ชาดก 500 ชาติ
ทุททุภายชาดก-ชาดกว่าด้วยกระต่ายตื่นตูม
ในชมพูทวีปนั้น เหล่าสาวกต่างอยู่ร่วมกันอย่างสงบร่มเย็นภายใต้คำสอนขององค์พระบรมศาสดา
บ้างก็ทนความร้อนอยู่ในกองไฟ ทุกรกิริยาของเดียรถีย์เหล่านี้ได้อยู่ในสายตาของพระภิกษุที่ออกบิณฑบาตไปมาทั้งสิ้น
“ โหย พวกเดียรถีย์ทั้งหลายนั้น ประพฤติมิจฉาตบะเยี่ยงนั้นเพื่อกระไรกันแน่ ” “ มันต้องมีอะไรพิเศษแน่ ๆ พวกเดียรถีย์เหล่านี้ถึงได้ประพฤติ
เยี่ยงนั้นอยู่เป็นนิจ ”
ทรงทราบถึงเรื่องราวก็ทรงตรัสถามถึง “ ดูก่อนภิกษุผู้เป็นสาวกแห่งเรา เธอทั้งหลายได้พานพบกับสิ่งใดกันมาหรือ ”
พระเชตวันมหาวิหารแห่งนี้ พวกเราก็เลยสงสัยกันว่าสาระแก่นสารในการสมาทานวัตรของเดียรถีย์เหล่านั้นมีอยู่ด้วยหรือพระเจ้าค่ะ ”
ที่กลัวเสียงกึกก้องนั้นเอง ” “ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกข้าพระองค์ทั้งหลายใคร่สงสัยว่าการที่เหมือนกับกระต่ายตื่นตูมนั้นเป็นเช่นไร
ขอพระองค์ทรงสาทกแก่พวกข้าพระองค์เป็นบุญด้วยเถิดพระเจ้าข้า ”
ณ เมืองพาราณสี นครแห่งพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ผู้เปี่ยมด้วยทศพิศราชธรรมปกครองดินแดนอย่างผาสุก
เป็นอย่างดีและในป่าใกล้ ๆ พระนคร มีราชสีห์ตัวหนึ่งพำนักครองตนเป็นเจ้าป่าแห่งนั้น
“ อากาศสดชื่นดีจริง ๆ กระต่ายอย่างเราจะมีอะไรทำนอกจากนอนให้เปรมปรีดิ์ ” กิจวัตรประจำวันของกระต่ายนั้นก็คือการออกหาอาหาร
เกิดอาเพศแผ่นดินถล่มฟ้าทะลายขึ้นมาเราจะทำยังไงดีละเนี่ย เอ้ พูดแล้วมันก็น่าคิดนะเนี่ย น่ากลัวอยู่เหมือนกันแฮะ ” ยังไม่ทันที่ความคิด
จะจางหายไปจู่ ๆ ผลมะตูมลูกหนึ่งก็หล่นจากต้นตกใส่บนหลังคาใบตาลอันเป็นรังของเจ้ากระต่ายเข้าเต็มเปา
แย่แล้ว ๆ เผ่นดีกว่าเรา ” เสียงเจ้ากระต่ายตื่นตูมร้องระงมไปทั่วสร้างความฉงนแก่เหล่ากระต่ายตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในละแวงเดียวกัน
” เมื่อวิ่งตามกระต่ายตัวแรกทันกระต่ายตัวนั้นจึงเอ่ยปากถามด้วยความสงสัยถึงสาเหตุที่กระต่ายขี้ตกใจตัวนั้นต้องวิ่งหนีสุดชีวิต “ นี่ นี่ นี่ ตกลงเจ้าจะบอกข้า
ได้หรือยังว่าวิ่งหนีอะไรมานี่ หน้าตาแตกตื่นจริงๆ ”
“ เฮ้ย จริงดิ งั้นรอช้าอยู่ทำไม ข้าไปก่อนละนะ ” “ เฮ้ย เฮ้ย เฮ้ย รอข้าด้วย ” เหตุการณ์โกลาหลไปกันใหญ่ไม่เพียงแค่กระต่ายสองตัวเท่านั้น
ที่ต่างวิ่งหนีกันไม่คิดชีวิต แม้แต่กระต่ายตัวอื่น ๆ
กันมาโดยไม่ถามถึงสาเหตุ ด้านสัตว์อื่น ๆ ในป่าเมื่อเห็นฝูงกระต่ายนับพันวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตก็ต่างพากันออกวิ่งตามฝูงกระต่ายไปโดยไม่ยอมถามไถ่
