ทบทวนฝันในฝัน วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2555
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 12
อานิสงส์โปรยกลีบกุหลาบ (ภาคพิเศษ) ตอนที่ 12
เรียบเรียงจากรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้จะมีเทวดาผู้มีบุญมาเนรมิตยานพาหนะที่ดีที่สุด
และที่พิเศษยิ่งไปกว่านั้น ก็คือ เมื่อกำลังบุญในตัวของลูกมีปริมาณที่หนาแน่นมากเข้า มากเข้า จนกระทั่งมีปริมาณมากพอที่จะส่งผลได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
ด้วยผลแห่งบุญที่ลูกๆ ได้ตั้งใจมารับบุญทำหน้าที่เป็น วี ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น SUPER V–ROSE, วีเคลียร์, วีคลีน หรือวีเสื่อ เป็นต้น หรือมาทำหน้าที่เป็นอุปัฏฐากแก้ว และมาโปรยกลีบกุหลาบ เพื่อให้ความสะดวกสบายแด่คณะพระธุดงค์จำนวน 1,127 รูปในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์ด้วยความรู้สึกปลื้มปีติเบิกบานใจ ด้วยผลแห่งบุญนี้ ก็จะส่งผลทำให้จะมีเทวดาผู้มีบุญมาเนรมิตยานพาหนะที่ดีที่สุด ให้กับตัวลูกตามที่ตัวลูกปรารถนา คือ ไม่ว่าตัวลูกปรารถนาอยากที่จะได้ยานพาหนะยี่ห้อไหน สีอะไร หรือรูปทรง เป็นอย่างไร จะดูสวย ขนาดไหน หรือจะเหนือชั้นเหนือระดับเพียงใด เทวดาผู้มีบุญก็จะเนรมิตยานพาหนะนั้น ให้บังเกิดขึ้นกับตัวลูกได้อย่างเป็นอัศจรรย์ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ยานพาหนะของตัวลูกจะถูกออกแบบตามความคิดและจินตนาการของตัวลูกนั่นเอง
ยานพาหนะที่เทวดามาเนรมิตให้ตัวลูกนั้นจะไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงานใดๆ ทั้งสิ้น
ที่น่าอัศจรรย์ใจยิ่งไปกว่านั้นก็คือ ยานพาหนะที่เทวดามาเนรมิตให้ตัวลูกนั้นจะไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงหรือพลังงานใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น น้ำมันดีเซล น้ำมันเบนซิน ก๊าซธรรมชาติ หรือพลังงานไฟฟ้า เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เป็นเพราะ ยานพาหนะของตัวลูกจะขับเคลื่อนไปด้วยอานุภาพแห่งบุญ และสามารถที่จะไปยังสถานที่ต่างๆ ได้ตามความปรารถนาของตัวลูก เรียกได้ว่า แค่เพียงตัวลูกกระดิกจิตปุ๊บ ยานพาหนะที่เกิดขึ้นด้วยอานุภาพแห่งบุญนี้ ก็จะนำพาตัวลูกให้ไปถึงที่หมายได้ภายในเสี้ยววินาทีนั้นนั่นเอง
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าตัวลูกปรารถนาอยากจะไปประเทศสหรัฐอเมริกา ตัวลูกก็เพียงแค่ขึ้นไปนั่งอยู่บนยานพาหนะ แล้วก็ทำใจนิ่งๆ พร้อมกับนึกเบาๆ ว่า“จะไปอเมริกา”เท่านั้น ยานพาหนะของตัวลูกก็จะแว้บไปถึงประเทศสหรัฐอเมริกาในทันทีเป็นต้น
เรื่องราวเกี่ยวกับยานพาหนะขั้นเทพที่เกิดจากอานุภาพแห่งบุญของ
ผู้มีบุญที่ไปดลจิตดลใจให้เทวดาผู้มีบุญมาเนรมิตยานพาหนะให้นั้น
ซึ่งเรื่องราวเกี่ยวกับยานพาหนะขั้นเทพที่เกิดจากอานุภาพแห่งบุญของผู้มีบุญที่ไปดลจิตดลใจให้เทวดาผู้มีบุญมาเนรมิตยานพาหนะให้นั้น ถ้าหากคนในยุคปัจจุบันฟังดูแล้ว ก็อาจจะรู้สึกว่าเหลือเชื่อ หรือเกิดความสงสัยว่า เทวดาที่ไหนจะใจดีมาเนรมิตยานพาหนะวิเศษให้ฟรีๆ แต่แท้ที่จริงแล้ว เรื่องราวในทำนองนี้ก็ไม่ได้เป็นเรื่องราวที่กล่าวเกินจริงแต่อย่างใด เพราะมีปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในยุคที่ศีลธรรมยังเจริญรุ่งเรืองอยู่ดังเช่นในสมัยโบราณกาล ซึ่งถ้าหากลูกๆ ได้ฟังเรื่องราวเรื่องนี้แล้วก็จะทำให้ลูกๆ มีกำลังใจในการสั่งสมบุญยิ่งๆ ขึ้นไป
เรื่องก็มีอยู่ว่า มีอยู่ภพชาติหนึ่ง พระโพธิสัตว์ได้เสวยพระชาติเกิดมาเป็นพราหมณ์หนุ่มรูปงามที่มีชื่อว่า “สังขะ” อาศัยอยู่ในเมืองโมลินี นอกจากในภพชาตินั้น พระโพธิสัตว์จะเกิดมาเป็นพราหมณ์หนุ่มรูปงามแล้ว ท่านยังมีโภคทรัพย์สมบัติมากมายอีกด้วย
