ธรรมะสอนใจ
ลูกชอบโกหก แก้อย่างไรดี
โดย : พระมหาสมชาย ฐานวุฑฺโฒ
เจริญพร วันนี้เรามาหาวิธีแก้ปัญหาเรื่อง ลูกชอบโกหก มีแฟนเพจท่านหนึ่งเขียนจดหมายมาถามว่า โยมมีลุกอายุ 6 ขวบ เขามีนิสัยชอบโกหก โยมก็พยายามจะดุเขา ต่อมาหลังๆทำอีกนะไม่ยอมเลิก เลยมีตีบ้าง พอตีเขาก็ร้องไห้ แต่ก็ยังโกหกอยู่ดี เลยกลุ้มใจมาก เกรงว่าเขาจะติดนิสัยนี้จนโต ไม่ทราบจะแก้อย่างไรดี
ขอฝากคุณโยมไว้นะว่า การตี เอาไว้วิธีการหลัง แต่ให้ใช้การอธิบายให้เหตุผล ใจเย็นๆ นิดหนึ่งเป็นการให้ผลที่ยั่งยืนกว่า ชี้ให้เห็นว่าถ้าโกหกแล้วจะไม่ดีอย่างไร โทษที่เกิดขึ้นชี้ทั้งในโลกนี้ อีกหน่อยจะไม่มีคนเชื่อถือนี่ก็อันหนึ่ง แล้วก็ในภพหน้าคือถ้าโกหกแล้วเนี่ยจะทำให้ต่อไปเป็นคนขี้หลงขี้ลืม ตายไปแล้วมีวิบากกรรมตามมาอีกนะ มีสิทธิ์ตกมหานรกขุม 4 ได้นะ แล้วก็เอาภาพต่างๆ ที่หลวงพ่อทำไว้ แอนนิเมชั่นต่างๆ ดูเทียบเคียงกันได้ ภาพเปรตบ้าง ภาพในมหานรกบ้าง ท่านเด็กเห็นแล้วรู้ว่าโอ้โห มันจะเกิดโทษอย่างนี้นะ เขาก็จะกลัว แล้วก็จะไม่ทำอีก เป็นการไม่ทำที่โดยรู้เหตุผลที่มาที่ไป อย่างนี้จะยั่งยืนมากกว่าว่าเราจะขู่อย่าทำ เพราะถ้าทำเดี๋ยวแม่ดุ ถ้าทำเดี๋ยวแม่จะตี การให้เหตุผล ให้เห็นผลกระทบที่จะเกิดในอนาคตขึ้นแบบลึกๆเนี่ยได้ผลมากกว่า เคยมีตัวอย่างมาแล้วที่มีหนูน้อยคนหนึ่งที่มาวัด เรียนอนุบาลเท่านั้นเอง เสร็จแล้วก็เอาวีดีโอ ของที่วัดเกี่ยวกับเรื่องเปรต เอาไปฝากเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเพื่อนในโรงเรียน ก็มีเพื่อนรับไปเปิดดูที่บ้าน คุณแม่นี่งงเลย เพราะอยู่ๆ ปุ๊บลูกมาคุกเข่ากราบที่พื้นมานัวเนียอยู่ที่พื้นทำอะไรน่ะ แม่กำลังล้างจาน ดูอีกทีอ้าวลูกมากราบ บอกอ้าวลูกทำอะไร บอกหนูเห็นในวีดีโอ ว่าถ้าใครเถียงพ่อเถียงแม่ ตายแล้วจะไปเกิดเป็นเปรต หนูไม่อยากเป็นเปรตเลยมากราบคุณแม่ คุณแม่เลยงง เลยว่าอะไรวีดีโอเนี่ย วีซีดีอะไรแค่ดูแป๊บเดียว ลูกเปลี่ยนขึ้นมาได้ขนาดนี้ เลยเป็นจุดแรงบันดาลใจในการมาวัดและศึกษาธรรมะ
ฉะนั้นเราจะเห็นว่า วิธีการนี้นี่คือวิธีการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ในการสอนพระองค์จะให้หลักการแล้วจะมีตัวอย่างเรื่องราวเรื่องเล่าเยอะแยะมากมายในธรรมบทเอย ในชาดกเอย เอาเรื่องอดีตชาติมาเล่า ผลกระทบในอนาคต เปตวัตถุก็เกี่ยวกับเรื่องกับเปรตเกี่ยวกับนรกเนี่ย หรือวิมานวัตถุ เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์อย่างนี้เป็นต้น นี้แหละคือวิธีการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเอาหลักการวิธีการพระองค์มาใช้ เดี๋ยวสุดท้ายลูกของเราก็จะดีขึ้น เจริญพร
