ดิฉันเคยแพ้ตัวเองอย่างแท้จริง


[ 9 พ.ย. 2551 ] - [ 18266 ] LINE it!
View this page in: English

ผลการปฏิบัติธรรม

กัลยาณมิตรบอนนี่ โนซาว่า (สหรัฐอเมริกา)
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ดิฉันชื่อ บอนนี่ โนซาว่า  (Bonnie Nozawa) อายุ 19ปี ลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ปัจจุบันกำลังศึกษาอยู่ชั้นปีที่1 คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เมืองซานดิเอโก้ สหรัฐอเมริกาค่ะ
 
    ก่อนที่ดิฉันจะได้เข้าร่วมโครงการ The Middle Way ดิฉันเพิ่งจบชั้นปีที่1 ของมหาวิทยาลัย โดยสิ่งที่ดิฉันครุ่นคิดมาตลอด และวุ่นวายใจที่สุดตลอดช่วง 12เดือนที่ผ่านมา คือ การต่อสู้กับมะเร็งตับอ่อนขั้นสุดท้ายของคุณพ่อ เนื่องจากคุณพ่ออายุมากแล้ว (85ปี) คุณหมอจึงไม่แนะนำให้ทำคีโม แต่ขอให้ท่านใช้ชีวิตช่วงบั้นปลายอย่างมีความสุข คุณพ่อจึงเลือกมาพักที่บ้านอยู่กับลูกๆค่ะ
 
    เนื่องจากมหาวิทยาลัยอยู่ห่างจากบ้านถึง 120ไมล์ (193กิโลเมตร) ดิฉันต้องเดินทางไปมาระหว่างมหาวิทยาลัยและบ้าน เกือบทุกสุดสัปดาห์ ในระหว่างสัปดาห์ดิฉันแทบไม่ได้นอน เพื่อจะตามเรื่องการเรียนให้ทัน และหาเหตุผลต่างๆมาอ้าง เพื่อตอบคำถามเพื่อนว่า “ทำไมดิฉันต้องกลับบ้านอยู่เสมอ”
 
    จนกระทั่ง ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คุณพ่อก็เสียชีวิต เหตุการณ์ครั้งนี้กระทบกระเทือนจิตใจดิฉันมาก เนื่องจากคุณพ่อเป็นหัวหน้าครอบครัว และเป็นผู้ชายคนเดียวในชีวิตที่ดิฉันใกล้ชิดและสนิทที่สุดค่ะ
 
    ดิฉันเก็บอารมณ์ และความชอกช้ำไว้กับตัวเอง ต่อมา มันก็หนักขึ้นๆ จนท่วมท้นหัวใจ ดิฉันโกรธ หดหู่ เหงา มากขึ้น และยอมจำนนให้ชีวิตอยู่กับการดื่ม การไม่รับประทานอาหาร และการทรมานตัวเองในรูปแบบต่างๆ ดิฉันฉุนเฉียวง่ายและว้าวุ่นใจอยู่เสมอๆ และรู้ว่าไม่มีทางที่จะรู้สึกดีขึ้น เพราะดิฉันอยู่กับอารมณ์ดังกล่าว ดิฉันแพ้ตัวเองอย่างแท้จริง
 
    ต่อมา พระอาจารย์บุญสุข ซึ่งรู้จักกับคุณแม่ ได้เป็นกัลยาณมิตรแนะนำให้ดิฉันมาฝึกสมาธิกับโครงการ The Middle Way ที่วัดพระธรรมกาย ดิฉันจึงได้บินมาเมืองไทยค่ะ และเข้าร่วมโครงการด้วยหัวใจที่ว้าวุ่น
 