ภพชาติดังกล่าว สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยรักการให้ทานเป็น
ชีวิตจิตใจ โดยท่านได้สร้างโรงทานเอาไว้เพื่อแจกจ่ายทานถึง 6 แห่ง
ซึ่งในภพชาติดังกล่าว สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์จะมีอัธยาศัยรักการให้ทานเป็นชีวิตจิตใจ โดยท่านได้สร้างโรงทานเอาไว้เพื่อแจกจ่ายทานถึง 6 แห่ง อีกทั้งในทุกๆ วัน ท่านจะสละทรัพย์ถึงวันละ 6 แสนกหาปณะ สำหรับเป็นค่าอาหารและเครื่องอุปโภคต่างๆ ที่จะสงเคราะห์แก่ชนทั้งหลายโดยไม่เลือกชั้นวรรณะอีกด้วย เรียกได้ว่า ใครมาถึงโรงทานนี้ พราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็จะเลี้ยงทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น คนยากจนหรือคนเดินทางไกล เป็นต้น
ท่านก็ตัดสินใจนำสินค้าลงเรือข้ามน้ำข้ามทะเลไปขายยังดินแดนสุวรรณภูมิ
เพื่อจะได้มีทรัพย์มาทำทานอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น
อยู่มาวันหนึ่ง สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็เกิดความกลัวขึ้นมาว่า ทรัพย์ของท่านจะหมดไปซักวันหนึ่ง เมื่อทรัพย์ของท่านหมดไป ท่านก็จะอดให้ทาน และถ้าชีวิตของท่านไม่ได้ให้ทาน ตัวท่านก็คงจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้ ดังนั้น เพื่อที่ท่านจะสามารถให้ทานแก่มหาชนทั้งหลายได้ต่อไป ท่านจะต้องรวยอย่างเดียวเท่านั้น
เมื่อสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์คิดเช่นนั้นแล้ว ท่านก็ตัดสินใจนำสินค้าลงเรือข้ามน้ำข้ามทะเลไปขายยังดินแดนสุวรรณภูมิ เพื่อจะได้มีทรัพย์มาทำทานอย่างไม่รู้จักหมดจักสิ้น
พระปัจเจก พุทธเจ้าพระองค์นี้ท่านก็ทราบด้วย ซึ่งการเดินทางไปขายสินค้าในครั้งนี้
พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านก็ได้เห็นถึงภยันตรายที่จะบังเกิดขึ้นกับพราหมณ์พระโพธิสัตว์
ซึ่งเรื่องราวของความมุ่งมั่นและความตั้งใจที่จะสั่งสมบุญ ด้วยการให้ทานของสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์นี้ ก็อยู่ในสายตาของพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งมาโดยตลอด แม้แต่เรื่องที่พราหมณ์พระโพธิสัตว์ตัดสินใจเดินทางไปขายสินค้าเพื่อหาทรัพย์มาทำบุญ พระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นี้ท่านก็ทราบด้วย ซึ่งการเดินทางไปขายสินค้าในครั้งนี้พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านก็ได้เห็นถึงภยันตรายที่จะบังเกิดขึ้นกับพราหมณ์พระโพธิสัตว์
ด้วยเหตุดังที่กล่าวมาแล้วนี้เอง ก่อนที่พราหมณ์พระโพธิสัตว์จะออกเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปขายสินค้ายังดินแดนสุวรรณภูมิพระปัจเจกพุทธเจ้าจึงได้เมตตามาเป็นเนื้อนาบุญให้แก่สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ เพื่อที่ พราหมณ์พระโพธิสัตว์จะได้มีบุญใหญ่ติดตัวคุ้มกันภัยในการเดินทางไปค้าขายยังดินแดนสุวรรณภูมิในครั้งนี้นั่นเอง
ในวันที่พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เมตตามาโปรดสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ ในตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงอากาศร้อนจัด
และในวันที่พระปัจเจกพุทธเจ้าได้เมตตามาโปรดสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ ในตอนนั้นเป็นเวลาเที่ยงอากาศร้อนจัด สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็กำลังอยู่ที่บริเวณท่าเรือทันใดนั้นเอง พระปัจเจกพุทธเจ้าก็ได้เหาะลงมาจากอากาศ แล้วก็เดินเหยียบทรายร้อนๆ ด้วยเท้าเปล่าตรงมายังพราหมณ์พระโพธิสัตว์
ทันทีที่ สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ได้เห็นพระปัจเจกพุทธเจ้าเท่านั้น ท่านก็เกิดจิตเลื่อมใสเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด แล้วท่านก็ไม่รอช้าได้นิมนต์ให้พระปัจเจกพุทธเจ้าเข้ามานั่งใต้ร่มไม้ที่มีเงาครึ้มในทันที
พราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้นำน้ำอบหอมใสสะอาด มาล้างเท้าของท่าน
จากนั้น สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้กอบกองทรายขึ้นมาให้พูนเพื่อเป็นแท่นรองนั่ง พร้อมกับเอาผ้าห่มปูรองแทนเบาะที่นั่ง หลังจากนั้น พราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้นำน้ำอบหอมใสสะอาด มาล้างเท้าของท่าน เมื่อเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าสะอาดดีแล้ว พราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้นวดเท้าของพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยน้ำมันหอมเกรด Aบวกๆ ซึ่งดูๆ ไปแล้ว ก็คล้ายๆ กับลูกแมนๆที่รับบุญนวดเท้าพระธุดงค์ในเส้นทางมหาปูชนียาจารย์นั่นเอง
สังขะพราหมณ์พระ โพธิสัตว์ยังได้ถวายร่มแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า
พร้อมกับกล่าวคำถวายว่า “ขอพระคุณเจ้าโปรดใช้ร่มและรองเท้าของข้าพเจ้าด้วยเถิด”
เท่านั้นยังไม่พอ ท่านสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ยังถอดรองเท้าของท่านมาเช็ดทำความสะอาดจนเอี่ยมอ่อง พร้อมกับทาน้ำมันหอมที่รองเท้าคู่เอี่ยมนั้นจากนั้น พราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ค่อยๆ บรรจงสวมรองเท้าทั้งสองข้างถวายแด่พระปัจเจกพุทธเจ้าด้วยความเคารพ นอกจากนี้ สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ยังได้ถวายร่มแด่พระปัจเจกพุทธเจ้า พร้อมกับกล่าวคำถวายว่า “ขอพระคุณเจ้าโปรดใช้ร่มและรองเท้าของข้าพเจ้าด้วยเถิด”
เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าได้เป็นเนื้อนาบุญให้กับพราหมณ์พระโพธิสัตว์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท่านก็ได้เมตตาฉลองศรัทธาพราหมณ์พระโพธิสัตว์ ด้วยการเหาะขึ้นไปในอากาศ เพื่อให้พราหมณ์เห็นเป็นทัสสนานุตริยะจะได้เกิดความปลาบปลื้มปีติใจในการสั่งสมบุญในครั้งนี้นั่นเอง
เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น เพราะได้เกิดพายุใหญ่ขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรแห่งนั้น
ในเวลาต่อมา สังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์ก็ได้ออกเดินทางไปยังดินแดนสุวรรณภูมิด้วยเรือสินค้าตามที่ตัวท่านได้ตั้งใจเอาไว้ และทันทีที่ เรือสินค้าได้เดินทางมาถึงกลางมหาสมุทร ซึ่งตรงกับวันที่ 7 ของการเดินทางเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น เพราะได้เกิดพายุใหญ่ขึ้นท่ามกลางมหาสมุทรแห่งนั้น
และในระหว่างที่เรือสินค้ากำลังฟันฝ่าพายุใหญ่ ที่ซัดโครมโหมกระหน่ำอยู่นี่เอง เรือสินค้าดังกล่าวก็พลันเกิดรอยแตกขึ้นที่ใต้ท้องเรือ ทันใดนั้นเอง มวลน้ำจำนวนมหาศาลก็ได้ไหลทะลักเข้าไปในเรือซึ่งก็เป็นผลทำให้ เรือสินค้าดังกล่าวเกิดการอับปางและกำลังจะจมในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้านี้
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ ท่านกลับมีสติและไม่หวั่นไหวต่อมรณภัย
อีกทั้ง ท่านยังสอนตัวเองได้อีกด้วยว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไป
มื่อเหตุการณ์เข้าสู่ภาวะวิกฤตเช่นนี้ ผู้คนทั้งหลายในเรือต่างก็รู้สึกเสียขวัญและหวาดกลัวต่อมรณภัยที่กำลังจะมาถึงเป็นอย่างมากถึงมากที่สุด แต่สำหรับสังขะพราหมณ์พระโพธิสัตว์แล้ว ท่านกลับไม่รู้สึกเช่นนั้นเพราะในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานอย่างนี้ ท่านกลับมีสติและไม่หวั่นไหวต่อมรณภัย อีกทั้ง ท่านยังสอนตัวเองได้อีกด้วยว่า จะต้องทำอย่างไรต่อไป
ส่วนว่า เหตุการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร แล้วท่านจะสอนตัวเองเช่นไร และจะพ้นจากเคราะห์กรรมนี้ได้หรือไม่ เราก็คงจะต้องมาติดตามกันต่อในตอนต่อไป