สกุณีคติชาดก ชาดกว่าด้วยไม่หากินไกลถิ่น


[ 16 มิ.ย. 2564 ] - [ 18269 ] LINE it!

ชาดก 500 ชาติ

สกุณีคติชาดก-ชาดกว่าด้วยไม่หากินไกลถิ่น

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร

พระศาสดาทรงประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร
  
       พุทธกาลสมัยหนึ่งสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าประทับจำพรรษาในพระเชตวันมหาวิหารนครสาวัตถี ทรงปรารภกับภิกษุจำนวนมาก เมื่อออกนอก
พระอาราม
ได้จาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่สมณะสงฆ์
 
พระศาสดาทรงปรารภการจาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงปรารภการจาริกไปในสถานที่อันไม่ควรแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
        “ ดูกรภิกษุสามเณรทั้งหลาย หากเที่ยวภิกขาจารไปในชนบทก็ไม่สู้จะพบเห็นหรือได้ข้องแวะกับสิ่งไม่สมควรแก่สงฆ์นัก แต่เมื่อใดภิกษุต้องผ่านเข้าในชุมชน
อันมีผู้คนหลากหลายอาชีพ บางครั้งต้องพบเห็นการทำบาปอันน่าโศกเศร้าทำให้จิตใจไม่สงบ ไม่สามารถปฏิบัติความเพียรทางสมาธิได้ ”

เหล่าภิกษุสามเณรต่างพากันออกบิณฑบาตในตอนเช้า
 
เหล่าภิกษุสามเณรต่างพากันออกบิณฑบาตในตอนเช้า
 
        เมื่อได้ฟังพระพุทธองค์ปรารภแล้วภิกษุทั้งหลายก็ได้ออกไปบิณฑบาต ครั้นภิกษุรูปหนึ่งออกไปแถวโรงฆ่าสัตว์ ก็เห็นภาพอันน่าหดหู่ใจ “ แพะยังไม่แล่หนัง
ยังไม่ได้ต้มเลยนะสมณะ โรงฆ่าสัตว์ไม่มีอาหารถวายหรอก ฮ่า ฮ่า ฮ่า ”

ภิกษุรูปหนึ่งได้เห็นภาพอันน่าสลดใจเมื่อผ่านโรงฆ่าสัตว์ในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้เห็นภาพอันน่าสลดใจเมื่อผ่านโรงฆ่าสัตว์ในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
        “ ปาณาติบาต เอาชีวิตผู้อื่นมาเลี้ยงชีวิตตนเช่นนี้ บาปกรรม ๆ ” ขณะที่บางคราวภิกษุก็บังเอิญต้องผ่านเข้าไปใกล้อโคจรสถาน เช่น บ้านเหล่าคณิกา
สำหรับบุรุษผู้หลงมัวเมาในมังสากามารมณ์ให้เกิดอุทัดขัดข้องแก่เพศบรรพชิต

ภิกษุหลายรูปจำต้องเดินผ่านบ้านของเหล่านางคณิกาในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
ภิกษุหลายรูปจำต้องเดินผ่านบ้านของเหล่านางคณิกาในขณะที่ออกบิณฑบาต
 
        จนพระหลายรูปต้องมัวหมองอย่างไม่ควรจะเป็น เหตุการณ์ดังกล่าวนี้เมื่อภิกษุกลับสู่พระอารามแล้วก็นำมาปรารภข้ออาบัติกันอยู่เนือง ๆ “ นี่ท่าน
เมื่อเช้า
เราเดินผ่านโรงฆ่าสัตว์ นักฆ่าสัตว์กำลังจะแล่เนื้อแพะ ข้าเห็นแล้วหดหู่ใจจริง ๆ ”
 
ภิกษุต่างพากันเล่าถึงเรื่องที่ทำให้พวกตนใจหมองที่ได้พบเจอตอนออกบิณฑบาต
 
ภิกษุต่างพากันเล่าถึงเรื่องที่ทำให้พวกตนใจหมองที่ได้พบเจอตอนออกบิณฑบาต
 
        " ท่านก็เจอเรื่องแบบนี้เหรอนี่ เมื่อเช้าเราสองคนก็เจอ เดินผ่านที่อโคจรเดินผ่านนางคณิกา จนพวกข้ารู้สึกมัวหมองอย่างไม่เคยมาก่อน ” ซึ่งความสับสน
ทุกข์ร้อน
ของภิกษุทั้งหลายย่อมแจ้งในพระญาณอันมากด้วยพระมหากรุณาธิคุณของพระพุทธองค์ดังเคยเป็นมาเสมอ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงประทานโอวาทแก่เหล่าภิกษุสงฆ์
 
