ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง


[ 26 มิ.ย. 2552 ] - [ 18268 ] LINE it!

ผลการปฏิบัติธรรม
 
กัลยาณมิตร ผศ.ปัทมา โลหเจริญวนิช
 
กราบนมัสการพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่เคารพอย่างสูง
 
    ลูก...ผู้ช่วยศาสตราจารย์ปัทมา โลหเจริญวนิช อายุ ๕๔ปี เป็นอาจารย์คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาค่ะ
 
    ลูกได้ติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปวัด ตั้งแต่บ้านกัลยาณมิตรหมายเลขหนึ่ง คือ  ตั้งแต่อายุของตัวลูกยังไม่ถึง ๑๐ขวบ แต่ลูกก็จำบรรยากาศในสมัยนั้นได้ดี ตอนนั้นพระเดชพระคุณหลวงพ่อยังเป็นนิสิตหนุ่มรูปงาม ผู้ใหญ่ที่ไปที่บ้านธรรมประสิทธิ์ต่างก็ร่ำลือกันว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อหล่อมาก หล่อยิ่งกว่าดาราหนังเสียอีก ผู้คนหนุ่มสาวมานั่งสมาธิกันเป็นจำนวนมาก ส่วนตัวลูกเองชอบไปนั่งบนตุ่มน้ำเพราะเย็นดีค่ะ
 
    เวลาที่ลูกติดตามคุณพ่อคุณแม่ไปที่บ้านธรรมประสิทธิ์ ก็จะพบกับคุณยายอาจารย์มหารัตนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง ซึ่งท่านจะรูปร่างเล็กๆและพูดน้อย ประโยคที่ได้ยินประจำ คือ “นั่งเข้าที่”_นั่งทีเป็นชั่วโมง พอถึงเวลานั่งลูกก็หาที่พิง พอลืมตาดูว่าเมื่อไหร่จะเลิกนั่งก็ไม่มีใครเลิกสักที จึงจำใจต้องหลับตานั่งต่อไป สำหรับลูกแล้วในขณะนั้น คุณยายอาจารย์เปรียบดั่งผู้วิเศษ ท่านรู้ได้แม้กระทั่งวาระจิต คือ มีอยู่วันหนึ่งลูกถูกคุณแม่บ่นจนรู้สึกรำคาญก็เลยนึกในใจว่า อย่างนี้ไปอยู่นอกบ้านดีกว่า ปรากฏว่าพอไปถึงบ้านธรรมประสิทธิ์ คุณยายอาจารย์ก็มองหน้าลูกแล้วบอกว่า “หนูอย่าไปคิดอย่างนั้นกับแม่นะลูก มันบาป” ลูกได้ยินดังนั้นก็ถึงกับอึ้งและเริ่มกลัวแม้กระทั่งที่จะคิด
 
    หลังจากนั้น เมื่อคุณยายอาจารย์ได้ย้ายจากบ้านธรรมประสิทธิ์มาอยู่วัดพระธรรมกาย ลูกก็ตามมาวัดอีก ตอนนั้นวัดทอดผ้าป่าทุกเดือนเพื่อซื้อที่ ๒,๐๐๐ไร่ ลูกได้เป็นประธานกองบอกบุญทอดผ้าป่าด้วยค่ะ ลูกบอกบุญได้ถึง ๑๔,๐๐๐บาท ลูกดีใจมากๆ เพราะสมัยนั้นลูกยังเป็นนักศึกษาอยู่ จึงรู้สึกว่าเป็นจำนวนเงินที่เยอะพอควร
 
    ลูกมีอุปนิสัยรักการปฏิบัติธรรมมาก ดังนั้นในทุกช่วงปิดเทอม ลูกจึงขึ้นไปปฏิบัติธรรมเป็นเวลาสองสัปดาห์ทุกครั้ง เวลาไปนั่งสมาธิ ก็จะยึดคำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อที่ว่า “ทิ้งทุกอย่าง วางทุกสิ่ง นิ่งอย่างเดียว”
 