ขอฝากคุณโยมไว้นะว่า การตี เอาไว้วิธีการหลัง แต่ให้ใช้การอธิบายให้เหตุผล ใจเย็นๆ นิดหนึ่งเป็นการให้ผลที่ยั่งยืนกว่า ชี้ให้เห็นว่าถ้าโกหกแล้วจะไม่ดีอย่างไร โทษที่เกิดขึ้นชี้ทั้งในโลกนี้ อีกหน่อยจะไม่มีคนเชื่อถือนี่ก็อันหนึ่ง แล้วก็ในภพหน้าคือถ้าโกหกแล้วเนี่ยจะทำให้ต่อไปเป็นคนขี้หลงขี้ลืม ตายไปแล้วมีวิบากกรรมตามมาอีกนะ มีสิทธิ์ตกมหานรกขุม 4 ได้นะ แล้วก็เอาภาพต่างๆ ที่หลวงพ่อทำไว้ แอนนิเมชั่นต่างๆ ดูเทียบเคียงกันได้ ภาพเปรตบ้าง ภาพในมหานรกบ้าง ท่านเด็กเห็นแล้วรู้ว่าโอ้โห มันจะเกิดโทษอย่างนี้นะ เขาก็จะกลัว แล้วก็จะไม่ทำอีก เป็นการไม่ทำที่โดยรู้เหตุผลที่มาที่ไป อย่างนี้จะยั่งยืนมากกว่าว่าเราจะขู่อย่าทำ เพราะถ้าทำเดี๋ยวแม่ดุ ถ้าทำเดี๋ยวแม่จะตี การให้เหตุผล ให้เห็นผลกระทบที่จะเกิดในอนาคตขึ้นแบบลึกๆเนี่ยได้ผลมากกว่า เคยมีตัวอย่างมาแล้วที่มีหนูน้อยคนหนึ่งที่มาวัด เรียนอนุบาลเท่านั้นเอง เสร็จแล้วก็เอาวีดีโอ ของที่วัดเกี่ยวกับเรื่องเปรต เอาไปฝากเป็นของขวัญวันเกิดให้กับเพื่อนในโรงเรียน ก็มีเพื่อนรับไปเปิดดูที่บ้าน คุณแม่นี่งงเลย เพราะอยู่ๆ ปุ๊บลูกมาคุกเข่ากราบที่พื้นมานัวเนียอยู่ที่พื้นทำอะไรน่ะ แม่กำลังล้างจาน ดูอีกทีอ้าวลูกมากราบ บอกอ้าวลูกทำอะไร บอกหนูเห็นในวีดีโอ ว่าถ้าใครเถียงพ่อเถียงแม่ ตายแล้วจะไปเกิดเป็นเปรต หนูไม่อยากเป็นเปรตเลยมากราบคุณแม่ คุณแม่เลยงง เลยว่าอะไรวีดีโอเนี่ย วีซีดีอะไรแค่ดูแป๊บเดียว ลูกเปลี่ยนขึ้นมาได้ขนาดนี้ เลยเป็นจุดแรงบันดาลใจในการมาวัดและศึกษาธรรมะ
ฉะนั้นเราจะเห็นว่า วิธีการนี้นี่คือวิธีการที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าใช้ในการสอนพระองค์จะให้หลักการแล้วจะมีตัวอย่างเรื่องราวเรื่องเล่าเยอะแยะมากมายในธรรมบทเอย ในชาดกเอย เอาเรื่องอดีตชาติมาเล่า ผลกระทบในอนาคต เปตวัตถุก็เกี่ยวกับเรื่องกับเปรตเกี่ยวกับนรกเนี่ย หรือวิมานวัตถุ เรื่องเกี่ยวกับสวรรค์อย่างนี้เป็นต้น นี้แหละคือวิธีการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เราเอาหลักการวิธีการพระองค์มาใช้ เดี๋ยวสุดท้ายลูกของเราก็จะดีขึ้น เจริญพร
Desktop Version