       จึงทรงประทานโอวาทสั่งสอนภิกษุทั้งหลายนั้นให้ระมัดระวังและสำรวมกายใจ รำลึกอยู่เสมอในสถานที่ซึ่งปลอดภัยแก่นักบวช “ ดูกรภิกษุทั้งหลาย
แม้ในอดีตนกมูลไถตัวหนึ่งเกือบถึงแก่ชีวิตเพราะหลงออกไปอยู่ในสถานที่ ที่ไม่สมควรมาแล้ว ”
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้อาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่าอดีตนิทานชาดก
 
ภิกษุรูปหนึ่งได้อาราธนาให้พระพุทธองค์ทรงตรัสเล่าอดีตนิทานชาดก
     
        “ ข้าแต่พระพุทธองค์โปรดทรงเล่าเรื่องอดีตชาติที่ตรัสนั้นแก่พวกเราด้วยเถิด ” พระพุทธองค์ทรงระลึกพระชาติครั้งนั้น ด้วยญาณบุพเพนิวาสานุสติ
ตรัสเล่า
สกุณีคติชาดกขึ้นดังนี้ ณ ผืนนาอันกว้างใหญ่ในอดีตกาลนั้น การกสิกรรมยังเป็นอาชีพเดียวของหมู่ชน
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงระลึกพระชาติด้วยบุพเพนิวาสานุสติญาณ
 
        เมื่อปลายหนาวจะเข้าฤดูฝนทุกปี จะมีชาวนามาไถ่พลิกพื้นนาเตรียมหว่านเมล็ดพันธ์ธัญญพืชรับฤดูพรรษา กลางพรรษาข้าวกล้าก็จะเปลี่ยนสีน้ำตาลของพื้นดิน
เป็นพรมสีเขียวของต้นข้าว ที่จะสะบัดใบโบกลาเม็ดฝนปลายฤดู เพื่อยืนต้นชูรวงไปจนจบฤดูแล้ง
 
 ผืนนาอันกว้างใหญ่ก่อนฤดูการเพาะปลูก
 
ผืนนาอันกว้างใหญ่ก่อนฤดูการเพาะปลูก
 
       เมื่อลมอุ่นผ่านมาทักทาย ใบข้าวหลายใบก็สลัดตัวเองร่วงใบ เพื่อรักษาอาหารเลี้ยงรวงและเมล็ด จนลมร้อนโบกโบยข้าวทุกรวงก็สุกเป็นสีทองเต็มทุ่ง
รอชาวนา
มาเก็บเกี่ยวเอาไปเหมือนที่เคยเป็น และช่วงเวลานี้นกกานา ๆ ชนิดก็จะมาเยือนผืนนาเหมือนแม่บ้านจับจ่ายตลาด

ชาวนาต่างพากันพลิกไถพื้นนาสำหรับเตรียมปลูกข้าวในฤดฝน
 
ชาวนาต่างพากันพลิกไถพื้นนาสำหรับเตรียมปลูกข้าวในฤดฝน
  
        หลังจากฟางเส้นสุดท้ายถูกเก็บเอาไป ก็จะไม่มีใครกลับมาทุ่งนาอีก ก้อนดินตะปุ่มตะป่ำถูกเผาจนแข็งเป็นหินไม่เป็นที่ปรารถนาของใคร นอกจากนกตัวเล็ก ๆ
ชนิดหนึ่ง ที่อาศัยและพักพิงอยู่กับรอยไถนี้ มันคือนกมูลไถครอบครัวหนึ่ง
 
ข้าวในนาพากันแตกกองอกงามเขียวขจี    

ข้าวในนาพากันแตกกองอกงามเขียวขจี
 
        นกมูลไถมีขนาดเล็กแต่ว่องไว และปลอดภัยอย่างยิ่งในพื้นที่ที่มีก้อนไถเช่นนี้ “ ตื่น ตื่น ตื่น ตื่นเร็ว ๆ เถอะลูก เดี๋ยวแดดร้อนพวกหนอนจะหนีลงใต้ดินกันหมด
แล้วพวกเจ้าจะอดกินกันนะ ” “ ใช่  ๆ วันนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งดีด้วย
 
ชาวนาพากันเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่สุกเหลืองเต็มท้องทุ่งนา
 