    นั่งในช่วงแรกๆ ก็มืดตื้อมืดมิดเป็นปกติ แต่ก็นึกว่ามันจะมืดไปอีกสักล้านปีก็จะนั่ง แม้ต้องนั่งมืดไปจนตายแต่ถ้าเกิดมาใหม่ก็จะนั่งต่อ เวลานั่งก็ไม่คิดอะไร ทำใจนิ่งๆเฉยๆอย่างเดียว แล้วประสบการณ์ภายในก็เปลี่ยนแปลงตามลำดับ จากที่เคยมืดๆ พอใจนิ่งลูกจะเห็นเหมือนที่ศูนย์กลางกายมีท่อกลวงๆ พอนำใจไปแตะตรงกลาง ท่อกลวงๆนั้นก็กลายเป็นท่อแก้วใส ดูดตัวลูกวูบลงไปข้างใน พอมองไปตรงกลางก็มีองค์พระผุดสวนขึ้นมาทันที จากผุดช้าๆก็เร็วขึ้น ใจของลูกสนิทแนบแน่นกับท่านมากยิ่งขึ้น จนรู้สึกเหมือนกับว่าเราเป็นท่าน ท่านเป็นเรา แม้เดินไปข้างนอกเอามือลูบหน้าตัวเองก็เหมือนกับลูบหน้าองค์พระ ลูกมีความสุขมาก
 
    เวลาใจสบายๆ องค์พระก็ขยายใหญ่กว่าโลก ใจของลูกจรดอยู่ตรงกลางอย่างเดียว องค์พระก็ขยายใหญ่กว่าเดิมจนโลกใบนี้เล็กเหมือนผลมะนาว เวลานั่งสมาธิครั้งต่อๆไปลูกจะเริ่มต้นด้วยอารมณ์สบาย ลูกชอบดูดอกไม้ เช่น ดอกกุหลาบ พอดูแล้วสบายใจ ลูกก็นึกเอาดอกกุหลาบไว้ในท้องแล้วหยุดนิ่งไปเรื่อยๆ พอใจนิ่งละเอียดก็จะเปลี่ยนเป็นองค์พระผุดขึ้นมา ใจก็จะเข้ากลางง่ายๆ เหมือนสายน้ำที่ไหลเข้าไปตรงกลาง ยิ่งดิ่งเข้ากลางไป ลูกก็สัมผัสรู้ได้อย่างชัดเจนว่าศูนย์กลางกายนั้นมีชีวิต เป็นชีวิตที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตของผู้รู้ เหมือนอยู่นิ่งๆ แต่เคลื่อนเข้าไปข้างใน ยิ่งเข้าไปก็ยิ่งพบชีวิตที่ประเสริฐขึ้นเรื่อยๆ
 
    บางครั้ง องค์พระท่านก็ผุดมามากมายเหมือนเป็นทะเลองค์พระ พอเห็นทะเลองค์พระก็ยิ่งเข้าใจคำว่า พลังมวลแห่งความบริสุทธิ์ ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อสอน ว่าเป็นอย่างนี้นี่เอง ทุกครั้งที่ไปปฏิบัติธรรมลูกจะมีความสุขมากๆ เพราะรู้สึกเสมอว่าเป็นหน้าที่ที่แท้จริงของเรา คือ ทำพระนิพพานให้แจ้ง ความสุขของธรรมะภายในไม่มีสุขใดเทียบเท่าได้ในโลก เป็นสุขที่สมบูรณ์ในตัวไม่ต้องปรุงแต่ง
 
 
    เวลาสอนหนังสือ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ลูกจะให้นักศึกษานั่งสมาธิ ลูกศิษย์ของลูกมีทั้งพุทธและมุสลิม ลูกจึงให้นึกถึงดวงจันทร์หรือดวงดาว โดยอธิบายตามที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อ และพระอาจารย์สอนว่า สมาธิเป็นของกลางๆ เหมือนดอกกุหลาบ เหมือนอากาศที่ใช้หายใจ ผลที่ได้ก็คือ...
 
    มีเด็กพุทธคนหนึ่ง นั่งเสร็จแล้วน้ำตาไหลอาบแก้มด้วยความปีติ บอกว่า “หนูรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดไปอยู่อีกโลกหนึ่ง มันนิ่งมากเลย หนูมีความสุขมาก หนูขอบคุณอาจารย์มากๆ”
 
    ส่วนเด็กมุสลิม ลูกจะให้นึกถึงดวงดาวและภาวนาว่า อัลเลาะห์ๆๆ พอนั่งไปสักพัก เด็กคนหนึ่งก็เล่าว่า “เหมือนหนูอยู่ในลูกโป่งใสๆ ลูกโป่งขยายออกไปเรื่อยๆ”_วันต่อมาเธอบอกว่า “หนูเดินเข้าไปในท่อค่ะ เข้าไปเรื่อยๆ ท่อนี้จะไปถึงไหนคะ จะไปถึงสวรรค์ไหมคะ”
 