ใด ๆ ทั้งสิ้น “ เฮ้ย นั้นฝูงกระต่ายมันหนีอะไรของมัน
วิ่งกันไปหมดแล้ว หมูอย่างเราจะอยู่ทำไมละเนี่ย ไปกันมั่งดีกว่า เฮ้ย เจ้ากวางเอ้ย รอข้าด้วย ” “ อ้าว ไม่บอกกันบ้างเลยพวกเจ้านี่ รอข้าด้วย รอข้าด้วย
ข้าขอไปด้วยคน รอด้วย ” “ วิ่งกันป่าราบขนาดนี้อย่ามัวแต่เลมหญ้าสิพวกเรา ไปกับเขาบ้างดีกว่า เร็ว เร็วเข้า ไปกันเถอะ
แรดจะวิ่งแล้วนะ ” “ เล่นหนีหมดป่าอย่างนี้เราจะอยู่ทำไม อยู่ไปก็ไม่มีตัวอะไรให้กิน ชะรอยต้องตาม ๆ กันไปแล้วสิเรา ” “ โอ้ย รอข้าด้วย ข้าตัวใหญ่วิ่งตาม
เพื่อรักษาตัวรอดยิ่งสร้างความตื่นตระหนกตกใจ พากันแตกตื่นกันยกใหญ่ “ เฮ้อ เฮ้อ เจ้ากระต่ายพวกเจ้าพากันวิ่งทำไมเนี่ย พวกข้าก็พลอยวิ่งตาม
เหนื่อยเป็นหมาหอบแดกเชียว เฮ้ย ไม่ใช่สิกลายเป็นกวางหอบแดกถึงจะถูก ”
“ ที่ข้าวิ่งไม่คิดชีวิตเนี่ยก็เพราะแผ่นดินกำลังจะถล่มนะสิ ” “ หะ อะไรนะ แผ่นดินกำลังจะถล่มเหรอ ” ป่าทั้งป่าสะเทือนด้วยฝีเท้าของบรรดาสัตว์น้อยใหญ่
ฝ่ายราชสีห์นั้นเล่าด้วยความที่มีจิตใจสงบเยือกเย็นจึงไม่แตกตื่นตามฝูงสัตว์เหล่านั้น จึงออกปากถามฝูงสัตว์ที่วิ่งแตกตื่น “ ช้าก่อนพวกท่านทั้งหลาย
นี่พวกท่านวิ่งหนีสิ่งใดกันมารึ ” “ ปัดโธ่ ท่านราชสีห์ท่านมัวไปอยู่ที่ไหนมา นี่แผ่นดินกำลังจะถล่มอยู่แล้ว
ท่านไม่รู้เรื่องบ้างเลยหรือไง รีบ ๆ หนีเถอะไปไม่มีเวลามาคุยแล้วเดี๋ยวจะไม่ทันกาล ” ราชสีห์เมื่อได้ยินดังนั้นแทนที่จะออกวิ่งตามฝูงสัตว์เหล่านั้นไป
แต่กลับยืนสงบครุ่นคิดพิจารณาถึงเหตุผลความน่าจะเป็นด้วยเหตุและผล “ อืม ตามธรรมดาแล้วนี่เหตุการณ์แผ่นดินถล่มนี้ไม่เคยปรากฎมาก่อนนี่น่า
มันจะเป็นไปได้ยังไงเราเองก็ยังไม่รู้สึกอะไรซะหน่อย เอ้ ดูท่าพวกสัตว์เหล่านี้จะต้องไปเจออะไรที่ทำให้เข้าใจผิดเลยพากันแตกตื่นกันไปยกใหญ่เป็นแน่
เรียกสติพวกนั้นหน่อยแล้ว ” เมื่อคิดได้ดังนั้นราชสีห์จึงออกวิ่งสุดฝีเท้า หากแต่ไม่ได้วิ่งตามฝูงสัตว์เหล่านั้นแต่ราชสีห์กลับวิ่งอ้อมไปดักที่หน้าผา
ซึ่งเป็นทางที่เหล่าฝูงสัตว์กำลังวิ่งมุ่งหน้าไป “ เราต้องรีบวิ่งไปไปดักฝูงสัตว์พวกนั้นไว้ ขืนปล่อยไว้อย่างนี้พวกนั้นได้แต่วิ่งจนตกหน้าผาตาย
กันหมดแน่ ๆ ”
งุนงงให้กับฝูงสัตว์ที่เห็นราชสีห์มาขวางทางหนีของพวกตนเอาไว้ “ ท่านราชสีห์จะมาขวางพวกเราทำไมเนี่ยแผ่นดินจะถล่มอยู่แล้วรีบหลบไปเร็ว ”
“ ใช่ ใช่ ใช่ รีบหลบไปเร็วซิท่านเดี๋ยวก็ตายกันหมดป่าหรอก ยิ่งรีบ ๆ อยู่ ยืนอยู่ได้ เกะกะ ” ราชสีห์ไม่ตอบใด ๆ แต่กลับยื่นอกกู่ก้องคำราม
