อยู่ในนาคพิภพอันบริบูรณ์ด้วยรัตนะ ๗ จะป่วยกล่าวไปใยถึงพวกมนุษย์ผู้ทำทรัพย์ให้
เกิดขึ้นสัก ๑ กหาปณะ ก็ยังยาก เป็นประหนึ่งทำเนื้อให้เกิดขึ้นจากหินดังนี้แล้ว
พระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ซึ่งมีทรัพย์สมบัติมาก แม้ในเวลาพระโพธิสัตว์นั้นเที่ยววิ่งเล่นได้ มารดาของพระโพธิสัตว์
บังเกิดบุตรอีกคนหนึ่ง
ไปเร็วเหลือเกิน ต่อไปข้าจะอยู่อย่างไร ” “ ธรรมดาโลกเราก็เป็นเช่นนี้ล่ะ เจ้าอย่าได้เสียใจไปเลย ” “ ท่านพี่แล้วแบบนี้เราจะทำอย่างไรต่อไปดี ”
ของฤาษีพี่ชายอยู่เหนือแม่น้ำคงคา ส่วนบรรณศาลาของฤาษีผู้น้องนั้นตั้งอยู่ใต้แม่น้ำคงคา “ เอาล่ะต่อไปเราก็ตั้งใจบำเพ็ญเพียรกันเถอะนะ ”
ก็แล้วกันนะ ” อยู่มาวันหนึ่ง พระยานาคนามว่ามณิกัณฐะ ออกจากนาคพิภพ จำแลงเพศเป็นมาณพน้อย เที่ยวไปตามฝั่งแม่น้ำคงคา ไปถึงอาศรมของฤาษี
ผู้น้อง จึงไหว้แล้วนั่ง ณ ส่วนข้างหนึ่ง
ว่าแต่ท่านกำลังจะไปที่ใดรึ ” “ ข้าก็เดินทางท่องเที่ยวตามฝั่งคงคามาเรื่อย ๆ จนได้มาเจออาศรมของท่านนี่แหละ ” ดาบสผู้น้องและมานพหนุ่มได้พูดคุย
กันพักใหญ่ต่างกระทำสัมโมทนียกถาได้เป็นผู้สนิทสนมคุ้นเคยกัน ไม่เป็นอาจเว้นว่างห่างกัน
“ ดี ถ้าอย่างนั้น ข้าจะมาแวะเวียนหาท่านทุกวันเลย ” มณิกัณฐะนาคมายังสำนักของดาบสผู้น้อง แล้วนั่งสนทนาปราศรัยกันอยู่เป็นประจำ ยิ่งสร้างความคุ้นเคย
และความสิเน่หาและได้เปิดเผยความถึงเรื่องที่ตนเป็นพญานาคจำแลงมา
ในพระดาบส ทุกครั้งก่อนที่มณิกัณฐะนาคจะกลับไปนั้นได้เปลี่ยนแปลงอัตภาพแล้วเอาขนตหางตวัดรัดรอบพระดาบส แล้วแผ่พังพานใหญ่ไว้เหนือศีรษะ
นอนพักอยู่หน่อยหนึ่ง พอบรรเทาความสิเน่หานั้นแล้วจึงคลายร่างไหว้พระดาบสลากลับยังนาคพิภพของตน
“ พรุ่งนี้เราจะรีบมาหาท่านก็แล้วกันนะ ” “ ไม่ต้องรีบหรอก ไว้ว่าง ๆ ท่านค่อยมาหาเราก็ได้ ” ด้วยเพราะความกลัวพญานาคนั้นพระดาบสจึงซูบผอมเศร้าหมอง
ผิวพรรณไม่ผ่องใส เกิดเป็นโรคผอมเหลือง มีเนื้อตัวสะพรั่งไปด้วยแถวเส้นเอ็น
ทำให้ไม่เป็นอันกินอันนอนดาบสผู้น้องจึงตัดสินใจไปหาดาบสพี่ชาย “ ดูก่อนท่านผู้เจริญ เพราะเหตุใดท่านจึงซูบผอม เศร้าหมอง มีผิวพรรณทราม เกิดเป็นโรค
ผอมเหลือง เนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น ”
ที่ทำให้ตนมีความทุกข์นั้นแก่ดาบสผู้พี่ “ ท่านผู้เจริญ ก็ท่านไม่ต้องการให้พญานาคนั้นมาหรือ ” “ ใช่แล้วล่ะท่านพี่ กลัวว่าสักวันหนึ่ง ข้าจะโดนรัด
จนตายไปเลย ”
ประดับเครื่องประดับอะไรมารึ ” “ ที่ข้าเห็นก็มีเพียงแก้วมณีดวงหนึ่งเท่านั้น ” “ ดีเลย เมื่อพญานาคนั้นมาไหว้ท่านแล้วยังไม่ทันนั่ง จงรีบขอดวงแก้วมณี
เมื่อขออย่างนั้น พญานาคนั้นไม่จักรัดท่านด้วยขนตเลย แต่จักไปในทันที วันรุ่งขึ้นพญานาคมายืนที่อาศรมบทยังไม่ทันเข้าไป ท่านพึงขออีก ในวันที่สาม
ท่านก็จงไปยืนอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำคงคา พอพญานาคนั้นผุดขึ้นจากน้ำพึงร้องขอทันที เมื่อเป็นอย่างนี้พญานาคนั้นจักไม่มาหาท่านอีกต่อไป ”