    ตอนนี้ ลูกมีงานวิจัยเรื่อง รูปแบบการฝึกสมาธิในการเตรียมความพร้อมของนักศึกษาพยาบาลในการดูแลผู้ป่วย โดยให้นักศึกษานั่งสมาธิก่อนที่จะดูแลผู้ป่วย หลังฝึกสมาธิพบว่านักศึกษามีสติมากขึ้น สามารถให้การพยาบาลได้อย่างราบรื่น ไม่ผิดพลาดและมีคุณภาพ เวลามีพระภิกษุเข้ามารักษา เด็กๆก็ช่วยกันดูแลอย่างเต็มที่โดยไม่เกี่ยงว่าตนเองเป็นพุทธหรือมุสลิม เป็นการให้การพยาบาลที่เต็มเปี่ยมไปด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีอาจารย์ท่านอื่นพูดว่า “ไม่มีใครกล้าให้เด็กนั่งสมาธิเพราะกลัวเป็นบ้า”_แต่ปัจจุบัน เด็กบางคนบอกว่า “เวลาละหมาด หนูก็ทำสมาธิไปด้วยค่ะ”_ส่วนคนไข้ลูกก็ให้ทำสมาธิด้วยค่ะ ทั้งพุทธและมุสลิม เพื่อที่เขาจะได้มีที่พึ่งภายในในยามวิกฤตของชีวิต
 
 
    พระเดชพระคุณหลวงพ่อคะ ในงานเด็กดี V-Star_ที่ผ่านมา ลูกได้มีโอกาสรับบุญเป็นกรรมการตัดสินโรงเรียนในระดับภาค ลูกได้สัมภาษณ์เด็กมัธยมจากโรงเรียนแห่งหนึ่งในภาคใต้ เด็กบอกว่า “คุณครูสอนให้นึกลูกมะพร้าวไว้ในท้อง ให้ลูกมะพร้าวใสขึ้นใสขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ”_ลูกฟังแล้วรู้สึกปลื้มปีติใจมาก ที่เด็กๆได้เรียนรู้การฝึกสมาธิตั้งแต่เยาว์วัย และขอกราบขอบพระคุณพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ผู้เป็นดวงตะวันแห่งสันติภาพ นำแสงสว่างมาสู่ใจของเยาวชนเหล่านี้ค่ะ
 
    สุดท้ายนี้ ลูกอยากบอกพระเดชพระคุณหลวงพ่อว่า ลูกซาบซึ้งในความเมตตาของพระเดชพระคุณหลวงพ่อมากๆค่ะ ถ้าไม่ได้พบพระเดชพระคุณหลวงพ่อลูกคงไม่มีชีวิตที่มีคุณค่าอย่างนี้ ลูกชอบเพลงรักแท้ในวัยชราค่ะ เพราะฟังแล้วรู้สึกเหมือนกับว่าไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นเราก็ยิ้มได้เสมอ ถ้าใจเราอยู่กลางองค์พระ เวลาขึ้นไปปฏิบัติธรรมทุกครั้ง ลูกก็ตั้งใจเอาบุญปฏิบัติธรรมถวายพระเดชพระคุณหลวงปู่ฯ พระเดชพระคุณหลวงพ่อทั้งสองรูป คุณยายอาจารย์ พร้อมทั้งอธิษฐานให้ลูกอยู่ในโอวาท ไม่ดื้อกับพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ภารกิจใดที่เป็นโครงงานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ขอให้ลูกทำได้สำเร็จราบรื่น ได้ตามติดสร้างบารมีไปจนถึงที่สุดแห่งธรรมค่ะ
                                               
กราบนมัสการด้วยความเคารพอย่างสูง
 
ผศ.ปัทมา โลหเจริญวนิช


Desktop Version Desktop Version    



บทความที่เกี่ยวข้อง
เบาๆเฉยๆง่ายๆ พอนิ่งๆเดี๋ยวก็ดีเองเบาๆเฉยๆง่ายๆ พอนิ่งๆเดี๋ยวก็ดีเอง

ชีวิตระดับสามดาวชีวิตระดับสามดาว

ธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 7ธรรมทายาทนานาชาติ รุ่นที่ 7



Home

อ่านธรรมะ

ธรรมะมาแรง

ผลการปฏิบัติธรรมนานาชาติ