ความโกลาหลจึงสงบลง “ อะไรเนี่ยพ่อราชสีห์เล่นซะตกอกตกใจหมดเลย คำรามทำไมล่ะพ่อราชสีห์ ” “ นั่นสิ เล่นเอาพวกเราสะดุ้งไปเลย มันเกิดอะไรขึ้น
กันแน่นี่ ” “ เราสิที่ต้องเป็นฝ่ายถามพวกท่าน ว่าพวกท่านวิ่งแตกตื่นหนีสิ่งใดกันมารึ มีใครจะตอบเราได้ไหม ”
“ ช้างไง พวกช้างนะรู้ ” “ จริงรึท่านช้าง ” “ เฮ้ย เปล่านา ข้าไม่รู้ ข้าเห็นเจ้าเสือวิ่งก็เลยวิ่งตาม ท่านต้องไปถามตาเสือโน่น ” “ ว่าไงละท่านเสือ ” “ เฮ้ย ข้าก็ไม่รู้
ข้าก็วิ่งตามแรดมา โน่นไปถามแรดโน่นเลยท่านราชสีห์ ” “ เล่นโยนกันอย่างนี้แล้วข้าจะตอบยังไงล่ะ ตาข้าก็ไม่ดีจะไปเห็นได้ไง ข้าก็วิ่งตามเจ้าวัวป่ามา
เหมือนกันเนี่ย ท่านราชสีห์ถามพวกวัวดีกว่านะ พวกนั้นน่าจะรู้ดี ” “ เอ้า ว่ายังไงแม่วัว ”
วิ่งตามเจ้าหมูป่ามาอีกทีนะท่านราชสีห์ อ้าวมัวนิ่งอยู่ทำไมล่ะเจ้าหมูบอกท่านราชสีไปซิ ว่าเจ้าวิ่งมาทำไม ” “ งานเข้าซิเรา ข้าก็ไม่รู้หรอกว่าวิ่งทำไมเห็น
เจ้ากระต่ายมันวิ่งกันหน้าตื่นเป็นร้อยเป็นพันตัว วิ่งซะป่าราบเชียว ข้าตกใจเลยก็เลยวิ่งตามมันเท่านั้นเอง ข้าจะรู้ได้ไงว่าเจ้าควายมันวิ่งตาม ทางที่ดีถาม
กระต่ายก็ได้นะ เพราะมันวิ่งก่อนเพื่อนเลยเนี่ยท่านราชสีห์ ”
จึงให้กระต่ายตื่นตูมตัวแรกที่ออกวิ่งเป็นผู้บรรยายให้ฟังถึงสิ่งที่เกิดขึ้น “ ข้าแต่ท่านราชสีห์ พวกข้าทั้งหลายเห็นเจ้ากระต่ายตัวนั้นวิ่งตะโกนปาว ๆ ว่าแผ่นดินถล่ม
ก็เลยวิ่งตาม ” เมื่อหาตัวต้นเหตุเจอราชสีห์จึงเอ่ยปากถามกระต่ายตื่นตูมตัวนั้นถึงสาเหตุในการวิ่งหนีครั้งใหญ่นี้ “ เป็นท่านเองรึกระต่ายน้อยที่เห็นแผ่นดินถล่มน่ะ ”
“ ใช่แล้วจ๊ะท่านราชสีห์ ข้านี่แหละเห็นว่าแผ่นดินไหว ได้ยินกับหูได้เห็นกับสองตาข้าเลย เต็ม ๆ ” “ แล้วท่านไปอยู่ที่ใดรึถึงได้เห็นแผ่นดินถล่มหนะ ”
รังของข้า ตอนนั้นข้ากำลังคิดอยู่เลยว่า ถ้าเกิดเหตุแผ่นดินถล่มขึ้นมาแล้วข้าจะหนีไปทางไหนดี ยังไม่ทันคิดเสร็จก็มีเสียงดังปานแผ่นดินถล่มขึ้น ข้าก็เลยตัดสินใจ
วิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตเลยท่านราชสีห์ ” เมื่อได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดราชสีห์ก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่าทั้งหมดคงจะเกิดจากกระต่ายตื่นตูมตัวนั้น ทั้งหมดเข้าใจผิดคิดไปเอง
เป็นแน่แท้ (.....อืม ดูท่าคงเป็นเพราะผลมะตูมสุกหล่นใส่บนใบตาลนั่นเป็นแน่ที่ตกลงมาแล้วทำให้เกิดเสียงดังปานฟ้าถล่มดังที่เจ้ากระต่ายว่า
