การละเล่น การแสดง และกีฬาของชาวไทย
การละเล่น การแสดงและกีฬาของชาวไทย
การละเล่นพื้นบ้านของไทย มีทั้งของเด็กซึ่งเป็นการละเล่นง่ายๆ ภายในบ้านการละเล่นสนุกนอกบ้าน โดยจะนำอุปกรณ์การเล่นสนุกนอกบ้าน โดยจะนำอุปกรณ์การเล่นมาจากวัสดุธรรมชาติ เช่น
ขี่ม้าก้านกล้วย
ขี่ม้าก้านกล้วย
นำก้านกล้วยมาลิดใบทิ้งให้เหนือติดปลายนิดหน่อยสำหรับเป็นหาง จากนั้นกะความยาวประมาณหนึ่งคืบจากโคนก้าน ใช้มีดฝานแฉลบด้านข้างของก้านเพื่อทำหูม้า หักก้านกล้วยตรงกลางหูม้าลง ก็จะได้ส่วนหัว ถ้าต้องการให้หัวม้าคงรูปแข็งแรงให้นำแขนงไม้ไผ่ปลายแหลมมาเสียบหัวม้าทะลุไปที่ก้าน และอาจผูกเชือกกล้วยด้านหัวและหางม้าทำเป็นสายสะพายบ่าไว้ เด็กๆ ก็จะได้ม้าก้านกล้วยมาควบวิ่งแข่งกัน
รีรีข้าวสาร
รีรีข้าวสาร
นิยมเล่นกันเป็นกลุ่มใหญ่ ไม่มีอุปกรณ์การเล่น วิธีเล่นคือ ผู้เล่นสองคนยืนหันหน้าเข้าหากัน โน้มตัวประสานมือจับกันเป็นรูปซุ้ม ส่วนผู้อื่นเกาะเอวต่อๆ กันตามลำดับ คนหัวแถวจะพรลอดใต้ซุ้มมือพร้อมกับร้องว่า “รีรีข้าวสาร สองทะนานข้าวเปลือก เลือกสองใบลาน คดข้าวใส่จาน เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน พานเอาคนข้างหลังไว้”
เมื่อร้องถึงประโยคว่า พานเอาคนข้างหลังไว้ ผู้ที่ประสานมือเป็นซุ้ม จะลดมือลงกันคนที่อยู่ในซุ้มไว้ ซึ่งคนนี้จะถูกคัดออกไปจากแถว แล้วจึงเริ่มต้นเล่นใหญ่จนหมดคน
ลำตัด
การแสดงพื้นบ้าน ลำตัด
เป็นการแสดงเพลงพื้นบ้านที่ได้รับอิทธิพลมาจากชาวมลายู แต่คนไทยนำมาดัดแปลงและผสมผสานความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนและร่ำรวยอารมณ์ขัน ลักษณะการแสดงเป็นการว่ากลอนสดแก้กันไปมาระหว่างชายและหญิง นิยมร้องกันในภาคกลาง ตามงานมหรสพต่างๆ แต่เดิมใช้ผู้แสดงเป็นชาย ต่อมาปรับให้มีชายหญิงแสดงร่วมกัน ผู้แสดงมักแต่งกายแบบไทยพื้นเมือง ดนตรีที่ใช้มีกลอง รำมะนา กรับ ฉิ่ง
ฟ้อนเล็บ
การแสดงพื้นบ้าน ฟ้อนเล็บ
เป็นการร่ายรำของชาวไทยภาคเหนือ การแสดงจะมีดนตรีบรรเลงประกอบเชื่องช้า ผู้รำจะเกล้าผม ทัดดอกไม้และอุบะ นุ่งผ้าตามแบบชาวเหนือ สวมเสื้อทรงกระบอกแขนยาว นุ่งผ้าซิ่น และสวมเล็บมือยาวทั้งแปดนิ้ว เว้นนิ้วหัวแม่มือ
มวยไทย
|
มวยไทยคือศิลปะการต่อสู้ของประเทศไทยที่ได้ชื่อว่าเป็นศาสตร์การโจมตีด้วยอาวุธทั้งแปด ได้แก่ สองมือ สองเท้า สองศอก และสองเข่าในการต่อสู้