    ในช่วงแรกๆของการนั่งสมาธินั้น ดิฉันได้ใช้เวลาครุ่นคิดถึงเรื่องราวในอดีต หรือไม่ก็คิดถึงเรื่องในอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ทำให้มีสมาธิน้อย แต่เนื่องจาก ดิฉันเป็นคนชอบชีวิตในท้องทะเล จึงนึกถึงภาพชายหาด ประดับประดาด้วยคลื่นใหญ่น้อยซัดสาดไล่ตามกันมา และมีดวงอาทิตย์สว่างบนท้องฟ้าใส ในภาพนั้นมีดิฉันเป็นผู้ดู และรู้สึกว่าสมาธิของดิฉันกำลังก่อเกิด
 
    พอถึงวันที่สี่ เมื่อดิฉันปิดตาลง ก็รู้สึกเหมือนล่องลอยอยู่ในความว่างเปล่าอันมืดมิด จากความเรียบง่ายของภาพ ดิฉันรู้สึกถึงการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วของน้ำหรือของเหลวสีทอง ไหลพุ่งออกมาทำให้ภายในหัวสะอาด ดิฉันสัมผัสได้ถึงความเย็น เมื่อของเหลวนั้นเคลื่อนอย่างช้าๆผ่านลำคอ และไปหยุดที่ศูนย์กลางกาย ไม่นานนักดิฉันได้เห็นองค์พระ แช่อิ่มอยู่ในของเหลว และออกมาซ้ำๆอีกหลายครั้งจากของเหลวสีทอง องค์พระเปล่งประกายสว่างกระทบมาถึงตาที่ปิดอยู่ ด้วยความตกใจ ดิฉันก็กะพริบตา ทำให้แสงสว่างและภาพที่เห็นหายไปค่ะ
 
    จากการปฏิบัติสมาธิของดิฉันทั้งหมด ทำให้ดิฉันรู้สึกเบาสบายมากขึ้น มีจิตใจที่สงบและมีความสุขมากขึ้น ตอนนี้ความหนักอึ้งของอดีตที่ผ่านมา ได้บรรเทาเบาบางลงไป โดยมีความเบิกบาน ตื่นเต้นและซาบซึ้งในชีวิตเข้ามาแทนที่ ดิฉันไม่หงุดหงิดและหดหู่อีกแล้ว แต่มีความสุขและปราศจากความกังวล นี่คือสภาวะที่ดิฉันเป็น ในวันที่สิ้นสุดโครงการ The Middle Way ค่ะ
 
    นอกจากนั้น เนื่องจากตลอดเวลาในโครงการ พระอาจารย์ให้ดิฉันถือศีลแปด เมื่อพอจบคอร์ส คุณแม่ก็อยากให้ถือศีลห้า เพราะกลัวว่าถ้าไม่ได้ทานข้าวเย็นจะไม่สบาย แต่ดิฉันก็ขอร้องท่าน ขอถือศีลแปดต่อค่ะ เมื่อคุณแม่ทานข้าวเย็น ดิฉันก็จะอยู่เป็นเพื่อนท่าน ท่านทานไป ดิฉันก็ทำสมาธิไปด้วย
 
    เมื่อคุณแม่ถามว่า “ตอนนั่งสมาธิเห็นคุณพ่อบ้างไหม” ดิฉันก็ตอบว่า “เห็นเป็นพระสีทองผุดขึ้นมาจากศูนย์กลางกายเรื่อยๆ” แต่ดิฉันขอสารภาพว่า ไม่ชอบเห็นองค์พระเลยค่ะ เพราะคุณพ่อเป็นชาวคริสต์ที่เคร่งมาก ชาวคริสต์ยังไม่ศรัทธาในพระพุทธเจ้า *ดิฉันจึงไม่อยากทำร้ายท่าน จึงอธิษฐานขอให้เห็นเป็นอย่างอื่นแทน หลังจากนั้น ดิฉันก็มีผลการปฏิบัติธรรมที่อยากเล่าให้ฟังอีก 2ครั้ง คือ
 
[*พระเดชพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์: ตรงนี้คิดไปเอง...เห็นอะไรให้ดูไปเรื่อยๆ จะเป็นองค์พระ เป็นดวงแก้ว เป็นอะไร เพราะองค์พระ ดวงแก้ว มีอยู่ในตัวแล้วทุกๆคนในโลก ถ้าใจหยุดนิ่ง เราไม่อาจปฏิเสธการเห็นท่านได้ พอหยุดนิ่งท่านก็จะปรากฏเกิดขึ้น ผุดผ่านขึ้น ให้เราได้เห็น หน้าที่ของเรา คือ ดูท่านเฉยๆโดยไม่ต้องคิดอะไร อย่างนี้จึงจะถูกหลังวิชชา...
 