ก็เลยตัดสินใจจะให้กระต่ายพาตนไปดูจุดที่ได้ยินเสียงเพื่อพิสูจน์ให้แน่ชัดว่าเกิดจากสิ่งใด “ กระต่ายน้อยเอ๋ย ท่านจงพาเราไปที่รังของท่านเถิด เราจะขอไป
พิสูจน์ซะหน่อยสิว่าแผ่นดินถล่มที่ท่านได้ยินนั้นแท้จริงแล้วมันคืออะไร ระหว่างนี้พวกเจ้าทั้งหมดก็อย่าเพิ่งแตกตื่นนะ รอให้เราพิสูจน์ความจริงแล้วรีบกลับ
มาบอกพวกเจ้าทั้งหมด ”หลังจากปลอบโยนฝูงสัตว์ให้คลายความวิตกแตกตื่นไปได้แล้ว
อันเป็นรังที่พำนักของตน “ ตรงไหนรึเจ้ากระต่ายที่เจ้าได้ยินเสียงแผ่นดินถล่มน่ะ ” “ ข้าพเจ้าไม่กล้านะท่านราชสีห์ ข้าไม่กล้าเดินไปชี้ให้ดูหรอกข้ากลัว ” “ ท่านอย่า
ได้กลัวไปเลยอยู่ตรงไหนรึ จุดที่ท่านได้ยินเสียงน่ะช่วยชี้ให้เราดูหน่อยสิว่าเสียงนั่นคืออะไรแล้วมาจากตรงไหน ” “ แฮะ ๆ เอ่อท่านราชสีห์บอกตามตรงนะท่าน
ไม่ได้ดูอะไรทั้งนั้นแหละจ๊ะท่านราชสีห์ ” ราชสีห์เมื่อได้ฟังดังนั้นแล้วจึงเดินเข้าไปที่โคนต้นมะตูมยังที่ที่กระต่ายตัวนั้นนอนอยู่ และ ณ ภายใต้ใบตาลนั่นเองก็พบ
ผลมะตูมสุกที่หล่นลงอยู่เหนือใบตาลดังที่ตนคิดไว้ตั้งแต่แรก “ อือ ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เป็นดังที่เราคาดเอาไว้จริง ๆ ด้วย ” เมื่อทราบความจริงแล้วราชสีห์
ก็พากระต่ายขึ้นหลังแล้วออกวิ่งสุดกำลังเพื่อไปแจ้งให้ฝูงสัตว์ทั้งหลายที่คอยฟังคำตอบอยู่ เมื่อมาถึงฝูงสัตว์ทั้งหลายก็เอ่ยปากถามด้วยใจกระวนกระวาย
ถล่มเหรอ ” “แท้ที่จริงแล้วเป็นเพียงผลมะตูมสุขร่วงลงใส่หลังคาใบตาลรังของเจ้ากระต่ายก็เท่านั้นพวกเจ้าอย่าได้วิตกไปเลย กลับไปที่รังของพวกเจ้าแล้วดำรงชีวิต
ตามปกติเหมือนอย่างเดิมเถิดไม่มีอะไรต้องห่วงอีกแล้ว ” “ โหย เซ็งเลย เป็นเพราะเจ้ากระต่ายตื่นตูมแท้ ๆ เชียวที่ทำให้เราวิ่งหนีมาตั้งไกลเมื่อยข้าไปหมดแล้วเนี่ย
นี่ตาช้างขอขี่หลังกลับไปหน่อยได้รึเปล่า เคยได้ยินไหมทางเดียวกันไปด้วยกัน ”
“ อย่ามาตลกให้มากนักนะ เดี๋ยวก็ฟาดด้วยงวงซะหรอก ข้าก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย ” ตั้งแต่นั้นมาราชสีห์ก็ปกครองบรรดาสรรพสัตว์ในป่าด้วยความผาสุกสืบมา
ไม่มีเรื่องวิตกกังวลใจรบกวนฝูงสัตว์ทั้งหลายอีกต่อไป “ ด้วยเหตุดังที่เรากล่าวมานี้แล้วไซร้ เหตุเพราะกระต่ายได้ยินเสียงมะตูมสุกหล่นใส่หลังคาก็รีบวิ่งหนีไป หมู่สัตว์
ทั้งหลายเมื่อเห็นก็เอาแต่วิ่งตาม เปรียบดังชนเหล่าใด เอาแต่เชื่อตามเสียงคนอื่น ชนเหล่านั้นถือว่าเป็นคนพาล มีความประมาทเป็นอย่างยิ่งที่เอาแต่ตามผู้อื่น ส่วน
ชนเหล่าใดสมบูรณ์ด้วยศีลด้วยปัญญายินดีในความสงบ ชนเหล่านั้นนับว่าเป็นบัณฑิตงดเว้นความชั่วย่อมไม่เชื่อตามคนอื่นง่าย ๆ ”