ชาวนาพากันเก็บเกี่ยวรวงข้าวที่สุกเหลืองเต็มท้องทุ่งนา
  
       พวกเหยี่ยวก็ไม่มีสักตัวหนึ่ง เหมาะแก่การออกหากินจริง ๆ ” นกมูลไถเหล่านี้มีวินัยเคร่งครัดไม่เคยบินออกไปไกลจากที่นาของตนเลย เพราะสามารถหลบภัย
ซอกซอนในระหว่างก้อนดินแข็ง ๆ นั้นได้ เมื่อลูก ๆ เริ่มโตขึ้น
 
หลังฤดูเก็บเกี่ยวท้องทุ่งนาก็เต็มไปด้วยก้อนดินที่แห้งกรัง
 
หลังฤดูเก็บเกี่ยวท้องทุ่งนาก็เต็มไปด้วยก้อนดินที่แห้งกรัง
 
        พ่อแม่นกก็คอยดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่าลูกนกตัวหนึ่งคิดนอกคำสั่งอยู่ “ เอานี่ พี่จับหนอนมาให้ อย่างอนสิ ” “ โอ้ย เบื่อ ๆๆๆ เบื่อ ไม่เห็น
สนุกตรงไหนเลย พี่กินเถอะเดี๋ยวฉันจะไปเดินเล่นแถว ๆ นั้นหน่อย ”
 
นกมูลไถครอบครัวหนึ่งได้อาศัยอยู่ในก้อนดินไถบนท้องนา
 
นกมูลไถครอบครัวหนึ่งได้อาศัยอยู่ในก้อนดินไถบนท้องนา
 
       “ ตามใจเจ้าก็แล้วกัน แต่อย่าออกไปไหนไกลละ ” เมื่อลูกนกมูลไถมีโอกาสพ้นสายตาพี่และพ่อแม่แล้ว มันก็บินหนีออกจากบริเวณที่นาของตน ไปยังป่าโปร่ง
ที่หมายตาไว้ “ วู้ ว้าว สุดยอดไปเลยได้เห็นสีเขียว ๆ แดง ๆ กับเขามั่ง
 
ลูกนกมูลไถตัวพี่จับหนอนมาให้น้องนกของมัน
 
ลูกนกมูลไถตัวพี่จับหนอนมาให้น้องนกของมัน
 
        โห โลกนี้ช่างสดใสสวยงามจริง ๆ เลย ไม่เห็นจะมีอะไรหน้ากลัวตรงไหนเลย รู้แบบนี้บินออกมาตั้งนานแล้ว อากาศดีจริง ๆ เลย ” การที่นกมูลไถบิน
ออกนอกถิ่นของตนนี้ นับว่าประพฤติผิดอย่างน่ากลัว เพราะถิ่นที่มันมาเยือนนับเป็นสถานที่อโคจรของนกมูลไถ่
 
ลูกนกมูลไถแอบบินออกนอกพื้นที่ที่พ่อและแม่ของตนห้ามไว้
 
ลูกนกมูลไถแอบบินออกนอกพื้นที่ที่พ่อและแม่ของตนห้ามไว้
 
       “ ฮ่ะฮ่าฮ่า อโคจร แปลว่าไม่ควรมา แต่เมื่อเจ้าเข้ามา ข้าก็จะจัดให้เจ้าละเจ้านกมูลไถ่ตัวน้อยเอ๋ย เสร็จข้าแน่ ฮ่าฮ่าฮ่า ดีจริงเชียวไม่ต้องเสียเวลา
ออกล่าเหยื่อให้เหนื่อย จะเอาไปทำอะไรกินดีน๊า ต้มยำ หรือผัดกระเพราดี ”
 
ลูกนกมูลไถได้บินมาเกาะยังที่สูงเพื่อชมธรรมชาติที่ตนไม่เคยเห็น
 
ลูกนกมูลไถได้บินมาเกาะยังที่สูงเพื่อชมธรรมชาติที่ตนไม่เคยเห็น
 
       นับเป็นเคราะห์ร้ายหรือบทลงโทษที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ก็ตาม นกมูลไถก็ตกอยู่ในอันตรายอย่างสุดเลี่ยงไม่ได้ เป็นไปตามกฎของธรรมชาติก็ต้องดำเนินไป
ในพริบตาที่นกมูลไถตกอยู่ในกรงเล็บเหยี่ยว มันก็รู้ชะตากรรมของตัวเอง
 