“ ถ้าอย่างนั้นข้าจะลองทำตามที่ท่านแนะนำก็แล้วกันนะ ” ดาบสผู้น้องรับคำแล้วกลับไปบรรณศาลาของตน วันรุ่งขึ้นเมื่อพญานาคเข้ามายังบรรณศาลา
เหมือนเช่นเคย ยังไม่ทันได้นั่ง ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณีนั้นทันที “ ท่านจงให้แก้วมณีเครื่องประดับนั้นแก่เราเถิด ”
พญานาคนั้นไม่นั่ง แต่กลับหนีไปในทันที ครั้นวันที่สองพญานาคนั้นมายืนอยู่ที่ประตูอาศรมบทเท่านั้น ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณีอีก “ เมื่อวาน
ท่านยังไม่ให้แก้วมณีแก่เรา แม้วันนี้ ท่านก็จงให้ในบัดนี้เถิด ” เมื่อเป็นเช่นนั้นพญานาคก็ไม่ได้เข้าไปยังอาศรมบทและรีบหนีไป
ในวันที่สามดาบสผู้น้องได้ไปยืนรอพญานาคที่ฝั่งแม่น้ำคงคาตามอุบายของดาบสผู้พี่ เมื่อพญานาคนั้นโผล่ขึ้นจากน้ำ ดาบสผู้น้องก็ร้องขอดวงแก้วมณี
จากพญานาคอีกเป็นครั้งที่สาม “ เมื่อเราร้องขออยู่วันนี้เป็นวันที่สามแล้ว บัดนี้ท่านจงให้แก้วมณีดวงนั้นแก่เราเถิด ”
พญานาคแม้อยู่ในน้ำ เมื่อจะห้ามดาบสนั้นไม่ให้ขอ จึงได้กล่าวขึ้นว่า “ ข้าวและน้ำอันไพบูลย์ยิ่งย่อมเกิดขึ้นแก่ข้าพเจ้า เพราะเหตุแก้วมณีดวงนี้
ข้าพเข้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกด้วย
เมื่อท่านของแก้วมณีอันเกิดแต่หินดวงนี้ ย่อมทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว เหมือนชายหนุ่มที่มีมือถือดาบอันลับแล้วที่หิน มาทำให้ข้าพเจ้าหวาดเสียว
ฉะนั้นข้าพเจ้าจักให้แก้วมณีดวงนั้นแก่ท่านไม่ได้ ท่านก็ยิ่งขอหนักขึ้น ทั้งตัวข้าพเจ้าก็จักไม่มาสู่อาศรมของท่านอีกต่อไป ”
เมื่อพญานาคไม่ได้แวะเวียนมายังบรรณศาลาอีกดาบสผู้น้องก็กลับมากินได้ นอนหลับเหมือนเดิม ร่างกายก็กลับมาสมบูรณ์ผ่องใสดังเดิม
เศร้าหมองผิวพรรณไม่งดงามเกิดเป็นโรคผอมเหลืองมีเนื้อตัวสะพรั่งด้วยแถวเส้นเอ็น หนักยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนเพราะไม่ได้เห็นพญานาคผู้น่าดูตนนั้น
จึงไปยังสำนักดาบสนั้น ได้เห็นดาบสผู้น้องนั้นมีโรคผอมเหลืองหนักกว่าเดิม “ ท่านผู้เจริญ เพราะเหตุไรหนอท่านจึงเกิดโรคผอมเหลืองยิ่งกว่าเดิม ” “ ตอนแรก
ข้าก็ดีใจที่ไล่พญานาคไปได้สำเร็จ แต่พอนานวันเข้า ข้าก็กลับคิดถึง จนไม่เป็นอันกินอันนอนเลยล่ะท่านพี่ ”
ก็ไม่ได้มาให้พราหมณ์นั้นเห็นอีกเลย ” เมื่อดาบสผู้พี่ครั้นกล่าวกับดาบสผู้น้องอย่างนั้น แล้วจึงกล่าวปลอบโยนแล้วกลับไปยังอาศรมของตน “ ผู้เจริญ
ตั้งแต่บัดนี้ไปท่านอย่าเศร้าโศกเสียใจเลย ” “ ขอบคุณท่านที่เตือนสติข้า ต่อไปข้าจะตั้งใจบำเพ็ญเพียรไม่คิดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ”
ครั้นในกาลต่อมาดาบสพี่น้องทั้งสองนั้นทำฌานและสมาบัติให้บังเกิดแล้วได้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระบรมศาสดาทรงตรัสกับภิกษุ
ทั้งหลาย “ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อว่าการขอไม่เป็นที่ชอบใจ แม้ของพวกนาคที่อยู่ในนาคพิภพอันสมบูรณ์ด้วยรัตนทั้ง ๗ ประการ จะป่วยกล่าว
ไปใยถึงมนุษย์ทั้งหลายเล่า ” พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว ทรงประชุมชาดกว่า