ศิลปะการต่อสู้ประเภทนี้สามารถพบเห็นได้หลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ประเทศกัมพูชา เรียกว่า ขอมมวย ส่วนประเทศลาวเรียก มวยลายลาว หรือมวยเสือลากหาง
ในสมัยก่อนชายไทยนิยมร่ำเรียนศิลปะการต่อสู้แขนงต่างเพื่อใช้ป้องกันตัวและใช้ในการสงคราม และยังมีการแข่งขันต่อสู้ – ประลองกันตามงานวัดและงานเทศกาลเพื่อชิงรางวัลหรือเดิมพัน ต่อมาจึงมีการดัดแปลงมวยไทยมาเป็นกีฬา โดยเพิ่มกันใช้นวมขึ้นมาเพื่อป้องกันอันตราย จากนั้นได้มีการกำหนดกติกาในการชกและมีเวทีมาตรฐานขึ้น คือ สนามมวยราชดำเนินและสนามมวยเวทีลุมพินี
นายขนมต้น คือนักมวยคาดเชือก มีชีวิตอยู่ในสมัยกรุงศรีอยุธยา และถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลยศึกที่ประเทศพม่า กษัตริย์พม่าให้จัดชกมวยหน้าพระที่นั่ง นายขนมต้มชกชนะนักมวยพม่า 9 – 140 คนอย่างง่ายดายขณะยังไม้ทันจบยก ความสามารถของนายขนมต้มจึงเป็นที่เลี่องลือ เป็นตำนานในฐานะนักมวยผู้เก่งกล้าของไทย
แม่ไม้มวยไทย
แม่ไม้มวยไทย จระเข้ฟาดหาง (หมุนตัวแล้วฟาดสันเท้าใส่ก้านคอ)
|
ลูกไม้มวยไทย หนุมานถวายแหวน
(ขกหมัดตรง/หมัดเสย หรือหมัดเหวี่ยงข้าง พร้อมกันสองมือเข้าที่ปลายคาง) |
แม่ไม้มวยไทยใช้สำหรับฝึกฝนการรุก การรับให้คล่องแคล่ว มี 15 ท่า คือ สลับฟันปลา, ปักษาแหวกรัง, ชวาซัดหอก, อิเหนาแทงกริช, ยอเขาพระสุเมรุ, ตาเถรค้ำฝัก, มอญยันหลัก, ปักลูกทอย, ขุนยักษ์จับลิง, จระเข้ฟาดหาง, หักวงไอยรา, นาคาบิดหาง, วิรุฬหกกลับ, ดับชวาลา และหักคอเอราวัณ
กติกา
ลูกไม้มวยไทย มณโฑนั่งแท่น
(กระโดดขึ้น เอาสะโพกทิ้งลงกระแทกหน้าอก)
มีกรรมการให้คะแนน 3 คน และกรรมการตัดสินชี้ขาดบนเวที การให้คะแนนนิยมให้เป็นยก ยกละ 10 คะแนน โดยดูจากการใช้ศิลปะการป้องกัน การต่อสู้ความบอบช้ำที่ได้รับ อันตรายจากบาดแผล การได้เปรียบเสียเปรียบ การถูกนับ ฯลฯ การชกจัดเป็นยก มี 5 ยก ยกละ 3 นาที พัก 2 นาที มุ่งผลเพียงแค่แพ้ – ชนะ และการแสดงศิลปะการต่อสู้ชั้นสูง
เครื่องแต่งกาย
ผู้ชกต้องแต่งกายตามกำหนด คือ นุ่งกางเกงขาสั้น ใส่กระจับ พันมือสวมนวม ใส่ฟันยาง และมีการสวมมงคล คาดผ้าประเจียด และก่อนชกต้องมีการไหว้ครู
กระทรวงวัฒนธรรมกำหนดให้วันที่ 6 กุมภาพันธ์ของทุกปีเป็น “วันมวยไทย”
บทความที่เกี่ยวข้องกับการละเล่น การแสดง และกีฬาของชาวไทย