พญาเหยี่ยวได้จ้องมองลูกนกมูลไถหมายจะจับกินเป็นอาหาร
 
พญาเหยี่ยวได้จ้องมองลูกนกมูลไถหมายจะจับกินเป็นอาหาร

        “ โอ้ย โธ่เอ้ย นี่เพราะเราดื้อต่อพ่อแม่แท้ ๆ ไม่น่าเลยเรา ” เหยี่ยวนักล่าจับเอานกมูลไถ่ขึ้นไปคาบไว้บนไม้สูง เพื่อที่จะฉีกเนื้อเจ้านกมูลไถ่กิน แต่เมื่อได้ยิน
คำรำพรรณก็หยุดฟังอย่างพิศวง “ ฮือ ๆ ไม่น่าเลย ไม่ควรเลยจริง ๆ ไม่น่าออกมาจากถิ่นหากินเลย

พญาเหยี่ยวได้บินโฉบมาจับลูกนกมูลไถเพื่อนำไปเป็นอาหารของตน
 
พญาเหยี่ยวได้บินโฉบมาจับลูกนกมูลไถเพื่อนำไปเป็นอาหารของตน

       นี่ถ้าเราไม่ออกมานะ ใครก็ทำอะไรไม่ได้หรอก ฮือ ๆ ” “ หะ เจ้านกน้อย เมื่อกี้เจ้าว่าอยู่ที่ไหนนะ ที่ว่าเจ้ารอดจากกรงเล็บข้าได้ ” “ ตรงที่ไกล ๆ โน่นจ๊ะ
ที่โล่งๆ ที่เต็มไปด้วยก้อนดินไถโน่น โน่นหน่ะ ” “ นี่เจ้า หมายความว่า ถ้าเจ้าได้ไปอยู่ที่นั่นแล้วละก็ พญานกอย่างข้าจะจับเจ้ากินไม่ได้งั้นรึ ”

พญาเหยี่ยวจับลูกนกมูลไถมาบนกิ่งไม้สูงเพื่อจะฉีกเนื้อกินเป็นอาหาร

พญาเหยี่ยวจับลูกนกมูลไถมาบนกิ่งไม้สูงเพื่อจะฉีกเนื้อกินเป็นอาหาร
 
       “ ใช่ จ๊ะ ใช่ ” “ ฮ่ะ ฮ่าฮ่า ไอ้ลูกนกน้อย เจ้าพูดจาโอหังนัก ถึงเจ้าจะอยู่ตรงไหน เจ้าก็ไม่รอดตายไปได้หรอก ไม่มีใครเคยพ้นกรงเล็บพญาเหยี่ยวอันแหลมคม
ของข้า ฮ่าฮ่าฮ่า ” “ แต่ แต่ แต่ แม่นกจ๋าบอกว่า ถ้านกมูลไถอย่างพวกเราอยู่กับก้อนไถในนา
 
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงถึงเหตุที่ตนไม่เชื่อฟังพ่อแม่จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจับ
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงถึงเหตุที่ตนไม่เชื่อฟังพ่อแม่จนเป็นเหตุให้ตนเองต้องโดนจับ
 
       ก็จะปลอดภัยเหมือนอยู่ในวอลโว่เลยนะจ๊ะ”คำอธิบายของนกตัวกระจ้อยหร่อยเป็นเหมือนคำท้าทาย และธรรมดาของผู้ยิ่งใหญ่มักทนการท้าทายไม่ได้
“ หึ ๆๆๆๆ ลองดูกันก็ได้ เจ้านกน้อย ข้าจะพาเจ้าไปปล่อยในนาที่มีก้อนดินไถของเจ้า ดูสิเจ้าจะหนีข้าไปไหนพ้น ”
 
พญาเหยี่ยวไปพาลูกนกมูลไถไปส่งยังถิ่นที่อยู่ในท้องทุ่งนาของมัน
 
พญาเหยี่ยวไปพาลูกนกมูลไถไปส่งยังถิ่นที่อยู่ในท้องทุ่งนาของมัน
 
       พูดเสร็จเหยี่ยวนักล่าก็พาเจ้านกมูลไถหวนกลับไปยังทุ่งนาอีกครั้ง “ คราวนี้ล่ะเจ้านกน้อย ข้าจะฉีกเนื้อเจ้าจิกกินสะกลางทุ่งนานี้เลย หนอย บังอาจมาท้าทาย
พญาเหยี่ยวอย่างข้า ” เมื่อถึงถิ่นที่อยู่ นกมูลไถก็ถูกปล่อยลงบนดินก้อนไถกลุ่มหนึ่ง
 