    และถือว่า บอนนี่มีบุญมากที่เห็นองค์พระอย่างนี้ เพราะฉะนั้นให้ดูต่อไป อย่าไปฝืนภาพประสบการณ์ภายในที่ดี ที่มีอยู่แล้วในตัวของเรา แต่เราไม่รู้ว่ามีอยู่ และมีอยู่ในมนุษย์ทุกคนในโลก]
 
เรียบเรียงจากคำอธิบายของคุณครูไม่ใหญ่ในรายการโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา วันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ.2551
 
    วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของดิฉัน ดิฉันไปนั่งสมาธิที่วิหารพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ เห็นเป็นดวงธรรมและดวงแก้ว ที่เหมือนในทีวี นั่งไปได้ 1ชั่วโมงไม่อยากลุกเลย พอคุณแม่ชวนไปปล่อยโคและปลา คุณแม่ถามว่า “เห็นปลาและโคในท้องหรือเปล่า” ดิฉันก็ตอบว่า “จะเห็นได้อย่างไรคะแม่ ในเมื่อกลางท้องมีดวงแก้วอยู่”
 
    ในวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ.2551 ซึ่งเป็นวันครบ 100วันการจากไปของคุณพ่อ ดิฉันได้ไปกดชวาลบุญ (บูชามหาธรรมกายเจดีย์) คุณแม่บอกดิฉันให้คิดถึงหน้าคุณพ่อที่กลางท้อง ให้ใสๆ ดิฉันเห็นหน้าของคุณพ่อไม่ชัด แต่ที่ชัด คือ องค์พระใสๆ ขึ้นมาไม่หยุดเลยค่ะ แต่ถ้าเป็นไปได้ ดิฉันก็อยากเห็น crystal ball แทนที่จะเป็นองค์พระนะคะ
 
    ตอนนี้ ดิฉันนั่งสมาธิทุกวันตอนเช้าและก่อนนอน เห็นดวงธรรมผุดขึ้นมาจากศูนย์กลางกาย สุดท้ายนี้ ดิฉันต้องกราบขอบพระคุณ พระเดชพระคุณหลวงพ่อเป็นอย่างยิ่ง สำหรับทุกสิ่งที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมอบให้โลกใบนี้ ตอนที่ดิฉันเจอพระเดชพระคุณหลวงพ่อตัวจริงครั้งแรก แม้จะเห็นแค่ 2วินาที ก็รู้สึกว่าพระเดชพระคุณหลวงพ่อ so cool และสวมแว่นตาเหมือนคุณพ่อของดิฉันด้วยค่ะ
 
    การมาเมืองไทยครั้งนี้ ดิฉันได้เรียนรู้วิธีที่จะเป็นคนที่ดีที่สุด และมีความสุขที่สุดเท่าที่สามารถจะทำได้ และตั้งใจว่าเมื่อเรียนจบแพทย์แล้ว จะขอทำงานครึ่งปีเพื่อเก็บเงินมาเมืองไทย และมาเป็นแพทย์อาสาสมัคร ดูแลพระที่วัดพระธรรมกายค่ะ
 
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
บอนนี่ โนซาว่า


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
กุศลนิมิต...สะกิดใจกุศลนิมิต...สะกิดใจ

พลังที่หายไปพลังที่หายไป

จิตสงบ ลมหยุดไหวจิตสงบ ลมหยุดไหว



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