พญาเหยี่ยวส่งลูกนกแล้วก็บินขึ้นเหนือท้องฟ้าในทันที
 
พญาเหยี่ยวส่งลูกนกแล้วก็บินขึ้นเหนือท้องฟ้าในทันที
 
      เหยี่ยวนักล่าก็รีบบินทะยานขึ้นไปอยู่บนเบื้องสูง “ ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้านกน้อย รีบหายใจเร็วเข้าก่อนที่จะไม่มีโอกาศจะหายใจอีก ฮะฮ่าฮ่าฮ่า เกิดมาเป็นเหยื่อ
จะอยู่ที่ไหนก็ไม่พ้นหรอก ” เมื่อโผ่ขึ้นสูงได้ระดับ พญาเหยี่ยวนักล่าก็ตีลังกาพุ่งดิ่งลงยังนกมูลไถบนพื้นดิน
 
พญาเหยี่ยวบินพุ่งดิ่งจากท้องฟ้าหมายจะโฉบจับลูกนกมูลไถยังพื้นดิน
 
พญาเหยี่ยวบินพุ่งดิ่งจากท้องฟ้าหมายจะโฉบจับลูกนกมูลไถยังพื้นดิน
 
       ยิ่งใกล้ก็ยิ่งทวีความเร็วมากขึ้น นกมูลเตรียมตัวพร้อมอยู่บนก้อนดิน ซึ่งมันคัดเลือกไว้อย่างเร็วแล้วยืนแข็งเหมือนตกตะลึง ความเร็วที่โฉบลงมานั้นเร็ว
เหมือนดาวตก แต่ฉับพลันทันใดนั้นเองลูกนกมูลไถก็กระโดดหลบไปใต้ก้อนไถอย่างรวดเร็วตามธรรมชาติของมันที่มีมา
 
พญาเหยี่ยวพุ่งชนก้อนดินไถที่แข็งทิ่มปักอกตายในทันที
 
พญาเหยี่ยวพุ่งชนก้อนดินไถที่แข็งทิ่มปักอกตายในทันที
 
       นักล่าเมื่อยั้งไม่ทันก็ไถลเข้ากระแทกก้อนดินไถอันแหลมคมสุดแรงเกิด เลือดพุ่งทะลักออกจากร่าง ปักคาก้อนดินไถอย่างสิ้นฤทธิ์ พญาเหยี่ยวดินพราดๆ
ได้อีกไม่นาน ก็สิ้นลมหายใจมอดม้วยมรณา เมื่อได้ยินคำรำพึงส่งท้ายของเจ้านกมูลไถอีก

ลูกนกมูลไถได้รำพึงทิ้งท้ายถึงอุบายที่ตนหลอกพญาเหยี่ยวได้สำเร็จ
 
ลูกนกมูลไถได้รำพึงทิ้งท้ายถึงอุบายที่ตนหลอกพญาเหยี่ยวได้สำเร็จ
 
      “ หึ หึ อุบายลวงศัตรูเมื่อครู่นี่ เป็นสิ่งที่บิดามารดาสอนเรามา แม้เราเคยดื้อรั้นแทบม้วยมรณา รู้ตัวก่อนก็ไม่มีสายสหายเอ๋ย ” เมื่อจบเทศนาสกุณีคติชาดกแล้ว
พระพุทธองค์ทรงแสดงอริยสัจประทานโอวาทมิให้ภิกษุไปในที่อโคจรโดยประมาทอีก
 
พระศาสดาทรงแสดงอริยสัจและประทานโอวาทแก่เหล่าถิกษุสงฆ์
 
พระศาสดาทรงแสดงอริยสัจและประทานโอวาทแก่เหล่าถิกษุสงฆ์

 พญาเหยี่ยว ได้กำเนิดเป็นพระเทวทัต
ส่วนนกมูลไถ เสวยพระชาติ เป็นเราตถาคต ฉะนี้แล

 
 
 


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
สุวรรณสามชาดก ชาดกว่าด้วยผู้บำเพ็ญเมตตาบารมีสุวรรณสามชาดก ชาดกว่าด้วยผู้บำเพ็ญเมตตาบารมี

ขันธปริตตชาดก ชาดกว่าด้วยพระปริตรป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆขันธปริตตชาดก ชาดกว่าด้วยพระปริตรป้องกันสัตว์ร้ายต่าง ๆ

สุวรรณหังสชาดก ชาดกว่าด้วยความโลภสุวรรณหังสชาดก ชาดกว่าด้วยความโลภ



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

นิทานชาดก 500 ชาติ